อันซิงร้อนรุ่มไปทั้งตัว หอบหายใจถี่พลางกอดร่างเซียวจิ่งสือที่ถอดเสื้อนอกออก เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดียว สายตาทั้งคู่เลื่อนลอยเหม่อมองผู้ชายตรงหน้าที่เธอใฝ่ฝันอยากครอบครองมานาน เธอได้กลิ่นกายชายที่ชวนหลงใหลไม่เหมือนใครจากร่างเขา จนแทบจะลืมตัวไปเลย
อันซิงรู้ตัวแล้วว่ายาที่เธอใส่ในเหล้าถูกเซียวจิ่งสือสับเปลี่ยนไป ผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนี้ไม่ยอมหลงกลเธอง่ายๆ เอาซะเลย
นาทีนี้อันซิงไม่คิดอะไรมากความแล้ว แรงกำหนัดจากฤทธิ์ยากำลังทวีขึ้นไม่หยุด ตลอดร่างร้อนรุ่มจนแทบจะกระโดดใส่เซียวจิ่งสือในระหว่างทาง จะใส่ยาในแก้วไหนก็ไม่ต่างกันใช่หรือเปล่า ขอเพียงผู้ชายที่อยู่กับเธอตอนนี้เป็นเซียวจิ่งสือ ทุกอย่างก็งามเลิศประเสริฐสุดๆ ไปเลย
อันซิงบิดร่างไปมาเบียดบดอยู่บนร่างเซียวจิ่งสือ ส่งเสียงครวญครางออดอ้อนราวกับมืออาชีพที่ให้บริการประเภทนี้ “จิ่งสือคะ คุณไม่รู้ว่าฉันคิดยังไงกับคุณเหรอคะ ฉันทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อคุณนะคะ เพื่อคุณแล้วจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น วันนี้ฉันเป็นของคุณค่ะ พาฉันไปที่ห้องสิคะ ฉันจะให้ความสุขแก่คุณเอง นะคะ”
เซียวจิ่งสือแอบนึกหัวเราะอยู่ในใจ ผู้หญิงบ้าอย่างเธอพร้อมจะทำอะไรก็ได้เพื่อฉัน ถ้าฉันนอนกับผู้หญิงอย่างเธอ แค่นึกก็จะอ้วกแล้ว วันนี้ถ้าฉันดื่มเหล้านั่นลงไป คงต้องตกอยู่ในมือนังงูพิษอย่างเธอแล้ว ถ้าเกิดเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ประธานเซียวคนนี้ไม่กลายเป็นตัวตลกของผู้คนทั้งเมืองหรือไง
ถึงแม้จะรังเกียจผู้หญิงร่านตรงหน้านี้มากมายเพียงใด แต่เซียวจิ่งสือก็รู้ดีว่า ถ้าทำให้ผู้หญิงคนนี้โกรธจนนอตหลุด ก็ไม่เป็นผลดีต่อหลินหว่านแต่ประการใด นึกถึงตรงนี้ เซียวจิ่งสือก็เผยรอยยิ้มออกมา พูดเสียงนุ่มว่า “อันซิง ที่จริงคุณก็เป็นเด็กสาวที่น่ารักมากคนหนึ่ง ผมรู้ว่าคุณทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อผม ผมรู้ว่าคุณจริงใจต่อผม วันนี้เรามาอยู่ร่วมกันด้วยดีเถอะ ส่วนหลินหว่าน ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณต้องไปตามราวีเธอไม่หยุดด้วย เธอก็แค่ดาราตัวเล็กๆ คนหนึ่ง สู้เอารูปถ่ายพวกนั้นคืนให้เธอไป แล้วให้เธอไปให้ไกลๆ ไม่ต้องมากวนใจพวกเราอีก คุณว่างั้นไหมล่ะ”
อันซิงฟังคำพูดของเซียวจิ่งสือแล้ว ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งตื้นตันใจ คิดในใจว่า ผู้ชายคนนี้ในที่สุดก็ยอมใจอ่อนกับเธอแล้ว หลินหว่าน นังชะนีเน่า ต่อให้แกสวยกว่านี้ เซียวจิ่งสือก็เป็นของฉันอยู่ดี
อันซิงตอบเสียงเคลิ้มในอารมณ์ว่า “ฉันจะเชื่อฟังคุณค่ะ ตอนนี้ฉันทรมานมากเลย รีบพาฉันไปห้องพักเร็วๆ เข้าเถอะ เราจะได้มีความสุขกันสองคน”
เซียวจิ่งสือประคองอันซิงตรงดิ่งไปยังห้องพัก
ในรถระหว่างทาง ยาในร่างอันซิงออกฤทธิ์ จนเธอควบคุมตัวเองไม่อยู่ส่งเสียงครางออกมา แต่เซียวจิ่ง
สือกลับฟังออกว่าเสียงของอันซิงโอเวอร์อย่างเห็นได้ชัด อันซิงยังลูบคลำเรือนร่างที่กำลังโหยหาการสัมผัสของตัวเองเป็นครั้งคราวอีกด้วย ผู้ชายบนโลกมีใครบ้างจะสามารถทำจิตใจให้สงบได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย
แต่เซียวจิ่งสือแววตาทอประกายเย็นเยียบ นึกในใจว่า “กินยานั่นเข้าไปถ้าไม่จัดการให้ทันเวลา ไม่รู้ว่าอันซิงจะทำเรื่องอะไรออกมาได้บ้าง ให้ฉันนอนกับเธอเหรอ นั่นน่ะไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเซียวจิ่งสือจึงนิ่งสงบได้ในสถานการณ์แบบนี้ อาจเป็นเพราะหลินหว่านล่ะมั้ง
ใช่เลย นาทีนี้ในหัวของเซียวจิ่งสือคิดแต่ว่าจะหาทางแก้ปัญหานี้อย่างไร เรื่องทำผิดต่อหลินหว่านนั้นจะทำได้อย่างไรกัน ขณะที่สมองคิดหาทางออกอย่างรวดเร็ว
เซียวจิ่งสือฉุกคิดขึ้นมาได้ทันที เขายิ้มออกมาได้ เซียวจิ่งสือหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาลูกน้อง พูดเสียงหนักว่า “ซั่วเฟิง ฉันต้องให้นายจองห้องพักของโรงแรมข่ายเยว่ให้สักห้อง ทันทีเลยนะ”
ซั่วเฟิงรับสายท่านประธานแล้ว ก็ได้ยินเสียงครางเบาๆ ของผู้หญิงดังมาจากปลายสายอีกด้าน พริบตานั้นเขาก็เข้าใจเรื่องราวคร่าวๆ คำสั่งท่านประธานจะทำเป็นเล่นไม่ได้ พอวางสายเขาก็รีบตรงไปยังโรงแรมข่ายเยว่ทันที
เซียวจิ่งสือประคองอันซิงในสภาพเมาจนไม่ได้สติมาที่หน้าประตูโรงแรม เห็นซั่วเฟิงที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วยืนรอเงียบๆ อย่างสงบเสงี่ยม
เซียวจิ่งสือยิ้มให้กับซั่วเฟิงอย่างรู้กันดี พูดว่า “พาเราขึ้นไปเถอะ”
ซั่วเฟิงรู้สึกคาดไม่ถึง ตอนท่านประธานทำเรื่องแบบนี้ โดยทั่วไปแล้วจะไม่ชอบให้คนอื่นรบกวน ทำไมจะให้เขาพาขึ้นไปล่ะ บอกหมายเลขห้องแล้วก็น่าจะมีพนักงานมาพาไปเองสิ ซั่วเฟิงคิดไม่ตก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมานั่งขบปัญหา
ซั่วเฟิงเห็นสภาพที่แทบจะลุกเป็นไฟของอันซิง เธอเหมือนกับจะตกอยู่ในอำนาจความต้องการตามสัญชาตญาณได้ในทุกวินาที สามารถทำเรื่องน่าขายหน้าออกมาได้ทุกเมื่อ ถ้าหากท่านประธานต้องขายหน้า อย่างนั้นเขาที่เป็นลูกน้อง ยังจะอยู่ดีกินดีได้อย่างไรกัน?
ซั่วเฟิงพาคนทั้งสองตรงขึ้นห้อง
พอมาถึงหน้าประตูห้อง ซั่วเฟิงเข้าใจว่าเสร็จเรื่องแล้ว แต่ว่าประธานเซียวกลับทำปากเป็นสัญญาณ ที่ซั่วเฟิงเข้าใจได้ว่าเป็นคำว่า ‘รอฉันประเดี๋ยว’ ซั่วเฟิงจึงได้แต่รออยู่นอกห้อง
ภายในห้อง อันซิงเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเอง สองมือคว้าตัวเซียวจิ่งสือไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ร่างกายเกี่ยวกระหวัดเซียวจิ่งสือเอาไว้เผยความปรารถนาของตัวเองออกมาโดยไม่ปิดบังอีก
“จิ่งสือ รีบมาเร็วเข้า ฉันรอไม่ไหวแล้ว” อันซิงร้องเรียกชื่อของชายที่เธอหมายปอง น้ำเสียงเย้ายวนชวนให้เข่าอ่อน
โคมไฟสีเหลืองนวลทำให้ภายในห้องมืดสลัวอยู่บ้าง ยามนี้สาดต้องร่างคนทั้งสองทำให้บรรยากาศยิ่งดูเหมาะสำหรับการหาความสุขบนเตียง
ดวงตาทั้งคู่ของอันซิงปิดสนิท เหมือนกับรอเวลาแห่งความสุขที่จะมาถึง ตอนนี้ทุกอณูในร่างกายของเธอเฝ้ารอคอยการสนองต่อความสุขนี้ สมองไม่คิดอะไรอีก ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวจิ่งสือกระตุ้นทุกเส้นประสาทรับความรู้สึกของอันซิง เตียงนุ่มมีแรงดีดสะท้อนกำลังพอเหมาะรองรับร่างอ่อนระทวยของอันซิงเอาไว้ ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว
แต่เรื่องดีๆ ก็มักจะต้องละเอียดกันหน่อย เซียวจิ่งสือดูเหมือนจะไม่เร่งรีบนัก
เซียวจิ่งสือพูดขึ้นว่า ฉันจะไปดับไฟ แล้วสลัดหลุดจากอาการนัวเนียของอันซิง อันซิงยังร้องครางอยู่บนเตียง ปากก็พร่ำพูดว่า “เร็วหน่อย! มาเร็วๆ หน่อย!”
เซียวจิ่งสือรีบเผ่นมาบอกกับซั่วเฟิงที่นอกห้องว่า “นายเข้าไป ช่วยฉันจัดการเรื่องนี้ ตอนนี้อย่าเพิ่งถามว่าทำไม เสร็จแล้วฉันจะบอกนายเอง”
ซั่วเฟิงฟังท่านประธานพูดรวดเดียวจบ รู้สึกทั้งตกใจและสงสัย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดพล่ามกันแล้ว เห็นได้ชัดว่านี่เป็นช่วงเวลาฉุกเฉิน
ซั่วเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก ท่าทางพร้อมยอมสละชีพ พุ่งเข้าห้องไป ซั่วเฟิงกำลังอยู่ในวัยหนุ่มร่างกายแข็งแรง เลือดลมพุ่งแรง พอมีหญิงสาวในสภาพเย้ายวนแบบนี้มาอยู่ตรงหน้า แถมมีคำสั่งท่านประธานกำกับมาอีก ซั่วเฟิงก็โถมเข้าหาหญิงสาวราวกับเสือที่พุ่งเข้าตะปบเหยื่อ
หญิงสาวที่กำลังอดรนทนไม่ไหว ยามนี้จึงเหมือนฟืนที่ติดไฟ สองร่างกอดรัดกันแนบแน่นเร่าร้อน อันซิงเข้าใจว่าซั่วเฟิงเป็นชายในฝันของตัวเอง ส่วนซั่วเฟิงได้รับคำสั่งให้ช่วยชีวิต จึงก็ต้องช่วยให้สุดแรงเกิด ทำให้สมจริงสมจังกันหน่อย