ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 415 ขอโทษทั้งครอบครัว

บทที่ 415 ขอโทษทั้งครอบครัว

เป็นไปได้ยังไง?

หลินอิ่งสามารถเรียกคริสมาได้ แค่โทรศัพท์สายเดียว?

เขาไม่ใช่แค่ไอ้นักเลงกระจอกที่อยากเข้าหาฉู่สงซานเพื่ออยากพึ่งบารมีเหรอ?

แม้แต่เจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างคริส ยังเรียกมาใช้งานได้?

หลินอิ่งเป็นเทพจากไหนกันเนี่ย?

คริสยืนอยู่ข้างหน้าหลินอิ่ง ก้มหัวโค้งตัวเคารพ ภาพนี้ ทำให้หยินต้าชิวตะลึงอย่างสุดขีด

หยินต้าชิวเคยเห็นคริสไกลๆอยู่ครั้งหนึ่ง ในงานสัมมนาธุรกิจแห่งหนึ่ง

ในงานสัมมนาครั้งนั้น ผู้คนที่เข้าร่วมงานนั้นล้วนเป็นอภิมหาเศรษฐีนักธุรกิจระดับร้อยล้านขึ้นไป ร่วมถึงประธานบริษัทใหญ่โตต่างๆ คริสอยู่ต่อหน้าคนเหล่านั้น บุคลิกท่าทางสูงส่ง อยากเข้าไปคุยกับเขา ยังรู้สึกมีความกดดันอย่างสูง

เป็นถึงเจ้าของบริษัทที่ตำแหน่งสูงส่ง กลับก้มหัวให้ไอ้เด็กหนึ่งคนหนึ่ง? ท่าทางกิริยาอ่อนน้อมถ่อมตนขนาดนี้?

น่าเหลือเชื่อจริงๆ

นี่ช่างทำให้ความคิดความอ่านของหยินต้าชิวถึงกับตะลึงอย่างสุดขีด

“นี่ ไอ้แก่นี่เป็นใคร? พาบอดี้การ์ดมาอวดดีที่นี่?” หยินจุนจ้องคริสด้วยสีหน้าไม่พอใจ “แม่งรนหาที่ตาย ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง แกก็คือตัวช่วยที่หลินอิ่งเรียกมา? แก่ปูนนี้แล้ว ยังมาแกล้งอวดดี?”

“เหอะเหอะ ฉันยังนึกว่าแกจะไปเรียกคนใหญ่คนโตที่ไหนมา? ที่แท้ก็ไอ้แก่ผมหงอกนี่เอง” หยินปิงมองหลินอิ่งอย่างเหยียดหยาม พูดจาเสียดสี “ไร้น้ำยาก็ไร้น้ำยา ยังอยากจะเรียกคนมาให้ได้หน้า? ก็ไม่รู้จักดูหน่อย ว่าพ่อฉันเป็นถึงคนระดับไหน”

ไอ้แซ่หลินนี่ตลกสิ้นดี

เรียกคนแก่อายุห้าสิบมา ยังเป็นฝรั่งใส่แว่นอีก?

มีบอดี้การ์ดชุดสูทกี่คนติดตาม ก็คิดว่าตัวเองเป็นคนใหญ่คนโต?

บางทีอาจจะเป็นนักแสดงที่จ้างมาก็ได้

หยินปิงสองพี่น้องสีหน้าอวดดียโสโอหัง มองหน้าหลินอิ่ง ก็เหมือนมองตัวตลก

เท่าที่พวกเขาดูแล้ว นี่ก็เป็นแค่พฤติกรรมอันตลกของหลินอิ่งเท่านั้น ต้องการหลอกลวงให้คนอื่นชื่นชม

เรียกคนมาต่อหน้าพ่อของตัวเอง หยินต้าชิวที่เป็นถึงนักธุรกิจที่หากินทั้งด้านดีและด้านมืด? อวดดี? นี่มันไม่ใช่อยากฟันดาบต่อหน้านักรบหรือ?”

“ประธานหลิน สองคนนี้ ต้องจัดการไหมครับ?”

คริสหรี่ตกมองหยินปิงกับหยินจุน แล้วถามหลินอิ่งอย่างเคารพ

“พวกเธอสองคนหุบปากเดี๋ยวนี้”

หยินต้าชิวโมโหกะทันหัน ตะโกนต่อว่าหยินปิงกับหยินจุน

“รีบขอโทษคุณคริสเดี๋ยวนี้ แกสองคนนี่มันโง่จริง ฉันต้องลงโทษด้วยระเบียบในครอบครัวแน่นอน” หยินต้าชิวด่าด้วยสีหน้าโมโห

ตัวเองกำลังให้ฉู่สงซานช่วยแนะนำให้พบกับคริส ปรากฏว่า คริสคนใหญ่คนโตนี้มาถึงแล้ว ลูกสาวและลูกชายตัวเองไปพูดจาเหยียดหยามเขา?

ทำให้คริสโมโห ต่อไปนี้จะอยู่ในเมืองก่างต่อไปยังไง?

“พ่อ? พ่อรู้จักไอ้แก่นี่เหรอ?”

“อะไรคริสนั่นเหรอ? พ่อ พ่อให้พวกเราขอโทษใคร?”

หยินปิงกับหยินจุนสีหน้าตกใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อของพวกเขาโมโหกะทันหันแบบนี้

หรือเพราะว่าไอ้แก่ที่หลินอิ่งเรียกมา? เป็นไปไม่ได้

หลินอิ่งก็แค่ไอ้บ้านนอกที่มาจากต่างจังหวัดเท่านั้น เป็นไปได้ยังไงที่จะมีอำนาจใหญ่โตที่เมืองก่าง? ยังรู้จักคนที่แม้แต่พ่อของตัวเองยังต้องเกรงกลัว?

หยินต้าชิวสีหน้ายิ่งอยู่ยิ่งไม่ดี เดินเข้าไปตบหน้าหยินจุน

“บอกให้หุบปาก”

ตบนี้กะทันหันจนหยินจุนไม่ทันตั้งตัว จับหน้าตัวเองที่ถูกตบอย่างน่าสงสาร

สั่งสอนลูกชายเสร็จ หยินต้าชิวก็ทำตัวไม่ถูก หันไปมองหลินอิ่งกับคริส รู้สึกมีความกดดันในใจอย่างมหาศาล

วินาทีนี้ เขามองไปที่หลินอิ่ง ยิ่งมีความรู้สึกว่า คนคนนี้ลึกซึ้งจนไม่อาจคาดการณ์ได้

เขาเข้าใจแล้ว หลินอิ่งคนนี้ ถึงจะเป็นเจ้าภาพตัวจริงของงานนี้ คนที่เขาไปมีเรื่องด้วยไม่ได้

“หัวหน้าสมาคมหยิน คุณคริส ผมก็คงไม่ต้องแนะนำอะไรมากแล้วนะ คุณทำความรู้จักคนข้างกายผมคนนี้อย่างเป็นทางการหน่อย หลินอิ่ง ประธานหลิน” ฉู่สงซานพูดอย่างจริงจัง “คุณคริส เป็นตัวแทนธุรกิจของประธานหลิน”

“ฐานะประธานหลิน คุณไปคิดเองละกัน”

คำพูดประโยชน์นี้จบไป

สีหน้าหยินต้าชิวก็ซีดขาวไปทันที เหงื่อท่วมหน้าผาก

คริส เป็นแค่ลูกน้องรับใช้หลินอิ่ง?

มิน่า คริสเปลี่ยนชื่อบริษัทจากลาตินกรุ๊ปเป็นบริษัทหลินซื่อ

หลินอิ่งคนนี้ ก็คือเถ้าแก่ของบริษัทหลินซื่อที่อยู่เบื้องหลัง ที่ทำให้เมืองก่างสะเทือนไปทั้งเมือง?

วินาทีนี้ หยินต้าชิวรู้สึกเสียใจจนท้องไส้พันกันไปหมดแล้ว เกลียดตัวเองจนอยากตบหน้าตัวเอง

ทำไมถึงไปมีเรื่องกับองค์พระใหญ่เพราะความโง่เขลาของลูกสาวและลูกชาย

“ประธานหลิน ผมขอโทษ ก่อนหน้านี้ผมมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้ว่าท่านคือ” หยินต้าชิวใบหน้าแดงก่ำ เปลี่ยนคำเรียกเป็นประธานหลิน รีบกล่าวขอโทษทันที

หลินอิ่งมุมปากยิ้มขึ้น ไม่แสดงกิริยาใดๆ

รอยยิ้มของหลินอิ่งนี้ ทำให้หยินต้าชิวตกใจจนตัวสั่น เหงื่อไหลท่วมตัว

เขารู้สึกทันทีว่า คนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่คน แต่เป็นมังกรที่กำลังมองดูมดตัวน้อย

ท่าทางที่ไม่แยแสนี้ ทำให้คนรู้สึกสิ้นหวัง

“น้องฉู่ เรื่องนี้ ฉัน ฉันผิดไปแล้ว นาย นายช่วยฉันพูดกับประธานหลินและคุณคริสหน่อยนะ” หยินต้าชิวพูด้วยสีหน้าหวาดกลัว

ฉู่สงซานพูด “หัวหน้าสมาคมหยิน ก่อนหน้านี้ผมก็จะบอกคุณแล้วเกี่ยวกับฐานะของประธานหลิน แต่ลูกชายคุณจะหาเรื่องประธานหลินไม่รู้จักหยุด เรื่องนี้อย่าโทษผมละกัน”

“วันนี้ ประธานหลินเรียกคุณคริสมา ก็เพื่อจะให้โอกาสกับคุณ ให้เส้นทางขุมทรัพย์แห่งการขนส่งเพื่อต่อชีวิต” ฉู่สงซานค่อยๆพูด “เสียดาย เรื่องดีๆถูกคุณทำลายไปหมดแล้ว”

“นี่มัน”

ได้ยินคำพูดของฉู่สงซาน สีหน้าหยินต้าชิวก็ตะลึง รู้สึกเสียดาย ในใจเหมือนเลือดหยดภายใน

เขาพลาดโอกาสที่ดีอันใหญ่โตไปแล้ว?

เขาขอร้องคนไปทั่ว ก็เพื่ออยากเซ็นสัญญาหนึ่งฉบับกับคริส

ปรากฏว่า พระเจ้ามาอยู่ตรงหน้าให้กราบแล้ว กลับไปมีปัญหากับเขา ทีนี้จะทำยังไงดี

“ประธานหลิน ผม เป็นความผิดของผมเอง ผมต้องขอโทษด้วย หวังว่าคุณจะให้โอกาสผมสักครั้ง” หยินต้าชิวปล่อยวางความยโสโอหัง แล้วก้มหน้าขอโทษหลินอิ่ง “ที่ผมคุยไปก่อนหน้านี้ก็ยังมีผล ขอแค่คุณยินยอมร่วมงานธุรกิจขนส่งทางเรือกับผม ผมยอมทำทุกอย่าง”

ในมือคริสมีทรัพยากรต่างประเทศ ไม่ ควรจะบอกว่าหลินอิ่ง สำหรับเขาแล้วเป็นสิ่งสำคัญมาก

ภายใต้แรงกดดันขอ

จี้ฉงซาน ทั่วเมืองก่าง มีเพียงหลินอิ่งเท่านั้นที่ช่วยเขาหยินต้าชิวได้

“แกสองคนมานี่ เมื่อกี้ยังกล้าใส่ร้ายประธานหลิน ตอนนี้ ยังไม่รีบขอโทษประธานหลินอีก”

พูดไป หยินต้าชิวก็มองหยินปิงสองพี่น้องด้วยความโมโห

เมื่อรู้ความสามารถของหลินอิ่งแล้ว เขาก็ต้องเข้าใจ เรื่องลวนลามก่อนหน้านี้ ต้องเป็นเรื่องที่ลูกสาวหน้าโง่สร้างขึ้นมาเองแน่นอน

ด้วยความสามารถของหลินอิ่ง หาถูกใจลูกสาวของเขาจริง นั่นก็ถือว่าเป็นบุญของเขาแล้ว

“หนู……พ่อ……”

“อะไร ต้องขอโทษมัน?”

หยินปิงและหยินจุนอ้ำๆอึ้งๆ แสดงสีหน้าไม่เต็มใจ

จะให้พวกเขาสองคนก้มหัวอันสูงส่งนั้น เพื่อไปขอโทษหลินอิ่ง? เป็นไปไม่ได้

เพราะอะไร คนใหญ่โตระดับพ่อ ทำไมถึงกลัวหลินอิ่งขึ้นมา?

“อย่าบังคับให้ฉันต้องโมโห พวกแกสองคน ก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ยังไม่รู้หนักเบาอีก?” หยินต้าชิวด่าอย่างโมโห ระเบิดความโกรธ

ต่อหน้าอำนาจของพ่อ

หยินจุนกับหยินปิงต้องก้มหัว พูดด้วยเสียงเบาเท่ายุง

“ขอโทษ ประธานหลิน”

“ขอโทษ……”

“ประธานหลิน ผมสามารถแสดงความจริงใจของผมทั้งหมด เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เป็นความผิดของผมเอง ขอแค่คุณยกโทษให้ผม ให้โอกาสผมสักครั้ง ไม่ว่าเรื่องอะไรผมก็ยินดีทำทั้งนั้น” หยินต้าชิวพูดสีหน้าเคร่งขรึม ลดตัวต่ำลง

“ให้โอกาสคุณสักครั้ง?” หลินอิ่งพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ถ้าอย่างนั้นผมก็จะให้โอกาสคุณหนึ่งครั้ง”

“หักมือลูกชายคุณหนึ่งข้าง”

“อะไร? ประธานหลิน นี่มัน?” หยินต้าชิวสีหน้าตกใจ ในใจรู้สึกเกลียดมา ไอ้ลูกชายหน้าโง่นี่ ก่อนหน้านี้สร้างความขุ่นเคืองอย่างหนักกับประธานหลิน ปากก็ด่าแต่คำหยาบและโหด ทีนี้ก็แก้ไขยากแล้ว

“ขอร้องคุณเปลี่ยนข้อเสนอหน่อยนะ ผม ผมมีลูกชายแค่คนเดียว จะเป็นคนพิการไม่ได้”

หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย มองหยินต้าชิวอย่างเย็นชา สายตานี้ทำให้หยินต้าชิวหวาดกลัว เหมือนถูกเทพองค์หนึ่งจ้องมอง จนหัวใจเต้นแรง

“คุณคิดว่า คุณมีสิทธิ์มาคุยข้อเสนอกับผมเหรอ?

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท