แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – บทที่ 956 โลกในอีกหนึ่งมิติ

บทที่ 956 โลกในอีกหนึ่งมิติ

เอี๊ยดอ๊าด…

อากาศในท่อน้ำทิ้งค่อนข้างขมุกขมัว โดยเฉพาะความรู้สึกเมื่อเหยียบเข้าไปในโคลนตม ยิ่งทำให้รู้สึกทรมานกว่าเดิม…กลิ่นเหม็นๆ ที่ผสมกับกลิ่นเน่าตีขึ้นมาจากใต้เท่าอย่างต่อเนื่อง แถมพอก้าวเหยียบทีหนึ่งก็ราวกับจะจมลงไปเลยทีเดียว

ระหว่างที่กำลังเดินไปข้างหน้า หลิงม่อกวาดมองรอบข้างอย่างพินิจพิจารณาไม่หยุด แต่ยิ่งพิจารณา เขาก็ยิ่งรู้สึกหนังศีรษะตึงชา ไม่ใช่แค่บนพื้น แต่บนผนังทั้งสองฝั่งก็มีแต่ร่องรอยแปลกๆ อยู่เต็มไปหมด มองแวบแรกเหมือนเป็นรอยกระดำกระด่างหรือตะไคร่น้ำ แต่ถ้ามองนานๆ ก็จะค้นพบว่า ร่องรอยพวกนั้น ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการผสมผสานกันระหว่างเลือดเนื้อและของเหลวหนืด…ขนาดบนผนังยังขนาดนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงส่วนผสมของโคลนตมพวกนี้แล้วล่ะ…

ทว่าขยะแขยงก็ส่วนขยะแขยง หลังจากเลือกทางเส้นนี้ พวกเขาก็ไม่เจอมนุษย์ตะขาบพวกนั้นอีกเลยจริงๆ ไม่เพียงเท่านี้ ในท่อน้ำทิ้งมีแต่ความเงียบกริบ เทียบกับข้างนอกแล้วราวกับเป็นโลกคนละใบ เดินไปได้ไม่นาน หลิงม่อก็เริ่มรู้สึกถึงเวลาที่เดินไปอย่างเชื่องช้าและยาวนาน สภาพแวดล้อมที่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน บรรยากาศกดดัน ล้วนบ่งบอกว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะกับมนุษย์เลย

โดยเฉพาะหลังจากที่นึกถึงคำพูดของซย่าน่า หลิงม่อก็ยิ่งรู้สึกเหมือนที่นี่เป็นโลกที่อยู่ในอีกหนึ่งมิติ เป็นอีกหนึ่งที่ที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นดินของเมืองใหญ่ ทั้งอันตรายสุดขีด และเต็มไปด้วยความน่ากลัว

“ซอมบี้ไม่ใช่สัตว์ประหลาดเพียงหนึ่งเดียวอีกแล้ว…” หลิงม่อทวนประโยคนั้นอยู่ในใจเงียบๆ พร้อมกับหวนนึกถึงสีหน้าของซย่าน่าตอนพูดประโยคดังกล่าว…น้อยมากที่เขาจะเห็นสีหน้าอย่างนั้นจากซย่าน่า…มันเป็นสีหน้าที่ทั้งสับสนยุ่งเหยิง ขณะเดียวกันก็มีอารมณ์ความรู้สึกของซอมบี้และมนุษย์ผสมอยู่ด้วย เหมือนกับทั้งโล่งอก และยินดีในเวลาเดียวกัน…

“เหมือนมีเพื่อนร่วมสายพันธุ์ใหม่? ไม่สิ…รู้สึกว่าไม่เดียวดายอีกต่อไปแล้วมากกว่า…”

บางทีสำหรับซย่าน่า ความหมายของสิ่งมีชีวิตใต้ดินพวกนี้ที่มีต่อเธอ อาจเหมือนกับที่มนุษย์ตามหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกในสมัยก่อนก็ได้ ไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตนอกโลก แต่ยังมีตัวละครในเรื่องเล่าที่เลียบแบบมนุษย์พวกนั้นอีกด้วย…การที่พวกมันปรากฏตัวอยู่ในจินตนาการและความคาดหวังของมนุษย์อยู่บ่อยๆ ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะความรู้สึกเดียวดายของเผ่าพันธุ์มนุษย์…

ถ้าหากในโลกใบนี้ ยังมีสิ่งมีชีวิตที่ระดับสูงกว่าตัวเองอาศัยอยู่ มันจะเป็นยังไงกันนะ…ลองนึกย้อนไป อยู่ๆ หลิงม่อก็พบว่า ตัวเองก็เคยนึกเพ้อฝันไปอย่างนี้เหมือนกัน

แต่การปรากฏตัวของซอมบี้ กลับทำลายภาพจินตนาการเหล่านั้นจนหมดสิ้น การปรากฏกายของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ แลกมาซึ่งวิกฤตใกล้สูญพันธุ์ที่มวลมนุษย์กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้…

“มนุษย์ที่นึกเรื่องประเภทนี้ขึ้นมาในเวลาอย่างนี้ได้ น่าจะมีอยู่ไม่มากแล้วมั้ง…” หลิงม่ออดคิดไม่ได้

ภายใต้สภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ไม่รู้ว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่กำลังอธิษฐานขอให้ซอมบี้หายไป…สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่อะไรกัน นี่มันหายนะชัดๆ…หากพูดกันอย่างตรงไปตรงมา นี่เป็นการแย่งชิงทรัพยากรระหว่างสิ่งมีชีวิตสองสายพันธุ์ แต่ถ้าหากพูดเจาะลึกเข้าไปอีกหน่อย นี่เป็นการปะทะกันระหว่างสองอารยะธรรม…มนุษย์ถูกข่มเหง แต่ก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม ซอมบี้กระจายตัวไปทั่วโลก แต่ตัวที่วิวัฒนาการถึงระดับสูงจริงๆ กลับมีน้อยมากเช่นกัน…

“แต่ทำไมซอมบี้ถึงไม่คิดอย่างนี้ล่ะ? ท่าทีที่มนุษย์ตะขาบมีต่อซอมบี้ก็ออกจะชัดเจนนี่นา…พวกมันมองซอมบี้เป็นอาหาร แถมยังเป็นอาหารประเภทที่เลี้ยงแบบขังคอกด้วย ถ้าหากพวกมันอยู่กันทั่วใต้ดิน งั้นซักวันพวกมันก็ต้องโผล่ขึ้นมายึดอำนาจบนดินหรือเปล่า…” หลิงม่อคิดอย่างปวดหัว

มนุษย์ ซอมบี้ สิ่งมีชีวิตใต้ดิน สัตว์กลายพันธุ์…นี่คือสิ่งที่เขารู้ทั้งหมดในตอนนี้ แต่ใครจะไปรู้ว่าที่อื่นอาจกำลังมีสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาแล้วก็ได้

ไม่ใช่แค่มนุษย์ การเอาชีวิตรอดของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน ตอนนี้โลกได้ก้าวสู่ยุคสมัยที่ “หากไม่สู้ ก็ต้องตาย” จริงๆ แล้ว…

“หลิงม่อ ดูสิ”

อยู่ๆ หลี่ย่าหลินก็ชะงัก ยกมือขึ้นชี้ไปยังมุมที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล แล้วพูดเสียงเบา

เมื่อมองตามนิ้วมือของเธอไป หลิงม่อก็มองเห็นหลุมซีเมนต์หลุมหนึ่งทันที

“น่าจะทะลุผ่านไปยังอีกตึกหนึ่งนะ…” หลิงม่อเดา

หลุมเมื่อกี้ที่พวกเขามุดเข้ามา น่าจะเป็นท่อระบายของบริษัทลอว์สันไม่ผิดแน่…

ทว่าหากมองดูดีๆ หลิงม่อก็ค้นพบจุดผิดปกติบางอย่าง และเกรงว่านั่นต่างหากคือสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของหลี่ย่าหลินจริงๆ…

ขอบๆ ของหลุมซีเมนต์นั้น เหมือนมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมา…

“ผมจะเข้าไปดู”

หลิงม่อเร่งความเร็ว จ้ำเท้าลงไปในโคลนตมเพื่อมุ่งหน้าไปทางนั้น

พอเห็นเขาเคลื่อนไหวได้เร็ว หลี่ย่าหลินกับซย่าน่าเองก็ตามมาติดๆ ด้วยความฉงน

ทั้งสามต่างดูเหมือนกำลังคาดหวัง แต่กลับมองไม่เห็นความหวาดกลัวหรืออาการตื่นตระหนกใดๆ…เห็นชัดว่า มือนั้นไม่มีทางเป็นของสิ่งมีชีวิตอย่างแน่นอน ดูแล้วไม่เหมือนมือของมนุษย์ตะขาบ แต่ถ้าหากเป็นซอมบี้ มันก็ไม่มีทางนอนนิ่งอยู่ตรงนั้นเฉยๆ แน่

“เป็นศพ” หลิงม่อเดินไปหยุดหน้าหลุมซีเมนต์แล้วมองดู พลางพูดขึ้น

ศพนี้เหมือนตายมานานแล้ว ส่วนคอบิดเบี้ยวผิดรูป ดวงตากลวงโบ๋จ้องเขม็งมายังหลิงม่อ ถึงแม้อวัยวะบนใบหน้าจะอยู่ไม่ครบ แต่หาดูจากฟันในช่องปากของเขา ก็ยังดูออกว่าเขาเป็นมนุษย์มาก่อน…

“ยังเน่าไม่หมดด้วย…” หลิงม่อจ้องมืออันแห้งเหี่ยว แล้วพูดขึ้น

“เพราะว่าเลือดถูกสูบออกไปหมดล่ะมั้ง อีกอย่างอุณหภูมิในนี้ก็ต่ำมากด้วยนะ…” ซย่าน่าวิเคราะห์

“แต่ในเมื่อมีศพอยู่ในนี้ ก็แสดงว่าแถวๆ นี้ต้องมีสัตว์ประหลาดประเภทนั้นเคลื่อนไหวอยู่แน่ๆ…” หลิงม่อกวาดมองไปรอบๆ

ซย่าน่าเองก็หันมองตามไปด้วย สุดท้ายเธอก็เบนสายตากลับมาที่ศพตรงหน้า

“ปกติเวลาลากศพ จะลากกันยังไง?” อยู่ๆ ซย่าน่าก็พึมพำขึ้นมา

“ใช้มือลาก!” หลี่ย่าหลินโพล่งตอบ

ส่วนหลิงม่อกลับจ้องศพแล้วทำหน้าครุ่นคิด ตอบว่า “หากมองจากมุมที่สะดวกต่อคนลาก น่าจะลากขามั้ง…เอ๊ะ!” พูดถึงตรงนี้ อยู่ๆ หลิงม่อก็ทำหน้าเหมือนคิดเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ “หรือว่า…”

“ถูกต้อง!” ซย่าน่าดีดนิ้วเบาๆ บอกว่า “ศพจะต้องถูกลากจากตรงนี้เข้าไปข้างในแน่ๆ ดังนั้นฝ่ามือถึงได้คาอยู่ตรงขอบปากหลุม และพอนึกย้อนดู สัตว์ประหลาดฝูงที่เจอก่อนหน้านี้ก็อาศัยอยู่ใต้ดินบริษัทลอว์สันไม่ใช่หรอ? นั่นก็หมายความว่า สัตว์ประหลาดฝูงนี้คงไม่อยู่ในทางเชื่อมแบบนี้ แต่อาจจะไปอยู่ในที่ที่มิดชิดกว่านี้…”

พูดไป ซย่าน่าก็หันไปมองยังหลุมซีเมนต์ด้วยสายตาคาดหวังและรอคอย “แสดงว่า ในนั้นก็ยังมีอีกฝูง…พี่หลิง” เธอเงยหน้ามองหลิงม่อ “จะเข้าไปไหม?”

แน่นอนว่าเขาไม่อยากเข้าไป…แต่ถ้าจะจากไปทั้งอย่างนี้ เขาก็รู้สึกคาใจอยู่เหมือนกัน…

“พี่หลิง ฉันอยากยืนยันให้แน่ใจ” ซย่าน่าพูดเสียงออดอ้อน “ได้ไหม?”

“ยืนยันอะไร?”

“ว่ามนุษย์ประหลาดเป็นเผ่าพันธุ์ที่เหมือนกันทุกตัวหรือเปล่า” ซย่าน่าเอียงคอบอก

“เหมือนกันหมดทุกตัว…ใช่สิ!”

ท่ามกลางมนุษย์มีผู้มีความสามารถพิเศษ ท่ามกลางซอมบี้เองก็มีการแบ่งแยกระดับวิวัฒนาการสูงต่ำ รวมถึงซอมบี้ธรรมดากับซอมบี้กลายร่างแล้วด้วย ถ้าอย่างนั้นสิ่งมีชีวิตใต้ดินล่ะ?

ถ้าหากทำความเข้าใจเกี่ยวกับพวกมันได้เร็วขึ้นหนึ่งวัน ก็จะสามารถหาทางป้องกันได้เร็วขึ้นหนึ่งวันเช่นกัน…อย่างน้อยก่อนที่พวกมันจะไต่ขึ้นไปบนพื้น พวกเขาก็ต้องมีกลยุทธ์ที่เอาไว้ใช้รับมือกับพวกมันบนดิน!

“ฉันเอง”

หลิงม่อหันหน้าแล้วเดินเข้าไป จากนั้นก็กระชากเสื้อผ้าของศพออก

“ล่วงเกินแล้ว…”

หลังจากพึมพำในใจ เขาก็ออกแรงดึงศพนี้ขึ้นมา

ร่างกายมากกว่าครึ่งของศพนี้หายไปนานแล้ว ดังนั้นหลังจากออกมาจากหลุมซีเมนต์ศพก็ยังไม่ตกลงไปในโคลนตม แต่กลับถูกหลิงม่อฝืนหิ้วไว้เหนือพื้น เขามองหาพื้นที่ค่อนข้างเรียบแล้ววางศพลง จากนั้นก็เก็บท่อนกระดูกจำนวนหนึ่งที่หล่นกระจายอยู่ในหลุมซีเมนต์ออกมาวางไว้ข้างศพ

ซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินมองดูภาพนั้นอย่างเงียบๆ จนกระทั่งเมื่อหลิงม่อเสร็จงาน พวกเธอถึงค่อยมองไปในหลุมนั้น

“ได้กลิ่นอะไรบ้างไหม?” หลิงม่อถาม

หลี่ย่าหลินส่ายหน้า “รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นเลย”

“มันก็ถูกแล้ว แสดงว่าตรงนั้นมีแต่ของเหลวหนืดไง” หลิงม่อมองลึกเข้าไปข้างในนั้นด้วยสายตาระแวดระวัง แต่นอกจากความมืดสลัว เขากลับมองไม่เห็นอะไรเลย

“ฉันก่อนแล้วกัน”

เขาขยับร่างกายเพื่อทำกายบริหารเล็กน้อย จากนั้นก็ปีนเข้าไปเป็นคนแรก

ทว่าหลังจากที่เขาเพิ่งจะเข้าไปในหลุมซีเมนต์ อยู่ๆ กลับได้ยินเสียงซย่าน่าถาม “พี่หลิง เมื่อกี้พี่กำลังคิดอะไรอยู่?”

“ห๊ะ?” หลิงม่อยืนกึ่งนั่งยองๆ อยู่ในหลุม เขาหันหน้ากลับมาอย่างยากลำบาก

“รู้สึกเหมือนพี่มีเรื่องในใจ” ซย่าน่าบอก

เธอเองก็ปีนเข้ามาในหลุมแล้ว เวลานี้ดวงตาสีแดงข้างนั้นกำลังเปล่งประกาย และจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของหลิงม่อ

ไม่รู้ว่าตาฝาดหรือเปล่า อยู่ๆ หลิงม่อก็พบว่าตาข้างที่เป็นสีตำของเธอได้กลายเป็นอัญมณีอันลึกล้ำ ที่สะท้อนรัศมีแสงออกมาอย่างต่อเนื่อง มองแวบแรกราวกับสามารถทำให้คนดวงตาพร่ามัวได้เลยทีเดียว

ถึงแม้ความรู้สึกนั้นจะเกิดขึ้นเพียงชั่ววูบเดียว แต่มันกลับทำให้หลิงม่ออึ้งค้างไปครู่หนึ่ง

พอเห็นหลิงม่อไม่ตอบ ซย่าน่ากลับฉีกยิ้มแล้วบอกว่า “ความจริงถึงพี่ไม่พูดฉันก็รู้สึกได้แล้ว พี่กำลังเครียดใช่ไหม? เกี่ยวกับมนุษย์ประหลาดพวกนี้? แต่ก็นะ พี่น่ะเป็นห่วงเรื่องของพวกฉันมาโดยตลอด แม้แต่ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ทั้งๆ ที่เป็นการปะทะกับซอมบี้แท้ๆ แต่กลับไม่ยอมให้พวกฉันมีส่วนร่วมโดยตรง…”

“ใช่แล้ว เรื่องนี้ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีเลย…”

“พวกฉันอ่อนแอมากหรอ?” อยู่ๆ ซย่าน่าก็ถามขึ้น

หลิงม่อชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มข่มขื่น “แน่นอนว่าไม่…ซอมบี้ร่างแม่ถูกระเบิดสมองตายด้วยฝีมือของเย่เลี่ยน ซอมบี้ระดับสูงอีกสองตัวก็ถูกจัดการด้วยความร่วมมือของรุ่นพี่กับฉัน แล้วก็ยังมีเธอด้วย ซย่าน่า เธอตามหาที่นี่เจอโดยที่ฉันยังไม่รู้อะไรเลย…”

“อะแฮ่มๆ…ถึงพี่จะชมฉันอย่างนี้ฉันก็ไม่ดีใจหรอก…” ซย่าน่ากลอกตาขาว จากนั้นก็ยกมือลูบผมอย่างเก้ๆ กังๆ บอกว่า “ความจริงฉันก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอก…จะว่ายังไงดีล่ะ…” เธอกัดเม้มริมฝีปากแล้วคิด บอกว่า “ไม่ว่ายังไง พวกฉันก็ไม่เหมือนซอมบี้ตัวอื่นนะ! พวกฉันมีมนุษย์คนหนึ่งคอยปกป้องอยู่เสมอ! ในทางตรงข้าม พี่ก็ไม่เหมือนมนุษย์คนอื่นเหมือนกัน เพราะข้างกายของพี่มี…พี่เย่เลี่ยนเอย รุ่นพี่เอย…อะไรทำนองนั้น…ดังนั้นไม่เห็นจำเป็นจะต้องเครียดขนาดนั้นเลย แค่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันต่อไปเรื่อยๆ ก็พอแล้วนี่…มีสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องร้ายเสมอไปนะ…”

ยิ่งพูดเสียงของเธอก็ยิ่งเบาลง สุดท้ายท่ามกลางสายตาที่จ้องมองมาของหลิงม่อ เธอยกเคียวดาบขึ้นแล้วตวัดไปข้างหน้า “บ้าจริง รีบออกไปเร็วๆ เข้า! ที่นี่เหม็นกลิ่นศพจะตายอยู่แล้วนะ!”

“อ้าวชิท…ใครกันล่ะที่เป็นคนชวนคุยในนี้! ไม่มีเหตุผลเลยนะ…”

“มนุษย์หน้าโง่…พี่เคยเห็นซอมบี้ที่มีเหตุผลด้วยหรอ?”

“พวกเธอกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย ฉันก็อยากเข้าไปด้วยเหมือนกันนะ…” เสียงของหลี่ย่าหลินดังอ่อยๆ มาจากข้างหลัง…

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

Status: Ongoing

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง

ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด!

แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด

แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท