“หลินหว่าน ตอนนี้ข้างนอกพากันตั้งข้อสงสัยในตัวคุณไปต่างๆ นานา ถ้าหากเรื่องนี้ยังขยายวงกว้างต่อไปอีก จะกระทบกับงานของคุณได้นะ คงจะมีคนมากมายไม่กล้าให้คุณแสดงหนังอีก ความคิดกับอารมณ์ของนักแสดงก็สำคัญมากนะ” เซียวจิ่งสือมองหลินหว่านอย่างสงสารเห็นใจ
หลินหว่านรู้ดีแก่ใจว่าหลังจากเธอแสดงหนังเรื่องนี้ของผู้กำกับซวี่กวงแล้ว ทำให้ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก แต่สาเหตุที่แท้จริงซึ่งทำให้เธอเปลี่ยนไป แท้จริงแล้วเป็นเพราะหนังของแม่เธอพวกนั้นต่างหาก
“เซียวจิ่งสือคะ ทำแบบนี้ได้จริงเหรอคะ ฉันเกรงว่าคนอื่นจะพูดเรื่องไม่ดีเรื่องอื่นของฉันอีก คุณก็รู้ว่าความรุนแรงบนอินเทอร์เน็ตนั้นน่ากลัวขนาดไหน ตอนนี้ฉันรู้สึกจิตใจอ่อนแอเหลือเกิน แทบจะรับไม่ไหวอยู่แล้ว” หลินหว่านขมวดคิ้ว อย่างกระวนกระวายใจ
เซียวจิ่งสือเกรงว่าหลินหว่านจะไม่สามารถทนรับแรงกดดันสารพัดจากโลกออกไลน์ได้อีก ดังนั้นตอนนี้ต้องคิดหาวิธีทำให้คนอื่นเข้าใจหลินหว่าน หรือหาข้ออ้างให้หลินหว่านไม่ต้องเจอกับข่าวลือบนอินเทอร์เน็ตอีก
เซียวจิ่งสือมองดูหลินหว่านที่ทั้งวันเอาแต่ท้อแท้หมดอาลัยตายอยาก ทำให้เขาเองก็พลอยจิตใจห่อเ**่ยวไปด้วย เขาอยากจะทำให้หลินหว่านหลุดพ้นจากเรื่องยุ่งยากนี้ให้เร็วที่สุด เซียวจิ่งสือให้หลินหว่านนั่งบนโซฟา ส่วนเขาหยิบมือถือเดินออกจากห้องไปคนเดียว
“ฮัลโหล อวิ๋นซี ผมเซียวจิ่งสือนะ เรื่องของหลินหว่านคุณน่าจะรู้เรื่องดีกว่าผมล่ะมั้ง งั้นผมจะไม่พูดมากอะไรอีก ตอนนี้สภาพจิตใจของหลินหว่านแย่เอามากๆ ผมไม่อยากให้เธอต้องมาทนกับการเดาของคนอื่นกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนอินเทอร์เน็ตอีก ผมอยากจะเปิดงานแถลงข่าวให้เธอ ยิ่งเร็วยิ่งดี เธอรออีกไม่ได้แล้ว” เซียวจิ่งสือพูดเสียงร้อนรน
หลายวันมานี้อวิ๋นซีกำลังกลัดกลุ้มกับเรื่องของหลินหว่านอยู่พอดี จู่ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากเซียวจิ่งสือ เธอรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาหน่อยหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่ได้มีเพียงเธอที่เป็นห่วงหลินหว่าน
“สวัสดีค่ะ เซียวจิ่งสือ ฉันรู้เรื่องพวกนั้นที่คุณพูดมาทั้งหมดนั่นล่ะ ตอนนี้สภาพของหลินหว่านก็เหมือนที่คุณพูด เธอจะถูกทำให้กระทบกระเทือนใจอีกไม่ได้ แต่คุณก็ต้องคิดให้ดีนะคะว่างานแถลงข่าวจะมีประโยชน์ต่อหลินหว่านจริงๆ ถ้าเกิดเป็นตรงกันข้าม หลังงานแถลงข่าวแล้วยังมีคนแห่ใส่ร้ายหลินหว่านอีก พวกเราก็รับไม่ไหวเหมือนกันนะคะ” อวิ๋นซีพูดรัวเป็นชุดรวดเดียวจบ
หลินหว่านยังนั่งเศร้าอยู่ในห้อง เธอไม่รู้ว่าคนใกล้ชิดที่สุดของเธอทั้งสองคนกำลังคิดหาวิธีช่วยให้เธอผ่านความยากลำบากในครั้งนี้ไปให้ได้
“ผมเชื่อว่าได้แน่ ผมมีใบรับรองแพทย์จากทางโรงพยาบาล ถ้าหากเอาของพวกนี้ให้พวกเขาดู หลินหว่านจะได้ไม่ต้องถูกคาดเดามั่วซั่วอีก เรื่องนี้ผมคิดมาก่อนหน้านี้แล้ว คุณไม่ต้องห่วง เรื่องที่ผมทำให้เธอต้องดีสำหรับเธอที่สุดอยู่แล้ว” เซียวจิ่งสือพูดด้วยเสียงแน่วแน่
เซียวจิ่งสือกับอวิ๋นซีปรึกษากันแล้วตัดสินใจว่าจะเปิดงานแถลงข่าวให้หลินหว่าน
เซียวจิ่งสือวางสายแล้วกลับเข้าห้อง เห็นหลินหว่านที่อยู่บนโซฟานอนหลับไปแล้ว แต่เธอยังขมวดคิ้วทั้งที่นอนหลับ เซียวจิ่งสือเจ็บปวดใจมาก ใช้มือลูบผมเธอเบาๆ ด้วยไม่อยากปลุกเธอให้ตื่นขึ้น
เซียวจิ่งสือนั่งลงที่ด้านข้าง รออยู่ครู่หนึ่ง คอยมองดูนาฬิกาข้อมือเป็นครั้งคราว
“งานแถลงข่าวพรุ่งนี้เที่ยง” หน้าจอบนมือถือของเซียวจิ่งสือปรากฎข้อความขึ้นประโยคหนึ่ง
เซียวจิ่งสือยิ้มอย่างยินดี เขาคิดจินตนาการไปถึงหลินหว่านที่ร่าเริงแจ่มใส มีความสุขจากภายในเหมือนตอนที่เขาหยอกเย้าเธอเมื่อก่อนนั้น
วันรุ่งขึ้น ตอนหลินหว่านตื่นขึ้นมาก็พบว่าทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอบอวล เธอเดินตามกลิ่นไปทางห้องครัว แล้วพบว่าเซียวจิ่งสือกำลังทำอาหารเช้า
“เซียวจิ่งสือ ทำไมขยันนักคะ” หลินหว่านพูดแซวขึ้น
เซียวจิ่งสือหันมายิ้มให้หลินหว่าน แอบนึกปลื้มอยู่ในใจ
“วันนี้ทำไมขยันนักล่ะ? คุณพูดซะ ผมก็ขยันแบบนี้ตลอดไม่ใช่หรือไง คุณนั่งก่อนนะ อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เดี๋ยวบอกคุณเรื่องหนึ่ง” เซียวจิ่งสือพูดพลางทำกับข้าวไปพลาง
หลินหว่านมองเซียวจิ่งสืออย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้คิดมาก หมุนตัวเดินไปนั่งรอที่หน้าโต๊ะอาหาร
“มาแล้ว นี่เป็นของอร่อยที่ผมเรียนทำเพื่อคุณเลยนะ ผมว่าคุณต้องชอบแน่เลย” เซียวจิ่งสือยกจานกับข้าวมาตรงหน้าหลินหว่านอย่างกระตือรือร้น วางลงบนโต๊ะ
หลินหว่านดูไปแล้วไม่อยากอาหารนัก แค่หยิบตะเกียบขึ้นมาทานไปคำสองคำเท่านั้น
เซียวจิ่งสือเห็นดังนั้นก็ไม่รู้สึกผิดหวังเสียใจมากเกินไปนัก เพียงแต่สงสารหลินหว่านยิ่งขึ้น เพราะหนังเรื่องหนึ่ง ตอนนี้อารมณ์เธอเปลี่ยนไปจนน่ากลัว
“หลินหว่าน ผมจะบอกคุณเรื่องหนึ่งนะ พรุ่งนี้จะมีงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นเพื่อคุณ ผมยอมให้พวกคนบนอินเทอร์เน็ตนั่นมาเดามั่วเรื่องคุณไม่ได้แล้ว ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำก็คือ ผมอยากให้คุณสบายใจ แม้จะต้องทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปก็ยอม” เซียวจิ่งสือจ้องมองหลินหว่านด้วยสายตาลึกซึ้ง
หลินหว่านเองก็รู้สึกตื้นตันใจมาก เซียวจิ่งสือมักจะคิดหาวิธีการดีๆ ออกมาได้เสมอในตอนที่เธอเสียใจอย่างมาก
“อื้อ ก็ได้ค่ะ งั้นพรุ่งนี้พวกเราไปงานแถลงข่าวกัน ขอบคุณนะคะ เซียวจิ่งสือ” หลินหว่านก้มหน้าพูด
เซียวจิ่งสือลูบผมของหลินหว่าน จากนั้นทั้งสองก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าว
เวลาวันหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว งานแถลงข่าวใกล้เข้ามา
อวิ๋นซีกับหลินหว่านมาถึงบริษัทแต่เช้า เซียวจิ่งสือคอยอยู่ข้างกายหลินหว่านตลอด
“หลินหว่าน มาแต่งหน้าเร็ว อีกเดี๋ยวจะเริ่มแล้ว!” อวิ๋นซีร้องเรียกหลินหว่าน
หลินหว่านเดินเข้าไปหาเธอเอื่อยๆ เธอเป็นกังวลอยู่บ้างว่างานแถลงข่าวจะสามารถหยุดกระแสตั้งข้อสงสัยต่อเธอบนอินเทอร์เน็ตได้หรือไม่ ถ้าหากได้ผลในทางกลับกัน เธอเกรงว่าตัวเองจะรับไม่ไหว
เซียวจิ่งสือเห็นหลินหว่านขมวดคิ้ว คาดเดาถึงความกังวลของหลินหว่าน เซียวจิ่งสือเดินเข้าไปที่ข้างกายหลินหว่าน ยกมือลูบไหล่เธออย่างปลอบประโลม
“ไม่เป็นไรนะ ผมจะอยู่ข้างคุณตลอด และผมก็เชื่อว่างานแถลงข่าวครั้งนี้จะสะกดข่าวลือพวกนั้นไว้ได้แน่ คุณอย่างกังวลใจเลยนะ” เซียวจิ่งสือพูดเสียงนุ่ม
หลินหว่านผงกศีรษะ
ในที่สุดงานแถลงข่าวก็เริ่มต้นขึ้น หลินหว่านกับเซียวจิ่งสือเดินออกไปด้วยกัน นักข่าวที่ด้านล่างเวทีเริ่มคำถามไล่บี้อีกครั้ง แสงแฟลชจากกล้องถ่ายภาพสว่างวาบไม่หยุด พวกนักข่าวดูเหมือนจะฮือกันขึ้นมาข้างหน้า
เซียวจิ่งสือมองดูหลินหว่าน ดูเหมือนเธอจะไม่ชอบนักข่าวเหล่านี้เอามาก จึงมองดูพวกเขาแล้วขมวดคิ้วอยู่ตลอด เซียวจิ่งสือเองก็รู้สึกกรุ่นโกรธขึ้นมาบ้าง
นักข่าวพวกนั้นระดมถามคำถามเธอมากมาย จนหลินหว่านรู้สึกปั่นป่วนว้าวุ่นขึ้นมา
เซียวจิ่งสือลุกพรวดขึ้นยืน เขาตบโต๊ะ ตะโกนเสียงดังว่า “กรุณาเงียบด้วยครับ ผมอยากจะพูดสักหน่อย ผมหวังว่าจะไม่มีการคาดเดากันไปเองอีกว่าหลินหว่านเกิดอะไรขึ้น จิตแพทย์บอกว่าหลินหว่านแค่เครียดมากเกินไปเท่านั้น ข่าวลือบนอินเทอร์เน็ตพวกนั้นล้วนแต่พูดกันไปเองทั้งนั้น ผมหวังว่าพวกคุณจะไม่นำมาถกเถียงกันอีก ผมขอแจ้งเตือนให้ทราบอย่างเคร่งครัดไว้ ณ ที่นี้”
หลินหว่านมองดูเซียวจิ่งสืออย่างประหลาดใจ เธอคิดไม่ถึงว่าเซียวจิ่งสือที่อ่อนโยนนุ่มนวลขนาดนั้นต่อหน้าเธอ จะโกรธได้ขนาดนี้เมื่อเป็นเรื่องของเธอ
หลินหว่านลุกขึ้นยืนโค้งคำนับ แล้วออกจากที่นั่นไปพร้อมกับเซียวจิ่งสือ งานแถลงข่าวจึงจบลงไปเช่นนี้เอง
หลังงานแถลงข่าวเสร็จสิ้นลง คำพูดบนอินเทอร์เน็ตเริ่มเป็นไปในทางที่ดี เซียวจิ่งสือเห็นแล้วค่อยคลายความกังวลต่อหลินหว่านลง