ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 197 แกมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสามวัน

บทที่ 197 แกมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสามวัน

บทที่ 197 แกมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสามวัน

หลินอิ่งพุ่งเข้าไปคว้าศีรษะของเซียวจวงไว้ จากนั้นก็โขกลงบนพื้นเสียงดัง ศีรษะที่ถูกโขกแตกจนเลือดไหลอาบ

“อ๊าก! ไอ้คนชั้นต่ำสมควรตาย! ช้าเร็วฉันจะต้องฆ่าแกให้ได้!” แผดร้องคำรามราวกับคนเสียสติ แววตาไม่ยินยอมอย่างยิ่ง!

เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า จะถูกคนสบประมาทเหยียดหยามเช่นนี้ในเมืองระดับล่างอย่างเมืองชิงหยูน!

พลั่ก!

ส้นรองเท้าของหลินอิ่งเหยียบอยู่บนศีรษะของเซียวจวง กดศีรษะเขาไว้กับพื้นอย่างไม่มีการผ่อนปรน

เหยียบจนเซียวจวงในใจรู้สึกอัปยศ รู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตัวเองถูกเหยียบย่ำไม่มีเหลือ หน้าตาท่าทางล้วนบิดเบี้ยวไปหมด อ้ำๆ อึ้งๆ คิดอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ลิ้นฟันกลับเกิดอาการชา มุมปากเต็มไปด้วยเลือด

อยู่ประเทศMตั้งแต่เกิดมา เขามีชีวิตเป็นที่จับตามองของผู้คน แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีใครกล้าด่าคุณชายตระกูลเซียวอย่างเขาต่อหน้า อย่าว่าแต่จะถูกเหยียบต่อหน้าสาธารณะเลย!

“แกคิดว่าตระกูลเซียวของพวกแกนับเป็นตัวอะไร? เลียเท้าประเทศM เป็นองค์กรสุนัขรับใช้ที่ได้รับรางวัลเป็นกระดูกบ้างก็เท่านั้น” หลินอิ่งพูดเสียงเย็น

เขาไม่มีความคิดจะไปสืบเซียวซื่อกรุ๊ปของประเทศM เพียงแต่ได้ยินหวางหงหลิงพูดว่าเซียวซื่อกรุ๊ปเป็นกลุ่มนายทุนใหญ่ที่คนใหญ่คนโตท่านหนึ่งของเมืองตุงไห่อพยพไปอยู่ประเทศMในตอนนั้นก่อตั้งขึ้นมา อีกเดี๋ยวก็รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

บริษัทวงศ์ตระกูลที่โยกย้ายเงินทุนออกจากประเทศหลงไปอยู่ต่างประเทศอย่างเช่นบริษัทนี้ ไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะใหญ่คับฟ้าอย่างที่ประกาศเพียงใด ในความเป็นจริงล้วนเป็นองค์กรสุนัขรับใช้ที่เลียเท้าประเทศMจนได้รับกระดูกเป็นรางวัลทั้งสิ้น

“คนชั้นต่ำของประเทศหลงอย่างแกมีสิทธิ์อะไรมาพูดถึงเซียวซื่อ? ฉันคือคนสูงศักดิ์ของประเทศM สายเลือดและฐานะของฉันล้วนอยู่ประเทศM!” เซียวจวงพูดอย่างไม่ยอมแพ้

“คิดว่าคนชั้นต่ำอย่างแก คงไม่เข้าใจหรอกว่าอำนาจเงินนั้นมันแข็งแกร่งแค่ไหน!” เซียวจวงกล่าวอย่างยโสโอหัง “วันนี้แกสร้างความอับอายให้ฉัน ฉันจะตอบแทนแกคืนสิบเท่าร้อยเท่า!”

“หึ อำนาจเงิน?” หลินอิ่งยิ้มเย็น ใช้เท้าข้างหนึ่งเตะเซียวจวงขึ้นมา ถีบร่างของเขากระแทกใส่ฝาผนังอย่างแรง ล้มกลิ้งไปบนพื้น กระอักเลือดออกมาสองที

จากนั้น หลินอิ่งก็เดินเข้าไปจับศีรษะเซียวจวงไว้ แววตาเย็นเยียบ

“จำไว้ ที่นี่คือประเทศหลง ไม่ใช่ที่ที่เงินของพวกแกจะทำอวดดีได้” หลินอิ่งพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เอาเงินจากประเทศMของแกมาทำโอหังที่นี่ ใช้ไม่ได้ผลหรอกนะ!”

คำพูดและการกระทำของเซียวจวง ตั้งแต่หัวจรดเท้าก็คือท่าทางของคุณชายใหญ่แห่งกลุ่มนายทุนคนหนึ่ง ในสายตาเขา คนที่ไม่มีเงินก็ไม่นับว่าเป็นคน นั่นคือเป็นหมูเป็นหมาที่สามารถจะทำยังไงก็ได้ ถูกใจผู้หญิงคนไหนก็จะแย่งมา ต้องการอะไรก็สามารถใช้เงินปูทางฉกฉวยเอามา สามารถทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น แม้แต่อำนาจตุลาการศาลยุติธรรมของประเทศนั้นก็ยังถูกเงินครอบงำ

“เงินของแกไม่มีมากมายเท่าฉัน แกก็แค่ไอ้คนชั้นต่ำคนหนึ่ง” เซียวจวงพูดอย่างไม่ยอมแพ้

หลินอิ่งตบหน้าเขาไปหนึ่งฉาด เซียวจวงถูกตบจนแก้มสองข้างบวมปูดขึ้นมา

“คนชั้นต่ำที่ออกมาจากปากแก แกรู้ไหม บรรพบุรุษแกก็เป็นคนของประเทศหลงเหมือนกัน? คุกเข่าไปที่ประเทศMในต่างแดน ถึงได้มีไอ้ลูกผสมอย่างแกออกมานี่ไง? แกรู้ไหมว่ารากเหง้าของแกอยู่ที่ไหน ยังมีหน้ามาทำท่าทางเหนือกว่าคนอื่นในประเทศหลง?” หลินอิ่งพูดเสียงเย็น เหยียบศีรษะเซียวจวงอย่างไม่มีการผ่อนปรน

เซียวจวงเป็นหุ้นส่วนของลาตินกรุ๊ป พฤติกรรมชั่วที่ลาตินกรุ๊ปแอบทำในเมืองชิงหยูน สอดคล้องกับนิสัยของคนอย่างเซียวจวงทั้งสิ้น โดยไม่เห็นคนของประเทศหลงเป็นคน

โดยเฉพาะ วันนี้ถึงกลับมาเยือนถึงที่ ต่อหน้าตนเอง บอกว่าต้องการแย่งฉีโม่มา? นี่จิตใจทำด้วยอะไร ไม่เห็นคนอยู่ในสายตาเพียงใด ถึงกล้าพูดว่าจะแย่งภรรยาคนอื่นต่อหน้าเจ้าตัวแบบนี้?

“หลินอิ่ง ไอ้เศษสวะ! วันนี้แกกล้าทำให้ฉันขายหน้าขนาดนี้ ฉันรับรองว่าแกจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสามวัน!” เซียวจวงสีหน้าบิดเบี้ยว แผดเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง “แกกล้าฆ่าฉันไหมล่ะ? หา? ฆ่าฉันไม่ตาย แกจะได้ลิ้มรสการแก้แค้นร้อยเท่า และแกก็คงไม่มีปัญญาปกป้องเมียแกเช่นกัน!”

ต่อให้ตอนนี้สวะอย่างหลินอิ่งเหยียบเขาไว้ใต้เท้าแล้วอย่างไร? รอให้กลับไปได้ก่อน เขาจะอาศัยเงินและอำนาจของเซียวซื่อกรุ๊ป ใช้กลวิธีและอุบายในการแก้แค้น จะต้องย่ำยีภรรยาของมันต่อหน้าหลินอิ่ง ถึงจะระบายความอัปยศที่ได้รับในวันนี้ได้!

“ฆ่าแกตาย?” หลินอิ่งแค่นเสียงเย็นชา “ฆ่าแกตายจะมีความหมายอะไรกัน? ในเมื่อแกเชื่อมั่นในอำนาจเงินขนาดนี้ ฉันก็จะทำให้แกสูญเสียเงินที่แกครอบครองทั้งหมดไป”

ฆ่าไอ้คนพันทางอย่างเซียวจวงตายในบริษัทเครื่องประดับจางซื่อของฉีโม่ ไม่เพียงจะทำให้สถานที่สกปรก ยังจะทำให้มือเขาเองสกปรกด้วย

“แกไม่กล้าฆ่าฉันสินะ? งั้นแกก็รอได้เลย! ภายในสามวัน แกจะต้องคุกเข่าเสียใจภายหลัง!” เซียวจวงตะโกนก้อง

หลินอิ่งจับศีรษะเซียวจวงไว้ทันที ใช้ฝ่ามือตบหน้าไปหนึ่งฉาด เขาถูกตบจนหมุนตีลังการ้อยแปดสิบองศาอยู่ในอากาศ ล้มลงบนพื้นตะโกนร้องโอ๊ยโอ๊ย

“ไสหัวไป!” หลินอิ่งกล่าวอย่างไม่แยแส

เซียวจวงกุมแก้มที่บวมปูดเอาไว้ มีบอดี้การ์ดสองสามคนคอยประคอง เดินออกไปจากอาคารเป่าติ่งอย่างไม่ยินยอม

“คุณชายเซียว รอฉันด้วย” ปี้ซินหยู่ไร้เรี่ยวแรง เดินตามไปด้วยท่าทางประจบสอพลอ

เซียวจวงพลิกฝ่ามือตบไปบนหน้าปี้ซินหยู่สองสามครั้ง “ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ นังแพศยา ทำลายโชคดีของฉัน!”

“คุณชายเซียว ฉัน……อย่าโกรธเลยนะคะ ไอ้สวะอย่างหลินอิ่งก็แค่อาศัยเกาะเจียงฉีของไห่หยางกรุ๊ปกิน เขากล้าลงมือกับคุณอย่างไม่รู้จักที่ตาย คุณต้องเล่นงานกลับคืนได้แน่” ถูกตบหน้าไปแล้ว ปี้ซินหยู่ยังคงยิ้มอย่างประจบเอาใจเต็มใบหน้า

เพียะๆๆ เซียวจวงตบหน้าปี้ซินหยู่ไปอีกสองที หลังถูกหลินอิ่งเหยียบย่ำความโกรธจึงมีอยู่เต็มท้อง อยู่ตรงนั้นทำอะไรหลินอิ่งไม่ได้ คราวนี้จึงเอาความโกรธทั้งหมดมาระบายใส่ปี้ซินหยู่แทน

“แกยังจะพูดอะไรอีก? ต่อไปนังแพศยาอย่างแกอย่ามาโผล่ให้ฉันเห็นหน้าอีก แกมันตัวหายนะ!” เซียวจวงบริภาษอย่างรุนแรง “วันนี้ฉันไม่ได้ถูกใครเล่นงาน แกได้ยินชัดเจนหรือยัง?”

“ใช่ ใช่ คุณชายเซียว ฉันพูดผิดไป คุณไม่ได้ถูกใครเล่นงาน ต่อไปฉันจะไม่พูดมั่วซั่วอีกแล้ว” ปี้ซินหยู่ยังคงพูดอย่างประจบเช่นเดิม

เซียวจวงใช้เท้าข้างหนึ่งถีบปี้ซินหยู่จนล้มลงกับพื้น หลังตบตีด่าทอเธอไปชุดหนึ่ง ก็เดินออกจากอาคารเป่าติ่งด้วยสีหน้าอาฆาตแค้น

ปี้ซินหยู่กล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม ถูกเซียวจวงตบจนจมูกเขียวหน้าบวมนั่งอยู่บนพื้น น้ำตาไหลออกมานองหน้า

หลินอิ่งมองภาพนี้ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

เขาไม่มีความสงสารต่อผู้หญิงคนนี้เลยสักนิด สมน้ำหน้าเสียด้วยซ้ำ ขายตัวให้กับคนของประเทศMที่เงินขึ้นสมองอย่างเซียวจวง จะมีจุดจบที่ดีได้ยังไง? ขอเพียงเคยอ่านหนังสือประวัติศาสตร์มัธยมต้นก็รู้กันทั้งนั้น ประเทศหลงนับแต่โบราณมา การเลียเท้าคนต่างชาติไม่เคยมีจุดจบที่ดี

“หลินอิ่ง ทั้งหมดเป็นเพราะแก! แกรอก่อนเถอะ คุณชายเซียวต้องมาแก้แค้นแกแน่! ปี้ซินหยู่มองหลินอิ่งด้วยแววตาอาฆาตมาดร้าย จากนั้นก็เดินออกจากอาคารเป่าติ่งด้วยความโมโหและอับอายอย่างยิ่ง

ในใจเธอโกรธแค้นหลินอิ่งเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะคนไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอย่างหลินอิ่ง เล่นงานคุณชายเซียววันนี้ คุณชายเซียวจะเอาความโกรธมาลงที่เธอได้ยังไง? เพราะหลินอิ่ง ทำให้เธอเกือบจะเสียบ่อเงินบ่อทองคนหนึ่งไป!

หลินอิ่งส่ายศีรษะ ผู้หญิงคนนี้สันดานทาสขึ้นสมองไปแล้ว

วันนี้คุณชายใหญ่ของกลุ่มนายทุนต่างชาติอย่างเซียวจวง หนึ่งในหุ้นส่วนใหญ่ของลาตินกรุ๊ปมาที่นี่ ทำให้ในใจเขาแน่ใจถึงเหตุผลในการที่ลาตินกรุ๊ปเข้ามาตั้งอยู่ในเมืองชิงหยูนแล้ว เห็นที จะเป็นอย่างที่ตนเองคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้ ลาตินกรุ๊ปอาจเป็นหมากที่ตระกูลเหวินแห่งตี้จิงวางไว้

คิดๆ แล้ว หลินอิ่งก็เดินออกจากห้องอาหารต้อนรับ ขึ้นไปที่ลิฟท์ เพื่อไปยังห้องทำงานประธานของอาคารเป่าติ่ง

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท