ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่137 ฆ่าตระกูลหวางของคุณด้วยมือข้างหนึ่งอย่างโหดเหี้ยมไม่ออมมื

บทที่137 ฆ่าตระกูลหวางของคุณด้วยมือข้างหนึ่งอย่างโหดเหี้ยมไม่ออมมื

บทที่137 ฆ่าตระกูลหวางของคุณด้วยมือข้างหนึ่งอย่างโหดเหี้ยมไม่ออมมือ

เมืองชิงหยูน ทางตะวันตกของเมือง ที่คฤหาสน์ตระกูลหวาง

ตกแต่งสวยสดงดงาม สไตล์โบราณ คฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีทางเข้าออกหลายสิบบาน ประตูสีแดงทรงสูงสองบานดูทรงพลังซะยิ่งกว่ากำแพงในสมัยโบราณ

เวลานี้ ภายในห้องโถงตระกูลหวาง มีคนวัยกลางคนที่สวมสูท ท่าทางไม่ธรรมดาอยู่สิบกว่าคน

คุณท่านตระกูลหวาง หวางเฉิงเต้า นั่งอยู่ตรงกลางห้องโถง ใบหน้าเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น หวางเฉิงเฉียนนั่งอยู่ข้างๆ สีหน้าซับซ้อน

ทั้งสองด้านของห้องโถงต่างเป็นคนของตระกูลหวาง รวมถึงหวางกั๋วคาง หวางจื่อเหวิน แม้แต่หวางโจงกับจางหงอี้ก็นั่งอยู่ที่มุม

“คุณท่านหวาง ทำเรื่องเรียบร้อยแล้ว ผมเอาคนมาให้คุณแล้ว!”

ติงเสินอีพูดด้วยความภูมิใจ ในมือถือก้อนหินก้อนใหญ่ ชี้ไปที่จางฉีโม่ให้เดินเข้ามา

สีหน้าจางฉีโม่ดูแย่ เข้าไปห้องโถงตระกูลหวางอย่างหมดหนทาง

“ดีมาก อาจารย์ติง ครั้งนี้รบกวนให้ท่านต้องออกจากเขาแล้ว แล้วยังรบกวนท่านช่วยดูผู้หญิงคนนี้อีก”หวางเฉิงเต้าหัวเราะอย่างภูมิใจ จากนั้นก็มองจางฉีโม่ด้วยความแค้น

“จางฉีโม่!คุณมันผู้หญิงเลวทราม ในที่สุดก็ตกอยู่ในมือตระกูลหวางพวกเราแล้ว!คุณกล้าร่วมมือกับเสิ่นซาน มาสู้กับพวกเรา?อยากตายใช่ไหม!”หวางจื่อเหวินลุกขึ้นกล่าวว่าอย่างเลวทราม

“ลูกชาย เตรียมเรียกบอดี้การ์ดของคุณ ถึงคุณจะทำเรื่องนั้นไม่ได้ ก็ต้องทำลายผู้หญิงคนนี้!ให้บอดี้การ์ดของคุณผลัดรอบกันทำ!”หวางกั๋วคางพูดอย่างบ้าคลั่ง

พวกเขาสองคน ตอนนี้ยังฟื้นตัวไม่ได้ เข้าห้องน้ำยังมีปัญหา ไม่ต่างอะไรกับขันทีที่ถูกตอน ที่ตัวมีกลิ่นคาวเสมอ ไปเจอผู้คนไม่ได้ แม้แต่ออกไปทำธุรกิจยังไม่มีหน้าออกไป

“เหอะ จางฉีโม่ คุณนี่มันต่ำตมจริงๆ แล้วยังอยู่กับหลินอิ่งสามีสวะๆของคุณ ครั้งที่แล้วก็ใช้อำนาจของคุณหนูมาตบหน้าผม?แล้วยังกล้ายั่วยุให้คนอื่นมาทำร้ายคุณชายหวางจื่อเหวิน คุณมันหาเรื่องตายจริงๆ กระทำผิด!”จางหงอี้ชี้ไปที่จมูกจางฉีโม่แล้วต่อว่า เต็มไปด้วยความโกรธ

ครั้งที่แล้วจางหงอี้ถูกหวางหงหลิงตบจนเสียหน้า ไม่กล้าไปแก้แค้นคุณหนูหวางหงหลิง ได้แต่เอาความแค้นไปไว้ที่หลินอิ่งกับจางฉีโม่!

“หึ!ผู้หญิงคนนี้แหละ เป็นหายนะจริงๆ!”หวางเฉิงเต้าทำเสียงฮึดฮัด ใบหน้าไม่พอใจอย่างมาก“ได้ยินว่าหลินอิ่งสามีสวะๆของเธอ ยังอยากจะเป็นแมงดาเกาะหงหลิงพวกเราใช่ไหม?เป็นคู่หมาสามีภรรยาที่หน้าด้านจริงๆ!”

พูดไป หวางเฉิงเต้าก็จ้องหวางเฉิงเฉียนที่อยู่ข้างๆเขม็ง พูดเสียงทุ้ม:“เฉิงเฉียน คุณต้องดูแลหวางหงหลิงดีๆ!เข้าใจไหม?”

หวางเฉิงเฉียนมีสายตาสับสน ถอนหายใจพูดไม่ออก หวางหงหลิงลูกสาวตัวเองตอนนี้ยังถูกคุณท่านสั่งห้ามไม่ให้ไปข้างนอกให้อยู่แต่วิลล่าของตระกูลหวาง แล้วก็ได้ยินลูกสาวพูดถึงหลินอิ่ง ได้ยินว่าไม่ธรรมดา

เห้อ คุณท่านครั้งนี้เสียสติไปแล้ว เพื่อหวางกั๋วคางสองพ่อลูกคู่นี้ก็บ้าระห่ำ ไม่มีความคิดเลยจริงๆ

หวางเฉิงเฉียนถอนหายใจข้างใน หวางกั๋วคางทำเรื่องไร้จิตสำนึกเช่นนี้ ยังไงซะเขาก็นั่งดูอยู่ข้างๆ พูดจาไม่น่าฟัง ยี่สิบกว่าปีนี้เป็นเขาที่ดูแลกิจการของตระกูลหวาง ให้ตระกูลหวางเจริญรุ่งเรือง ไม่ได้ดูที่ความเป็นพ่อลูก แล้วจะอนุญาตให้หวางเฉิงเต้ากับหวางกั๋วคาง ทำรากฐานกิจการที่เขาทนลำบากลำบนมา ก่อความชั่ว สร้างความโกลาหลมั่วๆได้อย่างไร?

“กั๋วคาง จื่อเหวิน ตอนนี้พวกคุณสองคนพาผู้หญิงคนนี้ไปข้างหลัง หาคนจัดการเธอ!เติมเต็มความคิดของพวกคุณครั้งที่แล้ว!”หวางเฉิงเต้ากล่าวอย่างหวาดกลัว จะต้องช่วยลูกชายตัวเองให้สำเร็จความบ้าคลั่งนั่น ตัดสิ่งชั่วร้ายของลูกหลานไป!

“โอเค อาจารย์ติง รบกวนท่านพาเธอไปที่ข้างห้องรับแขก!”หวางจื่อเหวินพูดอย่างโหดๆ

สายตาจางฉีโม่ดูตื่นตระหนก คิดไม่ถึงว่า จางหงอี้ที่เป็นน้ารองมองเห็นตัวเองลำบาก ไม่ช่วยพูดอะไร แต่ยังมีความคิดร้ายกาจเช่นนี้อีก แล้วสองพ่อลูกหวางจื่อเหวิน ยังคิดหาทางกำจัดตัวเอง?

เสียงดังโครม ในเวลานี้เอง เสิ่นซานพาพวกหลิวจุนทั้งสี่คนบุกเข้าไป

“ถ้าคุณกล้าทำอะไรมั่วๆ วันนี้ผมจะทำลายคุณต่อหน้าคนทั้งหมด!”เสิ่นซานพูดอย่างเย็นชา ทำเอาติงเสินอีที่ขี้ขลาดตกใจจนตัวสั่น

สถานการณ์อะไร พาคนมาฆ่าในห้องโถงตระกูลหวาง?

“เสิ่นซาน คุณรังแกคนเกินไปหรือเปล่า!จู่ๆก็กล้าปรากฏตัวต่อตระกูลหวาง!”หวางเฉิงเต้าพูดอย่างโหดๆ

“ตาแก่หวาง คุณอยากตายเหรอ?แล้วยังให้คนมาจับคุณนายหลิน?”เสิ่นซานพูดด้วยความโกรธ

ท่านหลินมอบให้เขาดูแลคุณนายหลินดีๆ ตอนนี้ หวางเฉิงเต้ายังคิดก่อเรื่อง นี่มันหาเรื่องใส่ชีวิตตัวเองจริงๆ!

“โอเค!เสิ่นซาน คุณนี่มันจริงๆเลยนะ กล้าหยิ่งผยองที่ตระกูลหวางของเรา!”หวางเฉิงเต้าพูดด้วยความโมโห“คุณกำจัดบอดี้การ์ดของผมได้ใช่ไหม?ผมจะดูว่าพวกคุณสี่คนจะเก่งแค่ไหน!”

หวางเฉิงเต้าโบกมือ เสียงดังโครม พวกผู้ชายสวมชุดฝึกกังฟูพุ่งมาจากลานด้านหลัง แต่ละคนดูแข็งก้าว ล้วนแต่เป็นลูกศิษย์สำนักของติงเสินอี

“อาจารย์ติง กล้าเชิญท่านมาช่วยลงมือ ล้มเสิ่นซานสี่คนนี้ที่หาเรื่องตายไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”หวางเฉิงเต้าพูดอย่างโหดๆ

“คุณกล้าแตะต้องก็ลองดู!หวางเฉิงเต้า รถด้านนอกตระกูลหวางหกเจ็ดสิบคันคือคนของผม ไม่แน่ วันนี้อาจจะจัดการตระกูลหวางจนเรียบ! ”เสิ่นซานพูดอย่างเย็นชา

ได้ยินดังนั้น หวางเฉิงเต้าก็เลิกคิ้ว พ่อบ้านข้างๆคนหนึ่งเข้ามาพูด สีหน้าเขาก็แย่ลงอย่างมาก รู้ว่าเสิ่นซานไม่ได้กำลังขู่

เวลานั้น คนทั้งสองฝ่ายก็ตะลึงไป

“ท่านเสิ่นซาน ทำไมต้องทำให้เรื่องใหญ่โตขนาดนี้แค่ผู้หญิงคนเดียว?แบบนี้ละกัน เข้ามานั่งคุยเถอะ จะเสิร์ฟชาให้ท่านสาม”น้ำเสียงหวางเฉิงเต้าผ่อนคลายหน่อยๆ พูดอย่างซีเรียส

เสิ่นซานทำเสียงฮึดฮัด นั่งเก้าอี้ตัวหนึ่งที่หน้าห้องโถง มองหวางเฉิงเต้า และสามพี่น้องหลิวจุนีท่อยู่ข้างๆอย่างเย็นชา แต่มองจางฉีโม่เขม็ง คุณนายหลินจะได้ไม่เป็นอะไร

พวกเขาแจ้งท่านหลินแจ้ง ท่านหลินรีบมาทันที ก่อนหน้านี้ห้ามให้คุณนายหลินเป็นอะไรไปเด็ดขาด!

“ท่านสาม ผมไว้หน้าคุณได้ ไม่สร้างปัญหาให้คุณ แต่ผู้หญิงอย่างจางฉีโม่จะต้องทิ้งไว้ ผมจะถือว่าจ่ายเงินและให้ของขวัญชดเชย แต่ต้องจัดการเธอ!”หวางเฉิงเต้าพูดอย่างโหดๆ วันนี้ จะต้องล้างเอาจางฉีโม่มาล้างบาปให้ลูกหลานตัวเอง!

เสิ่นซานมองไปที่หวางเฉิงเต้าอย่างเย็นชา กำลังจะพูดอะไร จู่ๆ แผ่นหลังชุดกันลมที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว ก็ปรากฏตรงหน้า

หลินอิ่งมาแล้ว มาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง

เป็นเช่นนี้ ยืนที่ห้องโถงตระกูลหวางอย่างไร้อารมณ์

“คุณคือใคร?ทำไมกล้าบุกตระกูลหวางของเรา?มีสิทธิ์อะไรมาที่ตระกูลหวาง?”หวางเฉิงเต้าพูดอย่างเย็นชา จ้องวัยรุ่นที่บุกเข้ามาจากด้านนอก

“หลินอิ่ง คุณมาได้ไง?”จางฉีโม่มีสายตาตกใจ จึงพบว่า หลินอิ่งจู่ๆก็มาถึง ทันใดนั้น ในใจก็เริ่มรู้สึกปลอดภัยแปลกๆ

“หลินอิ่ง?คุณนี่เองเหรอที่เป็นสามีสวะของผู้หญิงคนนี้?”หวางเฉิงเต้าขมวดคิ้วหน่อยๆ มองหลินอิ่งอย่างไม่พอใจ

“ใช่ คุณท่าน นี่คือไอ้สวะหลินอิ่ง แล้วยังยั่วยวนคุณหนู ครั้งที่แล้วยังหลอกใช้ให้คุณหนูมาตบฉัน ท่านต้องช่วยฉันจัดการนะ!”จางหงอี้รีบพูด มองหลินอิ่งด้วยความแค้น

“ครับ พ่อ นี่แหละไอ้สวะที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แล้วยังให้คุณหนูมาตบหน้าภรรยาผม ครั้งนี้แล้วยังทำร้ายจื่อเหวิน!”หวางโจงรีบพูด

หวางจื่อเหวินมองเห็นหลินอิ่ง ก็โมโหก่อน จากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง:“ฮ่าฮ่า เยี่ยม!คู่หมาสามีภรรยาแบบพวกคุณอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเชียว โอเค หลินอิ่ง วันนี้คุณจะต้องอับอาย ให้สวะอย่างคุณได้ดู ว่าภรรยาเลวทรามของคุณนี้จะถูกทำลายอย่างไร!”

พูดไป หวางจื่อเหวินก็เข้าไปเลียแข้งเลียขาหวางเฉิงเต้า ร้องไห้“คุณปู่ ปู่ต้องช่วยผมหลุดพ้นจากเรื่องนี้ ตอนนี้ผมถูกตัดจนพิการ ชาตินี้หวังแค่ว่าจะออกจากเรื่องเหม็นเน่าพวกนี้ให้ได้ก็พอ!”

“โอเค!”หวางเฉิงเต้าพูดอย่างเย็นชา“หลินอิ่ง สวะอย่างคุณกล้ายั่วยวนคุณหนูของตระกูลหวางพวกเรา แล้วยังก่อเรื่องอีก คุณกับภรรยาของคุณวันนี้ออกไปจากตระกูลหวางไม่ได้แน่!เสิ่นซาน นอกซะจากว่าคุณจะทำลายตระกูลหวางของพวกเรา ไม่อย่างนั้น วันนี้คุณก็อย่ามีหน้าไปอีกเลย!”

เสิ่นซานไม่กล้าพูดแทนหลินอิ่ง มองหลินอิ่งอย่างเหงื่อท่วมหน้าผาก

“ทุกคนตระกูลหวางคุกเข่าลงให้หมด!”หลินอิ่งมองหวางเฉิงเต้าด้วยสายตาเยือกเย็นสุด

“ไม่งั้น คุณจะเชื่อไหมว่ามือข้างเดียวของผม ภายในห้านาทีจะฆ่าคนทั้งตระกูลหวางของพวกคุณให้สิ้นซาก อย่างไม่เหลือดี!

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท