จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 1316 เสียงหัวเราะ

บทที่ 1316 เสียงหัวเราะ

หลินหยุนพยักหน้า

นี่ถือว่าเป็นการคาดเดาที่มีความเป็นไปได้สูง แต่ไม่น่าจะตรงตามหลักความเป็นจริงสักเท่าไร

ดวงจิตที่ทรงพลังไร้เทียมทาน……

ดวงจิตไม่ดับสูญ ดวงจิตเพียบพร้อมด้วยลักษณะพิเศษที่ยากนักต่อการอธิบาย

ถ้าหากมีความแข็งแกร่งมากเพียงพอ ก็เป็นจริงได้ที่ว่าดวงจิตจะไม่ดับสูญ

แต่ที่พูดว่านาน ๆ ครั้งจะเกิดการเคลื่อนไหวขึ้นนั้น ก็เหมือนว่าจะเกินจริงไปพอสมควร

ถ้าหากสามารถกระทำถึงขั้นนั้นได้จริง ๆ ก็แสดงว่าดวงจิตนี้ทรงพลังระดับไร้เทียมทาน สามารถที่จะครอบคลุมไปทั่วทั้งทะเลกวางยักษ์ได้เลย

หลินหยุนส่ายศีรษะ และพูดขึ้นว่า  ฉันคิดที่จะเข้าไปในทะเลกวางยักษ์ เธอ……หาสถานที่ปลอดภัยสักแห่งหนึ่ง เพื่อรอฉันออกมาแล้วกัน!  

ได้ยินที่หลินหยุนพูด ซินเฟยคิดว่าตนเองฟังผิดไป ผ่านไปชั่วครู่ถึงตั้งสติขึ้นได้  อะไรนะ? นายพูดอะไร? นายจะเข้าไปในทะเลกวางยักษ์อย่างนั้นเหรอ?  

หลินหยุนพยักหน้าและพูดว่า  ถูกต้อง ฉันสนใจสถานที่แห่งนี้มาก ดังนั้นจึงอยากที่จะเข้าไปดูด้านในสักหน่อย!  

ซินเฟยปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่า  ไม่ได้! นายรู้ไหมว่า ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา ยังไม่เคยมีใครที่จะกลับออกมาได้อย่างปกติสมบูรณ์เลยสักคนเดียว ฉันไม่ยินยอมที่จะให้นายเข้าไปแน่นอน!  

หลินหยุนพูดขึ้นว่า  ฉันรู้สึกว่า ฉันน่าจะไม่มีปัญหา ไม่ต้องกังวล เธอรอฉันก็แล้วกัน!  

ซินเฟยยิ้มอย่างเย็นชาและพูดขึ้นว่า  ไม่ว่านายจะพูดอย่างไร ฉันก็ไม่ยินยอมเด็ดขาด!  

หลินหยุนพูดขึ้นว่า  แต่เธอขัดขวางฉันไม่ได้! ดังนั้น รอฉันออกมาก็แล้วกัน!  

ซินเฟยมีสีหน้าที่ย่ำแย่อย่างมาก จิตใจเต็มไปด้วยความโกรธเคืองอย่างที่สุด คู่ดวงตาที่สวยงามจ้องมองไปที่หลินหยุน  นายเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ ใช่ไหม!  

หลินหยุนพูดขึ้นว่า  หากว่าปฏิบัติการไม่สำเร็จ ฉันก็จะรีบออกมาโดยเร็ว 

ซินเฟยยิ้มเยาะอีกครั้ง  ตอนนั้นทุกคนที่คิดจะเข้าไปเพื่อเสี่ยงโชคดวงชะตา ต่างก็มีสภาพจิตใจแบบนี้กันทั้งหมด แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถรอดชีวิตออกมาได้เลย!  

หลินหยุนส่ายศีรษะเล็กน้อย และพูดว่า  ไม่พูดแล้ว ฉันจะเข้าไปด้านในแล้ว!  

ซินเฟยเห็นดังนั้น ก็รีบตะโกนเสียงดังขึ้นว่า  รอก่อน!  

ซินเฟยหืดหอบอย่างรุนแรง  นายจะเข้าไปด้านในก็ได้ แต่ต้องพาฉันไปด้วย! ไม่อย่างนั้น นายก็ห้ามเข้าไป!  

หลินหยุนขมวดคิ้วและพูดว่า  เป็นไปได้ที่อาจจะเกิดอันตรายที่ไม่คาดคิดขึ้น ดังนั้น…… 

ซินเฟยพูดขึ้นโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น  ถ้าอย่างนั้นนายก็อย่าเข้าไปสิ!  

หลินหยุนครุ่นคิดอีกครั้ง ผ่านไปชั่วครู่ ก็ส่ายศีรษะและพูดว่า  ไม่ได้!  

เมื่อพูดจบ ร่างกายก็หายวับแล้วก็ก้าวย่ำเข้าไปยังท่ามกลางทะเลกวางยักษ์ทันที

เมื่อร่างกายของเขาสัมผัสกับหมอกดำนั้น หลินหยุนก็พลันรู้สึกได้ถึงพลังผลักดันอย่างรุนแรง

แรงพลังนี้ค่อนข้างจะแข็งแกร่งอย่างมาก อีกทั้งเจตนาสังหารที่ไร้ขอบเขตนั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้น และกลิ่นอายของความโหดเหี้ยมก็พลันห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้แล้ว

หลินหยุนขมวดคิ้วขึ้น ตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็มุดเข้าไปด้านใน

แต่ในขณะนั้นเอง มือข้างหนึ่งก็ได้จับแขนของเขาไว้แน่น และแทรกตัวเข้าไปยังท่ามกลางหมอกดำพร้อมกันกับเขาด้วย

เสียงสังหารดังสะเทือนขึ้นที่ข้างหู ใต้ฝ่าเท้าก็เหนียวเหนอะหนะไปทั้งหมด

ไม่รู้ว่าคือสิ่งของอะไร หลินหยุนพลันหันหน้ากลับ มองไปที่ซินเฟย ก็เห็นถึงใบหน้าที่มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวอย่างที่สุดของซินเฟย

หลินหยุนถอนหายใจเบา ๆ และก็ส่ายศีรษะ โดยที่ไม่ได้พูดอะไร

เพราะว่าในขณะที่เขาหันหน้ากลับไปนั้น เขาพลันเห็นว่า ตำแหน่งที่เขาเพิ่งผ่านเข้ามาเมื่อครู่นั้น ได้สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว โดยได้เปลี่ยนเป็นสภาพที่ถูกหมอกดำปกคลุมไปทั้งหมด

ทะเลกวางยักษ์นี้ สนามรบโบราณกาลนี้ มีสิ่งที่แปลกประหลาดอยู่ไม่น้อยเลยจริง ๆ

ต่อให้พวกเขาเพิ่งจะเข้ามาด้านใน แต่ก็คงไม่ใช่บริเวณด้านข้างของทะเลกวางยักษ์อย่างแน่นอน ส่วนที่ว่าจะอยู่ที่ตำแหน่งใดนั้น เขาเองก็ไม่สามารถที่จะไปคาดเดาได้

หลินหยุนมองไปที่ซินเฟยอีกครั้ง และพูดขึ้นว่า  เดินตามหลังฉัน ในระยะห่างหนึ่งก้าว 

ซินเฟยเห็นว่าหลินหยุนไม่ได้ตำหนิอะไร ก็ดีใจขึ้น และพยักหน้าไม่หยุด

หลินหยุนหมุนตัวกลับมา มองไปด้านหน้า พร้อมกับใช้ดวงจิตสำรวจโดยรอบ

ด้านหน้ามืดมิดไปหมด บริเวณที่สายตาสามารถมองเห็นได้นั้น มีระยะไม่เกินหนึ่งร้อยเมตร

ส่วนดวงจิตที่เพิ่งจะสำรวจไปได้ในระยะสามสิบกว่าเมตร ก็ถูกทำลายจนแหลกละเอียดแล้ว

หลินหยุนขมวดคิ้วขึ้น พร้อมกับเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นด้วย

บริเวณด้านหน้าทางซ้ายมือของเขา มีเสียงตะโกนสั่งฆ่าดังขึ้นอย่างไม่หยุด ซึ่งในบริเวณที่ลึกเข้าไปก็มีอีกเช่นเดียวกัน

หลินหยุนพูดขึ้นว่า  ใช้พลังทิพย์ห่อหุ้มเท้าเอาไว้ แล้วก็เดินตามฉันมา!  

ซินเฟยพยักหน้า แล้วก็รีบทำตามคำพูดของหลินหยุน ความเหนียวเหนอะหนะนั้นได้ลดลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว

ทั้งสองคนมุ่งหน้าเดินต่อไปเรื่อย ๆ

บนท้องฟ้ามีดวงอาทิตย์สีเลือดที่เรืองแสงสีเขียว ส่องสว่างรำไร ราวกับว่าเป็นเพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ทะลุผ่านชั้นหมอกดำที่หนาทึบ

แต่ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน เพราะว่าตอนที่พวกเขาเข้ามาด้านในนั้น เป็นเวลาเช้า ดวงอาทิตย์เพิ่งจะขึ้น อยู่ในตำแหน่งทางทิศตะวันออก

แต่เวลานี้ดวงอาทิตย์สีเลือดบนท้องฟ้านั้น อยู่ที่ตรงกลางพอดี

ทั้งสองคนต่างรับรู้ถึงเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

สถานที่แห่งนี้ ปรากฏเรื่องราวที่แปลกประหลาดขึ้นซึ่งก็ถือว่าไม่น่าแปลกใจอะไร

เดินไปข้างหน้าอีกประมาณสักพักใหญ่ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงตะโกนสั่งฆ่าดังขึ้นอย่างกึกก้อง จากนั้นพื้นดินใต้ฝ่าเท้าก็เริ่มที่จะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้น

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็พลันพบว่า มีกองทัพหนึ่งได้ทะลุผ่านหมอกดำมาอย่างรวดเร็ว และพุ่งตรงเข้ามาสังหารพวกเขาในทันที

หลินหยุนเองไม่เป็นอะไร

ส่วนซินเฟยนั้นตกใจจนหน้าซีด และจับไปที่แขนของหลินหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า  นี่……เป็นไปได้อย่างไร? ในทะเลกวางยักษ์นี้ทำไมถึงได้มีผู้มีชีวิตอาศัยอยู่ด้วยล่ะ?  

หลินหยุนพูดเบา ๆ ว่า  ไม่ใช่ผู้มีชีวิต นี่คือทหารโครงกระดูก!  

เมื่อพูดจบ ก็ได้แสดงพลังที่มองไม่เห็นออกมา

ทันใดนั้นก็ปิดล้อมผู้ที่บุกสังหารเข้ามาทั้งหมด

พร้อมกับตะโกนเสียงดังขึ้น ทำให้กองทัพทหารโครงกระดูกทั้งหมดระเบิดแหลกสลาย กลายร่างเป็นหมอกควันสีดำ และมลายสูญสิ้นไป

หลินหยุนพลันขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง

ทันทีที่กองทัพทหารโครงกระดูกนี้ได้กลายเป็นหมอกดำไปแล้วนั้น หลินหยุนก็รู้สึกได้ทันทีว่า เจตนาสังหารโดยรอบนั้น ได้เพิ่มมากขึ้นอีกไม่น้อยเลยทีเดียว

นี่ก็คือการรู้สึกที่ละเอียดอ่อนว่องไวของเขา ไม่อย่างนั้น คงยากที่จะรับรู้ได้

ทั้งสองคนมุ่งหน้าเดินต่อไป ดวงอาทิตย์สีเลือดบนท้องฟ้านั้นเหมือนจะไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหน

หากคำนวณตามเวลาภายนอกแล้ว จะต้องเกินสามวันไปแล้วอย่างแน่นอน

ช่วงเวลาทั้งสามวันนี้ พวกเขาสองคนก็ยังประสบกับการโจมตีของทหารโครงกระดูกอีกนับครั้งไม่ถ้วน

แต่กองทัพทหารโครงกระดูกที่ปรากฏตัวขึ้นนั้นไม่ได้ถือว่าแข็งแกร่งมากเท่าไร ยังไม่ถึงขั้นแดนยาทองเลยด้วยซ้ำ ซึ่งในจำนวนนั้นมีอยู่หนึ่งกองทัพ ที่มีพลังแค่ในขั้นแดนฝึกพลังระยะกลางเท่านั้น

เวลาผ่านไปอีกสามวัน ในที่สุดทั้งสองคนก็พบว่า ที่แท้ดวงอาทิพย์สีเลือดบนท้องฟ้านั้นไม่ใช่ว่าจะไม่เคลื่อนไหว แต่แค่เคลื่อนไหวเชื่องช้าอย่างมาก

เมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น ซินเฟยเริ่มที่จะทนรับสภาพไม่ไหวแล้ว เพราะถูกเจตนาสังหารอันโหดเหี้ยมรุมเร้าจนทำให้เกิดอาการหงุดหงิดขึ้นอย่างมาก

หลินหยุนได้นำชี่ทิพย์ป้องกันกายออกมาคุ้มกันตัวเธอเอาไว้ จึงทำให้อาการดีขึ้น

เมื่อมาถึงวันที่สิบ ในที่สุดดวงอาทิตย์สีเลือดก็กำลังจะตกลงแล้ว

ในขณะที่ดวงอาทิตย์สีเลือดกำลังจะลับขอบฟ้า เจตนาสังหารอันโหดเหี้ยมบริเวณโดยรอบ ก็ลดกำลังลงตามไปด้วยเช่นกัน

แต่อีกหนึ่งคำถามใหญ่ก็เกิดขึ้นแล้ว

ทั่วทั้งทะเลกวางยักษ์ราวกับว่ามีชีวิตขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น พลังแห่งความตายที่ไม่รู้จบได้เริ่มต้นมีชีวิตชีวาขึ้นมา

ไม่นานนักก็มีกองทัพทหารโครงกระดูกมุ่งหน้าเข้ามาสังหารพวกเขาทั้งสองคนอีกครั้ง

ทั้งหมดจำนวนห้าคน ซึ่งล้วนเป็นขั้นแดนยาทองทั้งนั้น

และก็ถูกหลินหยุนสังหารลงไปอีกครั้ง กลายร่างเป็นหมอกดำ

ทั้งสองคนมุ่งหน้าเดินต่อไป ดวงอาทิตย์สีเลือดก็ค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว

ในขณะนั้นเอง อุณหภูมิบริเวณโดยรอบก็ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว

จากนั้น เสียงหัวเราะอันน่าสยดสยอง ก็ได้ดังขึ้นท่ามกลางท้องฟ้าที่ว่างเปล่า

 

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท