ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 316 การถอนตัวของนิ่งไท่จี๋

บทที่ 316 การถอนตัวของนิ่งไท่จี๋

“หึ!” นิ่งไท่จี๋ตะคอกอย่างเย็นชา สีหน้าของเขาเย็นชา สายตาของเขาสง่างามมาก และเขาสแกนดูลูกหลานของตระกูลนิ่งที่อยู่ในที่นั่ง

“พวกคุณทุกคนต้องฟังให้ดี ในอนาคต จะไม่ได้รับอนุญาตให้กล่าวถึงนิ่งจองเต้าอยู่ในตระกูลนิ่งอีกต่อไป!” นิ่งไท่จี๋กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าสัตว์ตัวนี้! ผิดสามัญสำนึก ข้าได้ตัดเขาออกจากลำดับวงศ์ตระกูลของตระกูลนิ่งไปแล้ว ทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ชื่อของบุคคลคนนี้ ตระกูลนิ่งจะยึดกลับมาทั้งหมด! ”

“อะไรนะ!”

“นายท่าน! ทำไมคุณถึงนำพี่สอง………ไม่สิ ทำไมคุณถึงตัดบุคคลคนนั้นออกจากลำดับวงศ์ตระกูลเหรอ?”

“นี่มันไม่รุนแรงไปหน่อยเหรอ! ตัดออกจากลำดับวงศ์ตระกูล แต่ยังจะกู้คืนทรัพย์สินทั้งหมดอีกด้วย……นี่ ครอบครัวแห่งที่สองก็จบลงแล้วอา!”

หลังจากที่นิ่งไท่จี๋ประกาศเรื่องนี้ออกมาอย่างจริงจัง ข่าวดังกล่าวก็เหมือนก้อนหินที่น่าตกใจ และทุกคนที่อยู่ในสถานที่ต่างก็แสดงสีหน้าที่หวาดกลัวออกมา

นี่มันน่าสยองเกินไปแล้ว!

สำหรับคนในตระกูลนิ่งเหล่านี้ นิ่งจองเต้าเป็นหนึ่งในสามของหัวหน้าตระกูลนิ่งมาโดยตลอด ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเขายิ่งครอบครองอำนาจของตระกูลนิ่งทั้งหมด ราวกับว่าเขาเป็นรุ่นที่เป็นหัวหน้าตระกูลนิ่งเลย

อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้น นายท่านนิ่งไท่จี๋ก็ออกหน้ามา และประกาศโดยตรงว่าตัวตนของนิ่งจองเต้าถูกตัดออกจากตระกูลนิ่ง และแม้กระทั่งเรียกคืนทรัพย์สินทั้งหมดอีกด้วย

สถานการณ์ของตระกูลนิ่งเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ!

“พวกคุณ ไม่ต้องถามว่าทำไม! ไอ้สัตว์ตัวร้ายนิ่งจองเต้า เลวยิ่งกว่าสัตว์! ก่ออาชญากรรมที่ชั่วร้ายทิ้งไว้ และผม ก็จะถือว่าไม่เคยมีลูกชายแบบนี้มาก่อน” นิ่งไท่จี๋พูดอย่างโกรธเคือง ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ “คนผู้นี้ ตายไปแล้ว! ถึงตายก็ไม่น่าเสียดายหรอก!”

“ตายแล้วเหรอ………”

นิ่งจองเต้าผู้ทรงพลังตายแล้วเหรอ?

ผู้นำตระกูลนิ่งหลายคนที่อยู่ในสถานที่ หน้าซีด และร่างกายของพวกเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน

บรรดาพวกเขาหลายคนอยู่ฝ่ายเดียวกันกับนิ่งจองเต้า และโน้มตัวไปทางครอบครัวที่สองตั้งแต่เนิ่นๆ โดยคิดว่าการติดตามนิ่งจองเต้าไปจะมีความมั่งคั่ง และเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ผลก็คือผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่คนนี้ก็ได้ล้มลงในทันที

นอกจากนี้ นิ่งจองเต้าเป็นลูกชายที่ได้รับการปลูกฝังโดยนายท่านเอง? เหตุใดนายท่านเหมือนอยากจะให้นิ่งจองเต้าตายไปนานแล้วอย่างงั้น? ความลับในเรื่องนี้คืออะไรกันแน่? หลังจากที่ผู้อาวุโสมาถึงที่ตระกูลนิ่งแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกับการพลิกผันที่แปลกประหลาดนี้?

นอกจากความตกใจแล้ว คนในครอบครัวตระกูลนิ่งที่นั่งอยู่ในสถานที่ ก็มีข้อสงสัยมากมายอยู่ในใจ แต่พวกเขาไม่กล้าถามอะไรมากไปกว่านั้น เพราะยังไงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ท่าทางของนายท่านในปัจจุบัน เต็มไปด้วยกลิ่นไอที่สังหารจริงๆ เลยทีเดียว และไม่มีใครกล้าพูดมากเพื่อรนหาความซวย

ในเวลานั้น ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องต่างก็รู้สึกเกรงกลัว และตัวสั่น ทุกคนเหมือนนั่งอยู่บนเขียงและเข็ม

นิ่งไท่จี๋หยุดชั่วขณะ และมองไปที่หลินอิ่ง หลินอิ่งถือถ้วยชาไว้ในมือ พยักหน้าเล็กน้อยตามปกติ

นิ่งไท่จี๋พยักหน้ารับทราบ ท่าทางของเขาเคร่งขรึมและสง่างาม และพูดอย่างช้าๆ ว่า “ทุกคนในตระกูลนิ่ง ลูกหลานมากกว่า 100 คนที่อยู่ในสถานที่ คอยฟังให้ดีจากปากข้า! ”

“ข้า ได้ตัดสินใจแล้วว่า ในวันนี้จะถอนตัวออกจากวงการ ต่อจากนี้ไป ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับในเรื่องของตระกูลนิ่งอีกต่อไป! ”

ทันทีที่คำกล่าวนี้ถูกเปิดเผย สีหน้าของทุกคนในที่นั้นเริ่มไม่ตกใจขึ้นมา โดยไม่คาดคิดว่านายท่านจะประกาศลาออกอย่างกะทันหัน00

“อะไรนะ! นายท่าน คุณจะถอนตัวออกจากวงการงั้นเหรอ?”

“ถ้าอย่างนั้น คุณคิดว่าจะให้ใครจากตระกูลนิ่งเข้ามารับช่วงต่อล่ะ?”

ผู้บริหารระดับสูงของตระกูลนิ่งหลายคนถามคำถามทันที สิ่งที่พวกเขาเป็นห่วงมากที่สุดก็คือ มรดกจำนวนมากของตระกูลนิ่ง จะถูกส่งมอบต่อให้ใคร หลังจากที่นิ่งไท่จี๋ถอนตัวออก!

จะต้องรู้ว่า ในฐานะที่เป็นห้ายักษ์ใหญ่ตระกูลที่ร่ำรวยของประเทศหลุง ตระกูลนิ่งเป็นอาณาจักรที่ตั้งอยู่ในวงการธุรกิจของประเทศหลุง และการเปลี่ยนแปลงของหัวหน้าตระกูลนิ่งนั้น สามารถส่งผลกระทบต่ออำนาจในวงการตี้จิงทั้งหมด และกระทั่งกระจายไปกระทบในวงการธุรกิจทั้งหมดของประเทศหลุงอีกด้วย!

การตัดสินใจในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อชะตากรรมของผู้คนนับไม่ถ้วนในวงการธุรกิจ!

“ข้าจะขอแนะนำให้พวกคุณอย่างเป็นทางการ หลินอิ่ง ผู้อาวุโสหลิน!” นิ่งไท่จี๋ยืนขึ้นอย่างสั่นเทา และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ในอนาคต หลินอิ่ง และผู้อาวุโสหลิน จะเป็นผู้นำของตระกูลนิ่ง! เรื่องของตระกูลนิ่งทั้งหมด! ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ทุกอย่างอยู่ที่ผู้อาวุโสหลินเป็นคนตัดสินใจ! ”

“แม้กระทั่ง ชีวิตและความเป็นตายของพวกคุณ ผู้อาวุโสหลินก็จะเป็นคนตัดสิน!”

ทันทีที่คำพูดจบลง ราวกับฟ้าร้องและการระเบิด ในห้องโถงคฤหาสน์นิ่งซื่อทั้งหมดเดือดพล่าน และสายตาคนของตระกูลนิ่งแต่ละคนก็เต็มไปด้วยความตกใจและสยดสยอง ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็จ้องไปที่ใบหน้าหนุ่มของหลินอิ่งพร้อมกัน

พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า นายท่านนิ่งไท่จี๋จะมอบรากฐานของตระกูลนิ่งให้กับคนนอกไป!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันถูกส่งมอบให้กับผู้อาวุโสหลินผู้ลึกลับคนนี้

ใบหน้าของหลินอิ่ง ดูเด็กเกินไป และพวกเขาอดคิดในใจไม่ได้ว่า หลินอิ่ง จะสามารถดูแลตระกูลนิ่งได้หรือไม่?

“นายท่าน! คุณ ไม่ใช่ว่ากำลังล้อเล่นอยู่เหรอ? ตระกูลนิ่งมีผู้บริหารระดับอาวุโสอยู่มากมาย หลินอิ่งเด็กหนุ่มในวัยยี่สิบต้นๆ อย่างเขา มีความสามารถอะไร ที่จะสามารถมาเป็นผู้นำของตระกูลนิ่งได้? ” นิ่งจองเสียนไม่พอใจเป็นคนแรก และถามขึ้นมาทันที

“ใช่ นายท่าน การตัดสินใจของคุณมันบุ่มบ่ามเกินไปหรือไม่? หลินอิ่งเหรอ? เขา จะสามารถบริหารตระกูลนิ่งขนาดใหญ่ของเราได้หรือไม่?”

“นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย! ตระกูลนิ่งมีธุรกิจเก่าแก่ร่วมศตวรรษ และยังขอให้นายท่านตัดสินใจ หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว! ”

ผู้บริหารระดับสูงของตระกูลนิ่งเกือบทั้งหมดที่อยู่ในสถานที่ ต่างก็พูดอย่างสงสัย และพวกเขาไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะให้หลินอิ่งซึ่งเป็นคนนอกมาบริหารตระกูลนิ่ง

สายตาของนิ่งไท่จี๋แหลมคมราวกับใบมีด และมองไปที่ผู้คนที่อยู่ในสถานที่ ในใจของเขาก็มีอาการสั่น เมื่อเขามองไปที่ผู้บริหารระดับสูงของตระกูลนิ่ง

“หุบปากไปซะ! ข้าได้ตัดสินใจถอนตัวออกจากวงการแล้ว และจะไม่ถามถึงเรื่องใดๆ อีกต่อไป” นิ่งไท่จี๋พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาสุดๆ “ในวันนี้ ผู้อาวุโสหลินเป็นผู้นำของตระกูลนิ่งของเรา! ถ้าพวกคุณไม่พอใจ จุดจบก็จะเป็นเหมือนนิ่งจองเต้าไอ้สัตว์นั่น! จำไว้ให้ดีนะ ผู้อาวุโสหลินจะเป็นผู้ตัดสินความเป็นตายของพวกคุณ ถ้าผู้อาวุโสต้องการจะฆ่าพวกคุณ ผม ก็ไม่สามารถห้ามได้”

หลังจากพูดจบ นิ่งไท่จี๋ก็หลับตาลงและหยุดพูด และหยุดให้ความสนใจกับสมาชิกในตระกูลนิ่งที่ตกตะลึงอยู่ หันไปมองหลินอิ่ง และก้มศีรษะเพื่อส่งสัญญาณ

“ผู้อาวุโส จากนี้ไป ตระกูลนิ่งแห่งตี้จิง ก็ต้องรบกวนท่านแล้ว เพิ่มงานให้ท่านแล้ว” นิ่งไท่จี๋กล่าวอย่างเคร่งขรึม

หลินอิ่งพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม การแสดงออกของนิ่งไท่จี๋ก็ผ่อนคลายลงมากขึ้น และก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น และด้วยการประคองตัวของผู้ติดตามทั้งสอง เขาก็ถอนตัวออกจากห้องโถงคฤหาสน์นิ่งซื่อไป

และคนในตระกูลนิ่งที่อยู่ในสถานที่ ยังไม่ตอบสนองกลับมาว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาทั้งหมดจ้องไปที่หลินอิ่งอย่างสยองขวัญ ในสมองของพวกเขา ไม่สามารถแยกแยะข่าวขนาดใหญ่ดังกล่าวได้ในชั่วขณะหนึ่ง!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นิ่งจองเสียน คุกเข่าอยู่บนพื้นไม่มีสีหน้า และสายตาที่มองไปที่หลินอิ่ง เต็มไปด้วยความกลัวและความสิ้นหวัง

ไม่มีใครคาดคิดว่า หลินอิ่งจะมีพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ ที่จะทำลายนิ่งจองเต้า และยังทำให้นายท่านเคารพนับถือเช่นนี้ แม้แต่นายท่านก็ยังเคารพเขาเหมือนเทพเจ้าเลยทีเดียว!

ในการเป็นผู้นำของตระกูลนิ่งแห่งตี้จิงหลินอิ่ง เขา ก็จะไม่มีวันได้ออกหน้าอีกแล้วไม่ใช่หรือ?

การแสดงออกของหลินอิ่งไม่แยแส ไม่สนใจสายตานับไม่ถ้วนที่รวมตัวกัน และค่อยๆ ลุกขึ้น

“นิ่งจองเป่า นิ่งจองเสิ้ง คุกเข่าให้ตรง!”

หลินอิ่งตะโกนด้วยเสียงที่เยือกเย็น ทำให้นิ่งจองเสิ้งทั้งสองตัวสั่นด้วยความตกใจ หน้าผากของพวกเขากดทับที่พื้น ยกขึ้นทันที ยืดเอวให้ตรง และคุกเข่าให้ตรงขึ้น

หลังจากนั้น หลินอิ่งกล่าวอย่างใจเย็นว่า “นิ่งซวน เข้าห้องโถง!”

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท