ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 346 คุณต้องมีเหตุผล?

บทที่ 346 คุณต้องมีเหตุผล?

“ท่าน คือใคร? ทำไมถึงได้มีแรงมหาศาลขนาดนี้…..” หวูชิงเชียนสีหน้าทรมาน มองหลินอิ่งด้วยความตกใจ พูดจาติดๆขัดๆ

ความสามารถเก่งกาจระดับหลินอิ่ง เกินขอบเขตความรู้ของหวูชิงเชียน ไม่เคยคิดแม้แต่น้อย ประเทศหลุงจะมีวิชาเก่งกาจขนาดนี้

หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้อธิบาย

อะไรเทควันโดเกาหลี ไอกิโดของประเทศต้าเหอ ล้วนเป็นการดัดแปลงไปจากศิลปะการต่อสู้โบราณของประเทศหลุง เทคนิคแค่นี้ ยังกล้าเอาออกมาโชว์

คนนี้อะไรปรมาจารย์หวู เกรงว่าแม้แต่หัวหน้าทหารลับตระกูลนิ่งอย่างเจียงกู่จือ กลับกล้ามาโชว์วิชาการต่อสู้ต่อหน้าเขา? แค่คิดก็รู้สึกตลก

“อีกหน่อยยังกล้ามาอวดดีที่ประเทศหลุง ผมจะทำลายประเพณีวิชาเทควันโดของพวกคุณ” หลินอิ่งพูดเสียงเย็นชา

พูดจบ หลินอิ่งก็เหยียบเท้าไปที่หน้าอกหวูชิงเชียน ถีบจนเข่าเขาลื่นไปกับพื้น ลอยไปไกลสิบกว่าเมตร ไปชนกับกำแพงอย่างหนัก เสียงดังกึกก้อง ชนจนกำแพงแตก

“อู๊ว อ๊าก”

หวูชิงเชียนร้องเสียงดัง โดนถีบจนหายใจหอบ เลือดซึมจากเข่า ร่างสั่นหดตัวอยู่ที่มุมห้อง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่มีท่าทางมั่นใจเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ถูกหลินอิ่งต่อยจนกลัวไปหมดแล้ว

ถูกหลินอิ่งทั้งต่อยและถีบ ทุกคนที่ดูอยู่ต่างดูจนตะลึง

นี่มันปรมาจารย์เทควันโดสายดำระดับ9 ทั่วไปแล้วเทควันโดสายดำสู้กับคนธรรมดา คนเดียวก็สู้หลายคนได้

แต่หลินอิ่ง กลับเหมือนสู้กับหมาโง่ตัวเดียว ทำจนปรมาจารย์เทควันโดกระอักเลือด

เก่งกาจมากไปไหม?

คราวนี้ แม้แต่บอดี้การ์ดสิบกว่าคนที่เผียวซิ่วชวนพามา ต่างก็สีหน้าตะลึง ต่างมีหลินอิ่งด้วยสีหน้าหวาดกลัว ไม่กล้าเข้าใกล้

ปรมาจารย์อย่างหวูชิงเชียน สามารถล้มบอดี้การ์ดอย่างพวกเขาได้ทั้งกลุ่ม กลับไม่ได้แตะต้องตัวเด็กหนุ่มคนนี้แม้แต่น้อย ก็ถูกต่อยจนกระอักเลือด

คนอย่างพวกเขา จะไปกล้าหาเรื่องได้ยังไง

หลินอิ่งมองไปที่เผียวซิ่วชวนอย่างเรียบเฉย พูดว่า “นี่ก็คือปรมาจารย์เทควันโดของเกาหลีที่พวกคุณโม้? แค่นี้?”

เผียวซิ่วชวนสีหน้าแดงก่ำ เมื่อกี้ยังโม้มากมายต่อหน้าหลินอิ่ง ใช้เทควันโดเกาหลีมาดูถูกวิชาการต่อสู้ของประเทศหลุง คิดไม่ถึงว่ากลับถูกเขาซ้อมเหมือนหมา

“ถึงแม้แกจะสู้ชนะปรมาจารย์หวูได้แล้วไง? จะมีประโยชน์อะไร?” เผียวซิ่วชวนพูดเสียงเรียบ “กล้ามีเรื่องกับชีซิงกรุ๊ปของเรา เรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา ลำพังแค่วิชาการต่อสู้แค่นี้ของแกจะทำอะไรได้?”

“ถ้าฉันไม่ได้เห็นแก่หน้าของตระกูลนิ่ง จะจัดคนเก็บแกตอนนี้เลย”

“นิ่งจองอู่ ตระกูลนิ่งของพวกแกถ้ายังทำพฤติกรรมแบบนี้ ถ้าอย่างนั้น การร่วมงานระหว่างชีซิงกรุ๊ปของเราก็ต้องยุติลง รับรองว่าตระกูลนิ่งต้องสูญเสียมหาศาลแน่นอน” เผียวซิ่วชวนพูดข่มขู่

นิ่งจองอู่มองไปที่หลินอิ่งสายตาลังเล พูดว่า “ประธานหลิน ตระกูลนิ่งของเรากับชีซิงกรุ๊ป มีการร่วมงานโครงการใหญ่เรื่องอะไหล่เครื่องบิน ถ้าหากยกเลิกการร่วมงาน คาดว่าน่าจะเสียหายเป็นพันล้าน……”

“ถูกต้อง แกก็เป็นคนตระกูลนิ่ง คิดให้ดี หรืออยากมีปัญหากับเงิน?” เผียวซิ่วชวนพูดอย่างเชื่องช้า พูดถึงเรื่องธุรกิจ “ประเทศหลุงของพวกคุณมีคำโบราณว่า ในโลกนี้ทุกอย่างล้วนมีผลประโยชน์ นี่มันเป็นการลงทุนตัวเลขระดับพันล้าน ผลประโยชน์ดีขนาดนี้ ฉันว่าแกคงไม่อยากทิ้งมันไปแบบนี้หรอกนะ?”

เมื่อคนที่พามาถูกหลินอิ่งทำร้ายอย่างไม่มีทางต่อสู้ ความมั่นใจของเผียวซิ่วชวนก็ลดลงไปบ้าง จึงใช้วิธีการเจรจามาล่อ

ถ้าหากอยู่ในประเทศเกาหลี ตามพฤติกรรมการทำงานของเผียวซิ่วชวนแล้ว ใครที่กล้าทำร้ายน้องชายตัวเอง ก็ใช้เส้นสายเรียกคนจากกระทรวงยุติธรรมมาได้ทันที จัดตำรวจพกอาวุธมา จับตัวหลินอิ่งไปแล้ว ขังไว้ในคุกทรมานจนตาย

แต่ว่า ที่นี่คือประเทศหลุง ยังเป็นถิ่นของตระกูลนิ่งด้วย ฝีมือของหลินอิ่งยังเก่งกาจขนาดนี้ ถ้าหากยังสู้กับหลินอิ่งต่อ เขาเองก็คงจัดการไม่ได้

สถานการณ์ตรงหน้า ช่วยน้องชายไม่ได้แล้ว รอมีโอกาสเมื่อไหร่ค่อยกลับมาแก้แค้น

ฟังคำพูดของเผียวซิ่วชวน สีหน้าของหลินอิ่งนิ่งเฉย ไม่กระทบแม้แต่น้อย

“คุณกับน้องชายผมคงมีเรื่องเข้าใจผิดกัน ผมคิดว่าเราเจรจากันได้” เผียวซิ่วชวนเห็นหลินอิ่งไม่ได้ขัดแย้ง คิดว่าหลินอิ่งถูกเงินดึงดูดแล้ว จึงพูดขึ้นมาอย่างเชื่องช้า

“น้องชายผมเกิดมาสมองก็ไม่ค่อยดี คุณเป็นคนเก่งของตระกูลนิ่ง คงไม่คิดติดใจอะไรกับเขาหรอกนะ?” เผียวซิ่วชวนพูดช้าๆ “อีกอย่างผู้นำตระกูลนิ่งหลายคนก็สนิทกับผมดี ก่อนหน้านี้ผู้นำตระกูลนิ่งของพวกคุณ นิ่งจองเต้ายังคุยเรื่องแผนการการร่วมงานกับผมอยู่เลย”

“เอาอย่างนี้ เรื่องนี้ผมยอมถอยหนึ่งก้าว คุณทำร้ายน้องชายผม ผมไม่เอาความ” เผียวซิ่วชวนพูดถ่อม ในแบบของนักธุรกิจ “แต่คุณก็ต้องมีเหตุผลหน่อย ไว้หน้าชีซิงกรุ๊ปหน่อย ก็ชดใช้ค่าเสียหายสองร้อยล้าน ให้น้องชายผมดีใจหน่อย เรื่องนี้ก็เป็นอันจบกัน”

“สองร้อยล้าน? มีเหตุผล?” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา

คุณชายชีซิงกรุ๊ปสองคนหาเรื่องเขา อยากลงมือกับฉีโม่ ตอนนี้กลัวแล้ว อยากถอย? ยังอยากให้เขาชดใช้ค่าเสียหาย ไว้หน้าพวกเขาให้ถอนตัว?

“พี่ ไหนๆพี่ก็พูดแบบนี้แล้ว งั้นก็ให้เขาชดใช้เงินสองร้อยล้านให้ผมไปเล่น เรื่องนี้ผมก็จะยกโทษให้เขา” เผียวจื้อจางพูด

เผียวซิ่วชวนรู้สึกขายหน้า เขาให้หลินอิ่งชดใช้เงิน เพื่อตัวเองจะได้ไม่เสียหน้ามากเกินไป จะทำให้ชีซิงกรุ๊ปขายหน้าไม่ได้ อีกหน่อยค่อยหาโอกาสแก้แค้น

แต่น้องชายโง่เขลาของเขา ไร้ประโยชน์สิ้นดี บอกว่าให้หลินอิ่งเอาเงินให้เขาไปเล่น?

เผียวซิ่วชวนรู้สึกเอือมระอา น้องชายคนนี้พยุงยังไงก็ไม่ขึ้นแล้ว นอกจากกินเที่ยวแล้วทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ไม่ว่ายังไง ก็เกี่ยวกับชื่อเสียงของชีซิงกรุ๊ป จะขายหน้าไม่ได้

“ว่ายังไง? ถอยคนละก้าว? ประเทศหลุงของพวกคุณมีคำโบราณว่า ทุกอย่างเหลือหนทางไว้ เพื่อพบกันในอนาคต” เผียวซิ่วชวนมองหลินอิ่ง พูดอย่างจริงจัง

เขาคิดไปเองว่า เรื่องนี้จัดการได้อย่างสมเหตุสมผลแล้ว ขอเงินสองร้อยล้าน พอดีไม่มากไม่น้อย

สำหรับตระกูลนิ่งและชีซิงกรุ๊ปแล้ว ตัวเลขนี้ไม่มากและไม่น้อย

ถ้าหลินอิ่งรู้เรื่อง ก็ควรพยักหน้า ต่อหน้าบริษัทระดับโลกอย่างชีซิงกรุ๊ป ควรทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก

ส่วนหลินอิ่งทำร้ายน้องชายตัวเอง ชดใช้เงินสองร้อยล้านเพื่อขอโทษ ด้วยสถานการณ์แล้วก็พอไปได้ ไม่ขายหน้า

“อยากมีเหตุผลใช่ไหม?” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ “ได้ ประเทศหลุงของเราต้องมีมารยาทต่อผู้อื่น เหตุผลของวันนี้ เดี๋ยวผมเล่าให้คุณฟังเอง”

“นิ่งจองอู่ โอนเงินสองร้อยล้านให้เขา” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ

นิ่งจองอู่ตะลึง ไม่รู้ว่าประธานหลินจะทำอะไร แต่ก็ไม่กล้าถาม รีบเปิดเช็คธนาคารใบหนึ่ง ส่งให้บอดี้การ์ดของเผียวซิ่วชวน

เผียวซิ่วชวนรับเช็คมา ยิ้มขึ้นที่มุมปาก

หลินอิ่งต่อสู้เก่งแล้วยังไง? มีตระกูลนิ่งอยู่เบื้องหลังแล้วยังไง? ต่อหน้าชีซิงกรุ๊ปอย่างพวกเขา ก็ต้องก้มหัวอย่างเชื่อฟัง ชดใช้เงินเพื่อขอโทษ?

“ดีมาก ตระกูลนิ่งยังรู้จักคิดอยู่ เรื่องนี้ก็เป็นอันจบเท่านี้ ผมจะไม่เอาความอีก” เผียวซิ่วชวนพูดอย่างมั่นใจ “ผมไปแล้ว น้องชายผมต้องส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล”

พูดไป เผียวซิ่วชวนก็หันตัวกลับ สายตาเปลี่ยนเป็นอย่างโหดเหี้ยม

เรื่องนี้ไม่จบแค่นี้แน่ แค่จบชั่วคราวก่อน รอกลับไปแล้วค่อยไปสืบว่าผู้ชายที่ลงมือกับน้องชายเป็นใครในตระกูลนิ่งกันแน่ ค่อยจัดคนมาจัดการกับเขา

“ผมให้คุณไปได้แล้วเหรอ?” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ

“ออ?” เผียวซิ่วชวนหันกลับมา ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ไม่ทราบว่ายังมีเรื่องอะไรอีก?”

“เหตุผลยังพูดไม่จบเลย คุณจะไปได้ยังไง?” หลินอิ่งยิ้มเย็นชา

“ผมต่อยน้องชายคุณ ชดใช้เงินสองร้อยล้าน” หลินอิ่งพูดน้ำเสียงเย็นชา “แล้วน้องชายคุณทำลายอารมณ์การกินข้าวของผมกับภรรยา เรื่องนี้ จะทำยังไง?”

“หมายความว่ายังไง?” เผียวซิ่วชวนพูดเย็นชา สายตาโมโห

เขารู้สึกว่าหลินอิ่งพูดจาน่าตลก ทำลายอารมณ์กินข้าวของเขากับเมีย? ยังมีแบบนี้ด้วยเหรอ?

ปัง

หลินอิ่งขยับตัว ลงทันกะทันหัน ดึงหัวของเผียวซิ่วชวน เหวี่ยงลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ถีบเขาเหมือนหมา ล้มอยู่บนโต๊ะ

“แก แกจะทำอะไร?” เผียวซิ่วชวนสีหน้าตกใจ

ไม่รู้ว่าทำไมหลินอิ่งลงมือกะทันหัน นี่เขาจะทำอะไร?

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท