จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 937 แรงหนุนของตระกูลเซิน

บทที่ 937 แรงหนุนของตระกูลเซิน

สำหรับพรสวรรค์ในการฝึกฝนของหลินซื่อเฉิงนั้น ทำให้หลินหยุนต้องรู้สึกช็อกอีกครั้งหนึ่ง

ถึงแม้ว่าท่าแยกน้ำซึ่งเป็นท่าที่สองของสามท่าต้าเต๋าตามที่หลินซื่อเฉิงหยั่งรู้ได้นั้น จะไม่ค่อยเหมือนกับที่หลินหยุนถ่ายทอดให้ก็จริง แต่ว่าพลังแรงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าท่าแยกน้ำฉบับเดิมเลย

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ กระบวนท่าแยกน้ำนี้ เกิดจากการหยั่งรู้เองของหลินซื่อเฉิงเองภายใต้ความกดดันจากความตายที่เกิดขึ้นตรงหน้า

แต่ไม่ใช่เดินตามวิถีทางที่หลินหยุนเคยแนะนำไว้ ก็เท่ากับว่าแหวกแนวเดิมออกไป แล้วสร้างแนวทางใหม่ตามความคิดของตัวเองขึ้นมา

เดินตามทางของคนที่สร้างขึ้นก่อนหน้านั้น ถึงแม้ว่าเส้นทางจะปลอดโปร่งสะดวกก็จริง แต่ก็ต้องถูกจำกัดอยู่บนพื้นฐานของคนที่เริ่มเปิดทางก่อนหน้านั้น

มีแต่จะต้องเปิดเส้นทางเดินใหม่ของตัวเองขึ้นมา จึงจะสามารถเดินได้ไกลมากยิ่งขึ้น

“แกถึงกับสามารถรับกระบวนท่าหมัดทั้งสามของฉันไว้ได้!” เซินถูมองดูหลินซื่อเฉิง ในที่สุดสีหน้าก็แสดงออกถึงความเคร่งเครียดออกมา

หลินซื่อเฉิงรู้สึกเหมือนอ่อนแรงไปหมดทั้งตัว หายใจหอบแล้วพูดว่า “ก็โชคดีเท่านั้นเอง!”

เซินถูพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แกโชคดีจริงๆ แต่ว่าต่อให้แกสามารถรับกระบวนท่าหมัดทั้งสามของฉันได้ก็จริง แต่ในร่างของแกตอนนี้ไม่มีชี่ทิพย์เหลืออยู่อีกเลยแม้แต่นิดเดียว”

“ตอนนี้ แม้แต่แค่ปลายนิ้วเดียว แกก็ไม่มีแรงที่จะต้านไว้อีกแล้ว”

พูดพลาง เซินถูก็เล็งไปยังหลินซื่อเฉิง แล้วยื่นนิ้วชี้ออกไป ค่อยๆชี้ไปยังหลินซื่อเฉิง

หลินซื่อเฉิงหัวเราะแล้วพูดว่า “แกพูดถูกแล้ว ตอนนี้แม้แต่แค่นิ้วมือเดียวฉันก็ไม่สามารถ ต้านทานไหวแล้ว แต่ว่ายังมีคนที่สามารถรับแทนฉันได้!”

ดูเหมือนว่าเป็นการยืนยันความจริงในคำพูดของหลินซื่อเฉิง ก็มีเงาร่างมืดดำมายืนขวางอยู่ตรงหน้าหลินซื่อเฉิงจริงๆ

นิ้วชี้ของเซินถูนั้น ก็ไม่สามารถที่จะชี้ต่อไปข้างหน้าอีกแล้ว

“แกคิดจะตายแทนเขาเหรอไง?” เซินถูมองดูหลินหยุน ถึงกับรู้สึกใจเต้นแรงขึ้น

เขาไม่รู้ว่าทำไมหัวใจจึงเต้นแรงขึ้น ดังนั้น เขาจึงแสร้งทำสีหน้าดุร้าย เพื่อกลบเกลื่อน ความหวาดกลัวในใจของเขาเอาไว้

หลินหยุนมือทั้งสองไขว้หลัง สีหน้าเรียบเฉย: “ฉันจะให้แกตาย”

เซินถูรู้สึกตกตะลึง หลังจากนั้นก็หัวเราะเสียงดังออกมาก: “เจ้าหนู แกเป็นคนแรกที่กล้าพูดอย่างนี้กับฉัน!”

“คนตระกูลหลินพวกแก ล้วนแต่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำทั้งนั้นเลยเหรอ?”

“ตอนที่ฉันมีชื่อเสียงโด่งดังนั้น แกน่าจะยังอยู่ในท้องแม่อยู่มั้ง ถึงกับกล้ามาคุยโม้โอ้อวดขนาดนี้!”

ลูกศิษย์ตระกูลเซินทั้งหลายที่อยู่ข้างหลัง ต่างก็มองไปยังหลินหยุนด้วยสีหน้าที่เหยียดหยาม

“ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ก็แค่เด็กกะโปโลที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเลย ฉันแค่ใช้มือข้างเดียวก็สามารถบีบเขาให้ตายคามือได้แล้ว ไม่ต้องรอให้เจ้าบ้านลงมือหรอก!” ชายหนุ่มสีหน้าขาวซีดคนหนึ่ง พูดเยอะเย้ยหลินหยุนด้วยสีหน้าเหยียดหยาม

ใบหน้าที่สะสวยของเจียงย่านหรง ก็แสดงออกถึงความร้อนใจ มองไปยังหลินหยุน ดูเหมือนว่ากังวลใจเล็กน้อย

แต่ว่าเจียงย่านหรงก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมา แต่กลับพูดเยาะเย้ยว่า “คุณอายุยังน้อย ทำไมถึงได้พูดโอ้อวดอย่างนี้ล่ะ? อาจไม่แน่ว่าคุณก็พอมีพลังความสามารถอยู่บ้าง แต่ว่า ตระกูลเซินเป็นถึงหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ในโลกบู๊โบราณ พละกำลังของเขาไม่ใช่ที่คุณจะสามารถต้านทานไว้ได้หรอกนะ”

“ถ้าคุณล่วงเกินตระกูลเซินไปละก็ งั้นก็รีบขอโทษเจ้าบ้านตระกูลเซินซะด้วย อาจไม่แน่เจ้าบ้านตระกูลเซินจะไว้ชีวิตคุณก็ได้”

คำพูดของเจียงย่านหรงนี้ฟังดูแล้วเหมือนกำลังเยาะเย้ยหลินหยุนว่าไม่รู้จักเจียมตัว แต่แท้จริงแล้ว กำลังบอกกับหลินหยุนว่า พละกำลังของตระกูลเซิน ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เห็นภายนอกเช่นนี้

เพื่อจะได้ให้หลินหยุนรีบยุติเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องมีอันตรายจนถึงแก่ชีวิต

อีกทั้งเจียงย่านหรงก็เคยเห็นหลินหยุนลงมือในงานประลองกลั่นยาครั้งนั้นแล้ว

ในเมื่อเคยเห็นพลังความสามารถของหลินหยุนแล้ว เธอกลับยังพูดเช่นนี้ออกมา ก็แสดงให้เห็นว่า ตระกูลเซินจะต้องมีไพ่ใบสุดท้ายที่แข็งแกร่งคอยหนุนอยู่อย่างแน่นอน

เซินถูขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูเจียงย่านหรงด้วยสีหน้าสงสัย

เห็นได้ชัดว่า เซินถูก็ได้มองเห็นเจตนาแอบแฝงของเจียงย่านหรงแล้ว

ในเมื่อเซินถูสามารถฟังออกว่าเจียงย่านหรงมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่ หลินหยุนก็ย่อมฟังออกเช่นกัน

แต่ว่า หลินหยุนก็ไม่ได้รับความหวังดีจากเจียงย่านหรงเลย กลับพูดอย่างเรียบๆว่า: “คุณก็แค่รู้จักแต่ความแข็งแกร่งของตระกูลเซินเท่านั้น แล้วรู้ได้ยังไงว่าฝีมือของฉันเป็นอย่างไร”

สายตาของหลินหยุนเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น มองดูเซินถูแล้วพูดอย่างเรียบๆว่า: “ถ้าตอนนี้แกมอบหญิงสาวที่จับตัวมากลับคืนไปให้ตระกูลหลินอย่างปลอดภัยละก็ ฉันก็จะไว้ชีวิตแก”

เจียงย่านหรงขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกโกรธเล็กน้อย: “เจ้าเด็กนี่ ทำไมถึงได้กำแหงขนาดนี้นะ? ตระกูลเซินคงไม่ใช่เหมือนตระกูลนักกลั่นยาพวกนั้นหรอกนะ นี่เป็นถึงตระกูลที่มีชื่อเสียงทางด้านพละกำลังบู๊เลยทีเดียว ลำพังเขาเพียงคนเดียว จะต่อสู้กับตระกูลเซินได้อย่างไรกัน?”

แต่ว่า เจียงย่านหรงก็ไม่กล้าที่จะพูดเตือนอีก อย่างน้อยเมื่อครู่เธอก็รู้แล้วว่า เซินถูเริ่มสงสัยเธอแล้ว

“ไอ้หนู ฉันว่าแกคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วมั้ง ถึงกับกล้ามาหยามเกียรติตระกูลเซินเรา” ชายหนุ่มที่ด่าทอหลินหยุนเมื่อครู่นี้ ก็พูดด่าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

“เจ้าบ้านครับ ให้ผมช่วยจัดการฆ่าเด็กคนนี้ให้ท่านนะครับ จะได้ให้เขารู้ว่าผลที่ได้รับจากการหยามเกียรติตระกูลเซินพวกเรา!”

เซินถูมองหน้าเขาแวบหนึ่ง ชายหนุ่มคนนี้อยู่ในแดนปรมาจารย์ระดับเล็ก เป็นลูกหลานอัจฉริยะของตระกูลเซิน ถ้าจะฆ่าเด็กที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

“ไปเถอะ!”

“ครับ!”

ชายหนุ่มคนนั้นมองไปยังหลินหยุน แล้วจะยิ้มอย่างเยือกเย็น “เจ้าหนู เอาชีวิตแกมา!”

พูดจบ ก็ชกหมัดออกไปยังหลินหยุนทันที

“ไสหัวไป!”

หลินหยุนโบกมือขึ้น พลังแรงมหาศาลก็กวาดชายหนุ่มคนนั้นให้ลอยกระเด็นออกไป

ชายหนุ่มคนนั้นกระเด็นออกไปไกลถึงสิบเมตร แล้วตกลงบนพื้นอย่างแรง ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

นี่………

ผู้คนตระกูลตระกูลเซินทั้งหลาย ต่างก็พากันตกใจ!

สายตาเซินถูที่มองไปยังหลินหยุน เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที

“พละกำลังของเซินชิงหัวถึงแม้อยู่ในตระกูลเซินเป็นเพียงแค่ระดับปานกลางเท่านั้น แต่ก็เป็นปรมาจารย์ระดับเล็กที่มีฝีมือดีทีเดียว ถูกเจ้าเด็กนี่ชกไปแค่หมัดเดียวถึงกับไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย?”

“พละกำลังของเจ้าเด็กนี่ อย่างน้อยที่สุดก็จะต้องอยู่ระดับปรมาจารย์ชั้นสูงสุดแล้ว!”

เสียงของหลินหยุนก็ดังขึ้นอย่างเรียบๆว่า: “อย่าให้พวกมดตัวเล็กตัวน้อยพวกนี้มารนหาที่ตายเลย”

สีหน้าของเซินถูแลดูน่าเกลียดมาก จ้องมองหลินหยุนด้วยสีหน้าบึ้งตึง: “ไอ้หนู ฉันยอมรับว่าดูถูกแกไปหน่อย แต่ว่าแกก็อย่ามาดูถูกตระกูลเซินเรามากจนเกินไป”

“งั้นให้ฉันลองดูสิว่า พละกำลังของแกจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่”

เซินถูสูดลมหายใจลึกๆเข้าไป แล้วค่อยๆเดินไปยังหลินหยุน

หลินหยุนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า: “แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ฉันหรอก”

“ตระกูลเซินแกมีไพ่ตายอะไร ตอนนี้ก็งัดออกมาได้เลย! ไม่งั้นฉันกลัวว่าแกจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว”

เซินถูแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง “ฮาๆๆ ไอ้หนูแกนี่โอหังจริงๆเลย!”

“เจ้าบ้านหลินพวกแกยังแพ้ให้กับฉันเลย หรือว่าแกจะเก่งกว่าเจ้าบ้านพวกแกอีก!”

“สังหารมังกร!”

เซินถูตะโกนเสียงดัง ชกหมัดไปยังหลินหยุน

พลังแรงของท่าหมัดทั้งสามของเซินถู เมื่อครู่นี้ทุกคนก็ได้เห็นพร้อมกันหมดแล้ว อีกทั้ง หลินซื่อเฉิงก็ได้สัมผัสกับความแข็งแกร่งของหมัดทั้งสามกระบวนท่านี้แล้วด้วย

ถึงแม้ท่าหมัดสังหารมังกรจะสู้ท่าสังหารพิภพที่เป็นกระบวนท่าสุดท้ายนั้นไม่ได้ก็จริง แต่ว่าพละกำลังนั้นก็นับได้ว่าเป็นวรยุทธ์ที่อยู่ในระดับสูงทีเดียว

“ฮื่อ ไอ้เด็กจองหองคนนี้ พ่อบ้านลงมือเอง เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!” ผู้คนตระกูลเซินที่อยู่ข้างหลัง มองดูหลินหยุนด้วยสีหน้าเย้ยหยันอย่างสะใจ

มีแต่เจียงย่านหรงเท่านั้นที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เธอรู้ว่า เซินถูไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินหยุน

อีกทั้ง ต่อให้คนตระกูลเซินมากมายขนาดนี้ลุยขึ้นไปพร้อมกัน ก็อาจไม่แน่ว่า ยังไม่สามารถเอาชนะหลินหยุนได้เลย

แต่ว่าไพ่ใบสุดท้ายที่แข็งแกร่งที่สุด ก็คือค่ายกลมหาปัทมาของพวกเขาที่ได้สืบทอดกันมาโดยตลอด

นี่จึงจะเป็นแรงหนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทำให้ตระกูลเซินได้เป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ของโลกบู๊โบราณ

หลินหยุนมองดูท่าหมัดของเซินถูอย่างเงียบๆ คนภายนอกมองไป ก็ดูเหมือนว่าเขาตกใจจนเสียสติไปแล้ว

หลินซื่อเฉิงที่อยู่ข้างหลังก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าหลินหยุนไม่ใช่ตกใจจนเสียสติไปก็ตาม แต่ว่าหลินหยุนประมาทเช่นนี้ ก็รู้สึกเสี่ยงอันตรายไปหน่อยจริงๆ

เรื่องที่ไม่มีความมั่นใจเรียกว่ามีความเสี่ยง แต่เรื่องที่มีความมั่นใจ เรียกว่ามีความมั่นใจในตัวเอง

หลินหยุนไม่ได้มีความเสี่ยงอะไรเลย แต่มีความมั่นใจในตัวเองต่างหาก

เซินถูมองดูหมัดของตัวเอง ที่กำลังจะเข้าใกล้ตรงหน้าหลินหยุนแล้ว แต่หลินหยุนก็ยังคงไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่นิดเดียว ในใจก็รู้สึกแอบดีใจไม่น้อย:

“เจ้าเด็กนี่ ดีแต่คุยโม้โอ้อวด ถึงกับตกใจกับท่าหมัดของฉันจนเสียสติไปแล้ว!”

แต่ว่า เมื่อหมัดของเขาเข้าใกล้หลินหยุนเพียงแค่สิบเซนติเมตรเท่านั้น กลับไม่สามารถที่จะเข้าใกล้ไปกว่านี้อีกแล้ว

ตรงด้านหน้าของหลินหยุน ก็เหมือนมีกำแพงใสที่มองไม่เห็นขวางกั้นอยู่ ทำให้หมัดอันทรงพลังพอที่จะล้มช้างได้ตัวหนึ่งนั้น ถูกขัดขวางไว้อยู่ด้านนอกอย่างมั่นคงถาวร

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท