หยวนชิงหลิงแปลกใจ ลุกขึ้นมาดูหน้าผากของพวกเขาทั้งสองคน พบว่าตรงหว่างคิ้วเหมือนมีรอยบวมเขียว แต่ไม่ค่อยชัด นางยื่นมือกดเบาๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ็บไหม?”
“นิดหน่อย”
หยวนชิงหลิงถามว่า “วันนี้หกล้มหรือ?”
ซาลาเปาที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า “หกล้ม หกล้มเมื่อวาน ตกลงมาจากบนต้นไม้ แม่นมไม่ทันเห็น”
หยวนชิงหลิงหันไปมองซาลาเปา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเห็นแล้วทำไมไม่บอกแม่?”
ซาลาเปาพูดขึ้นว่า “พวกเขาบอกว่าไม่เจ็บ อีกอย่าง พวกเขาจะหายเองในไม่ช้า บาดแผลของพวกเราล้วนหายเองได้ เพียงแค่ช้าเร็วเท่านั้น”
หยวนชิงหลิงกลับขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ล้มเมื่อวาน วันนี้ยังไม่หาย ไม่ นี่ก็เลยเที่ยงคืนแล้ว วันที่สามแล้ว ทำไมยังเจ็บอยู่ล่ะ?”
สีหน้าเจ้าแฝดสองสงบนิ่ง ว่าง่ายอย่างมาก ไม่กล้าพูดอะไร เพียงเอื้อมมือมาถูหน้าผากและหว่างคิ้วเบาๆ
“คงไม่ล้มจนส่งผลกระทบต่อหัวสมองมั้ง?” ในใจหยวนชิงหลิงหนักอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “มีอาการอยากอาเจียนหรือเวียนหัวไหม?”
เจ้าแฝดสองส่ายหัวพร้อมกัน พร้อมพูดขึ้นว่า “แค่เจ็บนิดเดียว”
พลังของพวกเขาทั้งสอง มาจากการรับรู้ของสมอง หากสมองได้รับผลกระทบ ก็อาจจะไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าห้า
หยวนชิงหลิงก็อดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายขึ้นมา นางไม่สามารถตรวจให้กับเจ้าแฝดสองได้ และก็ไม่รู้ว่าเจ้าแฝดสองได้รับบาดเจ็บอย่างไร นอกจากเป็นไข้กับเจ็บนิดหน่อยแล้ว ก็ไม่มีอาการอย่างอื่น แต่ก็กลัวมีเลือดคลั่งในสมอง ตกลงมาจากบนต้นไม้ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย
นางเปิดกล่องยา หยิบยาบำรุงสมองออกมา ให้พวกเขาทั้งสองทานลงไป แล้วก็ถามย้ำอีกว่าไม่สบายตรงไหน แต่ก็ล้วนได้คำตอบว่าไม่มี
จนเมื่อให้พวกเขานอนลงอีกครั้ง หยู่เหวินเย่ค่อยๆพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ท่านแม่ ข้าแค่รู้สึกว่า ตอนนี้หยิบจับของไม่ได้แล้ว”
ประโยคนี้ ทำให้หยวนชิงหลิงตกใจจนลุกขึ้นมานั่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “หยิบจับของไม่ได้? มือเคลื่อนไหวไม่ได้แล้วหรือ?”
นางรีบคว้าจับมือของเขามา พร้อมพูดขึ้นว่า “จับมือของแม่ไว้ เคลื่อนไหวได้ไหม?”
หยู่เหวินเย่จับมือของนางไว้ ข้อนิ้วแข็งแรงดี แต่เขากลับพูดว่า “ไม่ใช่แบบนี้ เป็นแบบนี้”
เขาปล่อยมือหยวนชิงหลิง ค่อยๆยื่นมือออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ดื่มน้ำ”
แก้วน้ำอยู่บนโต๊ะไม่ไกลจากเตียง ไม่ขยับเขยื้อน
เขามองดูหยวนชิงหลิงพร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ เอาไม่ได้”
หยวนชิงหลิงนิ่งมองดูเขาพร้อมพูดขึ้นว่า “ความหมายของเจ้าก็คือ ไม่สามารถหยิบจับสิ่งของผ่านอากาศได้ใช่ไหม?”
“หัวสมองค่อนข้างวุ่นวาย”
นั่นก็หมายความว่า ไม่สามารถรวบรวมจิต ไม่สามารถใช้พลังจิตควบคุมสิ่งของที่ไม่สัมผัสร่างกาย
“หยู่เหวินหวง เจ้าล่ะ?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
หยู่เหวินหวงยื่นดวงตาสีดำโตสองข้างออกมาจากใต้ผ้าห่ม พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านแม่ มือของข้าก็ขยับไม่ได้”
“ขยับไม่ได้เหมือนหยู่เหวินเย่ หรือขยับไม่ได้จริงๆ?” หยวนชิงหลิงพบว่าค่อนข้างยากที่จะพูดคุยกับพวกเขา
“เหมือนหยู่เหวินเย่” หยู่เหวินหวงพูดขึ้นอย่างน่าสงสาร
หยวนชิงหลิงอืมหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นว่า “นอนเถอะ แต่เดี๋ยวแม่จะเรียกพวกเจ้า พวกจะต้องตอบแม่นะ”
“ท่านแม่ไม่นอนหรือ?” ทังหยวนขยับมา พร้อมถามขึ้น
“แม่เฝ้าน้อง พวกเจ้านอนเถอะ” หยวนชิงหลิงหอมแก้มทังหยวนหนึ่งที เด็กน้อยง่วงนอน มักจะแลดูน่ารัก
ซาลาเปากับข้าวเหนียวลุกขึ้นมานั่งพร้อมกัน ขยับมาด้านข้างหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเฝ้าน้องเป็นเพื่อนแม่”
หยวนชิงหลิงมองดูใบหน้าสามคนที่คล้ายคลึงกันอย่ามาก ยังมีใบหน้าที่เชื่อฟังว่าง่ายของพวกเขา ในใจรู้สึกภาคภูมิใจ และก็ไม่บังคับพวกเขานอน ให้พวกเขาเฝ้าเจ้าแฝดสองเป็นเพื่อนตนเอง
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เจ้าแฝดสองไม่มีไข้แล้ว หยวนชิงหลิงเรียกพวกเขา พวกเขาตอบอย่างงัวเงีย แล้วก็นอนต่อ ถึงตอนประมาณยามห้า พวกเจ้าแฝดสองสามก็ทนไม่ไหว ต่างพากันนอนหลับไป
แต่นอนไปได้สักพัก ซาลาเปาก็ลืมตาขึ้นมา พูดด่าอย่างโมโหว่า “บอกว่าไม่สบาย แล้วยังไปบ้านยายได้?”
เมื่อได้ฟังประโยคนี้ หยวนชิงหลิงค่อยโล่งใจ ขยี้ตาที่เมื่อยล้า ไปบ้านยายได้ แสดงว่าสามารถควบคุมพลังจิตได้อย่างอิสระแล้ว
นางเรียกเจ้าแฝดสองตื่นมา ให้พวกเขายื่นมือหยิบของ เจ้าแฝดสองลุกขึ้นมานั่ง ยื่นมือออกไปพร้อมกัน แก้วน้ำบนโต๊ะลอยมาหาพวกเขาทั้งสองคน ฝ่ามือทั้งสองคนประสานกัน แก้วน้ำอยู่ในมืออย่างมั่นคง
หยวนชิงหลิงหยิบแก้วน้ำมา แล้วก็นวดหน้าผากของพวกเขา พร้อมถามขึ้นว่า “ยังเจ็บไหม?”
“ไม่เจ็บแล้ว” เจ้าแฝดสองพูดขึ้นพร้อมกัน
นี่ถือว่าน่าแปลก เป็นไข้ไปหนึ่งรอบ แล้วก็ดีขึ้นมาแล้ว?
ตีห้าแล้ว หยวนชิงหลิงก็ไม่นอนแล้ว ลุกขึ้นไปหาหรงเยว่
แม่นมสี่กับแม่นมฉีก็มาพอดี ได้ยินว่าเมื่อคืนเจ้าแฝดสองเป็นไข้ ทั้งสองคนต่างตื่นเต้นขึ้นมา แม่นมฉียังไปเชิญท่านย่าหยวนมา ผู้อาวุโสทั้งสามเห็นเป็นเรื่องใหญ่โตอย่างมาก
หรงเยว่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา สวมเสื้อคลุมแล้วออกมาหาหยวนชิงหลิง เห็นขอบตาดำทั้งสองข้างบนใบหน้าของนาง จึงถามขึ้นอย่างล้อเล่นว่า “ทำไมหรือ? ไม่ได้หรือมาทั้งคืน?”
“เมื่อคืนเจ้าแฝดสองเป็นไข้ ข้าเฝ้าพวกเขา ไม่ได้นอน” หยวนชิงหลิงนั่งลง รู้สึกเจ็บที่หน้าผากอยู่บ้าง
หรงเยว่ฟังแล้ว ก็ตื่นเต้นขึ้นมา พร้อมถามขึ้นว่า “เป็นไข้? ไม่เป็นไรมั้ง? ทำไมอยู่ดีๆถึงเป็นไข้?”
“ตกลงมาจากต้นไม้ คงเพราะตกใจแย่แล้ว” หยวนชิงหลิงพูดปัด มองดูเขาพร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “เมื่อคืนข้านอนไปแปบหนึ่ง แล้วก็ฝันร้าย เจ้าแฝดสองก็ฝันร้ายเหมือนกัน ฝันเห็นว่าเกิดเรื่องกับเจ้าห้า เจ้าส่งคนไปถามดู ข้ารู้ว่าสำนักเหลิ่งหลังของพวกเจ้ามีม้าเร็วที่สามารถเดินทางได้หลายร้อยไมล์ต่อวัน จะได้รู้อย่างรวดเร็ว”
หรงเยว่พูดปลอบว่า “เจ้าอย่าคิดไปเรื่อย นี่อาจเป็นเพราะความคิดถึงในตอนกลาง ทำให้เจ้าฝันในตอนกลางคืน เป็นห่วงองค์ชายรัชทายาทอยู่ตลอด จึงทำให้ฝันร้าย เจ้าวางใจ ข้าสั่งคนไปถามดู”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างดีใจว่า “ขอบคุณเจ้ามากหรงเยว่ หากไม่ส่งคนไปถาม ข้าไม่สบายใจ”
“อย่าพูดถึงเรื่องพวกนี้ ตอนนี้เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ คิดมากไม่ได้ จะเสียสุขภาพจิต เจ้ากลับไปนอนก่อน ข้าแต่งตัวเสร็จแล้วจะรีบไป” หรงเยว่พูดขึ้น
หยวนชิงหลิงทำความเคารพลา แล้วก็หันตัวเดินจากไป
หรงเยว่เห็นนางถึงขั้นทำความเคารพ แสดงว่านางเป็นกังวลอย่างมาก จึงรีบแต่งตัวออกไปทันที
ยอดฝีมือสำนักเหลิ่งหลังแทบจะถูกส่งไปแล้วทั้งหมด เฝ้าประจำอยู่ที่เมืองหลวงเพียงไม่กี่คน เมื่อหรงเยว่ไปบอก แล้วก็ต้องหนักใจ คนที่ส่งไปต่อให้วิ่งจนม้าตาบ เดินทางตลอดอย่างไม่หยุดพัก ก็ต้องใช้เวลาสามวันถึงจะสามารถกลับมาได้
นี่ถือเป็นการไม่หยุดพักแล้ว สามวัน สามารถทำให้พระชายารัชทายาทเป็นห่วงตายแน่
ฮูฮูของสำนักเหลิ่งหลังพูดกับหรงเยว่ว่า “หากเกิดอะไรขึ้น ท่านชายสี่ก็จะให้นกพิราบส่งข่าวมาให้ เรารอก่อนไหม นกพิราบส่งข่าวของเรา เดินทางได้หลายพันไมล์ต่อวันจริงๆ ตอนที่ท่านชายสี่ไป เอานกพิราบไปด้วยเป็นกรง”
“แต่ข้ารับปากพระชายารัชทายาทแล้ว” หรงเยว่ขมวดคิ้วพูดขึ้น
ฮูฮูพูดขึ้นว่า “ที่จริง หากเกิดอะไรขึ้นกับองค์ชายรัชทายาท ในกองทหารก็จะให้ม้าเร็วส่งข่าวมาอย่างรวดเร็ว และท่านชายสี่ให้นกพิราบส่งข่าวมา ก็จะส่งให้ฮ่องเต้ ไม่ส่งมาที่สำนักเหลิ่งหลัง รองหัวหน้า เจ้าเข้าวังไปถามข่าวในวังดูไหม หากฮ่องเต้ไม่ได้รับข่าวร้าย งั้นองค์ชายรัชทายาทก็ต้องไม่เป็นไรแน่”
หรงเยว่คิดดูแล้วก็ถูก จึงพูดขึ้นว่า “ทำไมข้าถึงคิดข้อนี้ไม่ได้? เฮ้อ เลอะเลือนไปแล้วจริงๆ” หากฮ่องเต้ได้รับข่าวที่ไม่ได้ ก็คงไม่บอกพระชายารัชทายาท เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องไปสืบด้วยตนเอง
“รองหัวหน้า หลังจากที่เจ้าตั้งครรภ์ เจ้าดูสมองไม่แล่น” ฮูฮูพูดขึ้นอย่างไม่กลัวตาย
หรงเยว่ยื่นมือลูบท้องของตนเอง เหลือบมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ข้าไม่เอาเรื่องเจ้า รอข้าคลอดลูกแล้ว เจ้าเจอดีแน่” พูดเสร็จ ก็หันตัวเดินไปแล้ว