วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 949 ดีทั้งสองฝ่าย

บทที่ 949 ดีทั้งสองฝ่าย

ท่านปู่ชิวหรี่ตามองเธอ

“วิธีอะไรดีต่อทั้งสองฝ่าย”

จิ่งหนิงพูดเสียงต่ำว่า: “พวกเราก็ไม่บังคับให้ท่านเอาของออกมาตอนนี้ ท่านทำตามที่พวกเราบอก ประสานงานการกระทำของพวกเรา พวกเราช่วยเสี่ยวฮัวออกมาให้ท่าน แต่หลังจากเสี่ยวฮัวกลับมาแล้ว ท่านต้องเอาของให้พวกเรา แบบนี้ได้ไหม”

ท่านปู่ชิวเม้นปากไว้แน่นๆ

ลู่จิ่งเซินก็พูดตามด้วยว่า: “ผมสามารถนำตัวตนของผมรับประกัน จะช่วยคนออกมาให้ท่านแน่นอน ท่านปู่ นี่กำลังอยู่ในชายแดนของประเทศจีนนะ ถ้าพวกไม่สามารถช่วยคนออกมาได้ แล้วท่านคิดว่ายังมีใครทำได้อีก อีกอย่าง ท่านแน่ใจเหรอว่าหลังจากท่านเอาให้เขาแล้ว เขาจะปล่อยเสี่ยวฮัวจริงๆ ถึงตอนนั้นถ้าเกิดว่าไม่ปล่อยล่ะ ก็จะกลายเป็นว่างเปล่าทั้งคนและของแล้ว”

จริงๆ แล้วท่านปู่ชิวก็ไม่ใช่ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด

แค่เพราะว่าก่อนหน้านี้ไม่ยอมเชื่อใจพวกเขา คิดแต่อยากให้พวกรีบไปให้เร็วที่สุด พอตอนนี้คิดดูแล้ว ความเป็นจริงนี่คงเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด

เขามองลู่จิ่งเซินอย่างลึกซึ้ง ถามเสียงต่ำว่า: “แกแน่ใจ ว่าแกสามารถช่วยเสี่ยวฮัวออกมาได้จริงๆ”

ลู่จิ่งเซินสีหน้าจริงจัง “ผมรับประกันโดยขีวิตของผม”

“ได้ อย่างนั้นฉันก็จะเชื่อใจแกหนึ่งครั้ง”

เขาพูดอยู่ จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาเดินออกไปข้างนอก

ทุกคนต่างตะลึง รีบตามขึ้นไปด้วยเหมือนกัน

เวลานี้ข้างนอกมืดๆ เงียบๆ อย่าพูดถึงคนเลย แม้แต่เสาไฟฟ้ายังไม่มีเลย

แต่ท่านปู่ชิวกลับสามารถเดินบนทางเขาคดเคี้ยวเลี้ยวลดเหมือนกับกำลังเดินบนถนนเรียบอยู่ ส่วนในเรื่องนี้พวกจิ่งหนิงกลับทำไม่ได้

ลู่จิ่งเซินจูงมือจิ่งหนิงไว้ กู้ซือเฉียนจูงมือเฉียวฉีไว้ ทั้งสี่คนพยายามตามไม่หยุด ในที่สุดก็สามารถตามเขาทัน ไม่ได้เดินหลงทาง

ในใจกำลังสงสัยอยู่ว่าเขากำลังจะไปที่ไหน กลับเห็นเขาขึ้นไปเนินเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง บนเนินเขาก็คือสุสานของท่านย่าชิวนั่นเอง

เฉียวฉีเปลี่ยนสีหน้า

“ท่านมาที่นี่ทำไมอีกแล้ว”

กู้ซือเฉียนส่งสัญญาณให้เธออย่าเพิ่งพูด ทุกคนบินขึ้นไปเนินเขาเล็กๆ ก็เห็นท่านปู่ชิวกำลังนั่งยองต่อหน้าสุสาน กำลังขุดอะไรสักอย่างแรงๆ อยู่

จิ่งหนิงตื่นตัวทันที แป๊บเดียวก็เข้าใจได้แล้ว

เธอผลักลู่จิ่งเซินออกไป “ไปช่วยสิ”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า แกะกระดุมแขนเสื้อออก พับแขนเสื้อขึ้นมา เดินไปนั่งยองช่วยเขาขู่ด้วยกัน

หลุมนี้ฝังได้ไม่ตื้น เนื่องจากช่วงนี้ไม่เคยฝนตกเลย ดินแห้งมาก ใช้แค่มือขุดลึกยากมาก

ลู่จิ่งเซินจึงเดินไปข้างๆ หักกิ่งไม้ที่หนาเท่าแขนมานั่งยองขุดต่อ

ใช้เวลาประมาณสองนาทีก็ขุดของออกมาได้แล้ว

เห็นแต่ว่านั่นคือผ้าเช็ดหน้าสีเทาผืนหนึ่ง

ท่านปู่ชิวเอาผ้าเช็ดหน้านั้นออกมาข้างนอก หลังจากเอาออกมาแล้วก็รีบเปิดผ้าเช็ดหน้าออกมาทันที สิ่งที่ห่อไว้ข้างใน ก็คือแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์อันใสเป็นประกายสวยงามหนึ่งแผ่น

แต่ละคนต่างอึ้งกันอย่างมาก

ท่านปู่ชิวมองแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ก้อนนั้นด้วยแสงจันทร์มัวหมอง พยักหน้าและยิ้มว่า: “ยังดี ยังดีที่ไม่หาย”

จิ่งหนิงออกสีหน้าดีใจ “ท่านปู่ ที่อยู่ในมือท่านก็คือแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ก้อนนั้นใช่ไหม”

ท่านปู่ชิวมองเธอแวบหนึ่ง “ใช่แล้ว ก็คือแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์”

เขาพูดอยู่และเก็บของไว้ โบกมือ “ไป เรากลับไปก่อนแล้วคุยกัน”

ดังนั้น ทุกคนจึงรีบเดินกลับไปทางวิลล่าอีก

กลับมาถึงวิลล่า ปิดประตู ท่านปู่ชิวให้พวกเขานั่งลง จากนั้นตัวเองนั่งลงตรงที่นั่งเจ้าของบ้าน หยิบแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์แผ่นนั้นออกมาอย่างมือสั่น วางไว้บนโต๊ะ

“เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันก็ไม่ปิดบังทุกคนแล้ว บอกความจริงให้พวกแกเลยแล้วกัน เรื่องของแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์นี้ ความจริงฉันรู้ตั้งนานแล้ว ตอนนั้นที่ครึกโครมอยู่ต่างประเทศ ฉันเคยเห็นสิ่งนี้ในหนังสือพิมพ์โดยบังเอิญ เลยจำได้ว่าเหมือนฉันจะมีก้อนหนึ่งที่คล้ายๆ กับก้อนนี้

ฉันจึงเอาออกมาดู เอ๊ะ บังเอิญจริงๆ เลย ก็คือก้อนนี้ไง ตอนนั้นเสี่ยวฮัวยังไม่ได้ถูกคนลักพาตัวไป ในใจฉันคิดว่าของนี้ก็ไม่ได้พิลึกอย่างที่ข้างนอกลือกันอย่างนั้นนิ จึงไม่ได้ใส่ใจมากสักเท่าไหร่

หลังๆ มา ฉันเห็นว่าร่างกายของฉันเริ่มแย่ลงกว่าเดิมแล้ว ฉันรู้ว่าของอยู่ที่นี่กับเรา คือพวกเราไม่เชื่อประสิทธิผลของมันหรอก แต่คนอื่นเขาเชื่อกันไง

เสี่ยวฮัวอายุยังน้อย เป็นคนบริสุทธิ์ ไม่ค่อยมีประสบการณ์ทางสังคมเท่าไหร่ ฉันกลัวเธอราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิด บวกกับของนี่ยังพิลึกเช่นนี้ ทุกคนเพื่อที่จะแย่งมันให้ได้ แย่งจนหัวแตกเลือดไหล สิ้นเนื้อประดาตัว

ฉันคิดว่าสิ่งนี้ไม่ควรเรียกว่าเครื่องราง แต่ควรเรียกว่าภัยพิบัติอันตราย ถ้าเป็นภัยพิบัติอันตรายแล้ว ก็ไม่ต้องเหลือไว้ในโลกนี้อีกแล้ว ดังนั้นฉันจึงหาคืนหนึ่งแอบฝังมันไว้ข้างๆ สุสานของภรรยาผม

แต่นึกไม่ถึงเลย ผ่านไปไม่นานเสี่ยวฮัวก็เกิดเรื่องแล้ว ฉันรู้ว่าหลี่เก๋อเป็นคนลักพาตัวเธอไป หลี่เก๋อเป็นคนรุ่นหลังของหลี่จง ฉันก็ไม่ได้อยากแจ้งตำรวจมีเรื่องกับเขา อีกอย่าง ถ้าแจ้งตำรวจจริงๆ เอาเรื่องในอดีตนั้นขึ้นมา ไม่แน่ใครจะเป็นคนติดคุกกันแน่

เพราะฉะนั้นฉันจึงคิดว่า ถ้าเขาอยากได้จริงก็เอาให้เขาไปเลยละกัน แต่ฉันก็ไม่ได้โง่ ถ้าเกิดว่าฉันเองของให้เขาแล้ว แต่เขาไม่ปล่อยคนจะทำยังไง

ดังนั้นฉันก็ไม่ได้ขุดเอาของออกมา คืนนี้เขานัดเจอกับฉัน ฉันคิดจะคุยกับดูก่อนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แค่เขายอมปล่อยคน ฉันเห็นคนปลอดภัยแล้ว ฉันก็จะบอกเขาของถูกฝังไว้ที่ไหนทันที ถ้าเขาไม่เชื่อ ฉันขอแลกตัวประการกับเขา ฉันมัดมือมัดขาไว้พาเขาไป แค่เขายอมปล่อยเสี่ยวฮัวไป

แต่วันนี้เขาไม่ได้พาเสี่ยวฮัวมาตามที่ตกลงกันไว้ ใจฉันนี่สงบลงไม่ได้เลย รู้สึกตลอดเลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วหรือเปล่า ตอนนี้ถ้าพวกคุณยอมช่วยเธอให้ฉัน ฉันก็ไม่อ้อมค้อมกับพวกคุณแล้ว ฉันเชื่อพวกคุณ เพราะฉะนั้นถึงแม้ตอนนี้ยังช่วยคนออกมาไม่ได้ก็ตาม แต่ฉันยอมเอาของให้พวกคุณ ถ้าพวกคุณหลอกฉัน ฉันมีวิธีเอากลับมาแน่นอน ถ้าพวกคุณไม่ได้หลอกฉัน สิ่งนี้เอาให้พวกคุณก็ยังดีกว่าตกอยู่ในมือของหลี่เก๋อ”

พอเขาพูดจบ ทุกคนจึงเข้าใจว่าท่านปู่ที่อยู่ข้างหน้าคนนี้จริงๆ แล้วไม่ได้ขี้งกแปลกประหลาดอย่างที่พวกเขาคิดแบบนั้นเลย

การหาเรื่องเหล่านั้นของเขาก่อนหน้านี้ ก็แค่อยากยั่วให้พวกเขาไป แล้วค่อยเอาของไปช่วยเหลนสาวของตัวเองเท่านั้น

ส่วนตอนนี้ ตัวเองยังไม่ได้ช่วยคนออกมาเลย แต่เขากลับเอาของออกมาให้แล้ว เห็นความจริงใจของท่านได้เลย

ลู่จิ่งเซินลุกขึ้นมา ยกมือทำความเคารพกับเขาอย่างนับถือ

“ท่านผู้อาวุโสมีคุณธรรมสูงส่ง ก่อนหน้านี้พวกเราเข้าใจท่านผู้อาวุโสผิดแล้ว ผมขอโทษกับท่านในที่นี้”

ท่านปู่ชิวโบกมือ หัวเราะอย่างรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

“ท่านผู้อาวุโสอะไรเล่า ฉันเป็นท่านผู้อาวุโสได้ซะที่ไหน ตอนเป็นวัยรุ่นก็ขุดของในดิน ตอนนี้แก่แล้ว ขอแค่สงบสุขและปลอดภัยก็เท่านั้น ฉันก็รู้ คนที่ทำอาชีพนี้อย่างพวกเราเนี่ยจบไม่ดีหรอก หลี่เก๋อเขาถ้าเกลียดฉันจริงๆ จะมาเอาชีวิตของฉัน ฉันจะยกให้เขาโดยที่ไม่พูดอะไรเลย แต่เสี่ยวฮัวไม่เกี่ยว เธอยังเป็นเด็กสาวอายุสิบแปดปีที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เธอผิดตรงไหน หรือเธอสมน้ำหน้าที่ตายในมือของโจรเหล่านั้นจริงๆ เหรอ”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า “สิ่งที่ท่านพูดมาถูกต้องแล้ว คุณเสี่ยวฮัวไม่เกี่ยวอยู่แล้ว ก็เพราะว่าเธอไม่เกี่ยว ดังนั้นไม่ว่ายังไงพวกเราก็จะช่วยเธอออกมาแน่นอน”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท