บทที่ 22 นางเงือก
ฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่สวมชุดขาวของเรือสำราญเพิร์ลวัน เทียบกับคนชุดดำที่อยู่ด้านหลังของซ่งเทียนซาน
“ผู้จัดการจ้าว คุณจะหยุดผมหรอ?”
ซ่งเทียนซานก้าวไปข้างหน้าช้าๆ มองไปที่ผู้จัดการจ้าวด้วยสายตาที่เศร้าหมอง “เรือสำราญเพิร์ลวัน คุณยังอยากจะเปิดที่หมิงจูอีกต่อไปไหม?”
ขณะนี้ผู้จัดการจ้าวตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมาก แต่ก็ยังฝืนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายซ่ง ทุบวัดสิบวัดก็ทุบได้ แต่ไม่ควรทำลายงานแต่ง คุณทำแบบนี้ มันไม่ไร้มนุษยธรรมมากไปหน่อยหรือ?”
“มนุษยธรรม?”
หลังจากฟังคำพูดของผู้จัดการจ้าว ซ่งเทียนซานก็ยิ่งหัวเราะหนักขึ้น “ไปถามผู้หญิงที่ชื่อหลินชิงเสว่ไป จัดการแต่งงานปลอมเพื่อมาหลอกลวงความรู้สึกของฉัน นั่นเรียกว่ามนุษยธรรมหรอ?”
“ พวกคุณถูกรูปลักษณ์ภายนอกของเธอหลอกเข้าแล้ว นึกว่าเธอเป็นผู้หญิงดีหรอ?”
“คุณชายซ่ง คำบางคำคุณไม่ควรพูดมั่วไร้สาระ คำพูดบางอย่างพูดไปแล้วต้องรับผิดชอบสิ่งที่พูดออกมา… ”
เมื่อเห็นซ่งเทียนซานเหยียดหยามหลินชิงเสว่ขนาดนี้ ผู้จัดการจ้าวก็ชักสีหน้าลง
เขาต้อนรับถังเฉาด้วยตัวเอง นั่นเป็นชายหนุ่มที่เขามองไม่ออกว่าเป็นคนแบบไหน เขาจะสร้างเรื่องได้อย่างไร?
“ สรุปคำเดียว หลินชิงเสว่ต้องแต่งกับผมเท่านั้น ไม่มีใครคู่ควรอีกแล้ว”
ซ่งเทียนซานจ้องมองผู้จัดการจ้าวอย่างเยือกเย็นและพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าคุณรู้จักมากกว่านี้ก็ปล่อยฉันไปเถอะอย่าคิดว่าการเปิดเรือสำราญเพิร์ลวันเป็นเรื่องที่เลิศหรู เชื่อหรือไม่ฉันสามารถสั่งให้คุณปิดร้านได้ในพรุ่งนี้?”
“ คุณชายซ่ง ทำไมต้องบีบบังคับคนขนาดนี้?”
สีหน้าของผู้จัดการจ้าวนั้นดูไม่ได้ ด้วยความสามารถของตระกูลซ่งนั้น หากจะทำให้เรือสำราญเพิร์ลวันปิดกิจการนั้น ถือเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
“ ฉันจะบังคับคุณยังไงก็ได้”
ซ่งเทียนซานมองไปตระกูลอื่นที่อยู่รอบๆตัวเขา และพูดว่า “คุณคิดว่ามีเพียงฉันเท่านั้นที่คู่ควรกับคุณหลินใช่ไหม”
“… ”
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ตัวแทนของคนตระกูลอื่น ก็ได้ช่วยพูดขึ้น
“คุณชายซ่งและคุณหลิน เป็นกิ่งทองใบหยกสวรรค์ส่งให้มาคู่กัน”
“ถ้าทั้งสองไม่ได้อยู่ด้วยกัน มันเป็นเรื่องที่สวรรค์ยอมไม่ได้จริงๆ”
“… ”
หลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูนก็กำลังจะสมทบ แต่ถูกหลินเจิ้นสงจ้องมอง จึงหันกลับไป
สังเกตได้จากตรงนี้ ซ่งเทียนซานก็หรี่ตามองไปที่หลินเจิ้นสง “เป็นคนของตระกูลหลินอีกแล้ว ยังรู้สึกว่าตายช้าไปใช่ไหม?”
หลินเจิ้นสง เป็นคนตรงไปตรงมาและน่าเกรงขาม “พอไม่ได้ก็จะทำลายทิ้ง คนอย่างนายไม่คู่ควรกับประธานหลิน”
เมื่อฟังคำพูดของหลินเจิ้นสงจบ โจวเหม่ยหยูนและหลินฉ่ายเวยก็กระวนกระวายเหมือนมดอยู่บนหม้อไฟ คนตระกูลอื่นก็พากันมองเขาเหมือนเขาเป็นคนโง่
ถอนขนเสือก็ต้องตามแนว แต่สำหรับตระกูลหลินกับทำย้อนแย้ง
ดูแล้ว เหมือนว่าตระกูลหลินจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน …
“ผู้จัดการจ้าว ดื่มกับผมหน่อย”
ในเวลานี้ เริ่มมีเสียงเบาๆดังขึ้น จากกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง
ทุกคนหันมองย้อนกลับไป เห็นชายหนุ่มในชุดสูทสีดำเดินมาจากด้านหลังพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าของเขา
“ถังเฉา?!”
มองคนที่เดินมา หลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูนมีสีหน้าท่าทางราวกับเห็นผี “คุณเข้ามาได้อย่างไร?”
อยากจะทุบหัว คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าไอ้เด็กนี่เข้ามาได้อย่างไร
ถังเฉาไม่สนใจพวกเขา เดินตรงไปนั่งลงที่ข้างๆหลินเจิ้นสง
“ คุณถัง”
สิ่งที่ทำให้คนแปลกใจคือ ผู้จัดการใหญ่ของเรือสำราญเพิร์ลวัน พาผู้จัดการจ้าวมาหาถังเฉา
ถังเฉาส่งแก้วไวน์ให้ผู้จัดการจ้าว และชี้ไปที่หลินเจิ้นสงแนะนำว่า “ขอแนะนำหน่อยครับ นี่คือพ่อของผม”
ผู้จัดการจ้าวรีบชนแก้วกับหลินเจิ้นสงทันที “คุณหลินต้อนรับไม่ทั่วถึง โปรดอย่าถือสา”
“หามิได้ๆ”
หลินเจิ้นสงรีบยกแก้วไวน์ของเขาขึ้น ได้รับความโปรดปรานอย่างคาดไม่ถึง
ทางนั้น เห็นผู้จัดการจ้าวแทนที่จะหลีกทาง แต่กลับวิ่งไปอยู่เป็นเพื่อนพร้อมกับแขกคนอื่น ๆ ซ่งเทียนซานยิ่งชักสีหน้าขึ้น
“ผู้จัดการจ้าว ไอ้ผู้ชายคนนี้เป็นใคร?”
“ไวน์นี่ไม่เลวเลย”
ถังเฉาจิบไวน์แดงแล้วพูดว่า
“ คุณถังนี่คือไวน์ที่ล้ำค่าของผม อายุ 88 ปี”
ผู้จัดการจ้าว ไม่สนใจซ่งเทียนซาน
“จ้าววี่ ผมกำลังพูดกับคุณอยู่ หูหนวกหรอ … ”
เห้อ……
ไม่รอให้ซ่งเทียนซานพูดจบ ถังเฉาก็ถือแก้วไวน์แดงสาดไปที่ใบหน้าของซ่งเทียนซาน
ทันใดนั้น เสื้อผ้าและศีรษะของเขาก็เปียกไปด้วยไวน์แดง และยังมีบางหยดไหลอยู่ที่แก้มของเขา
เงียบสงบ
ทั้งงานเงียบเหมือนป่าช้า
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างมองไปที่ถังเฉาอย่างไม่เชื่อสายตา
หลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูนยิ่งเหมือนเห็นผีเข้าไปอีก พวกเขาอ้าปากกว้างจนสามารถยัดไข่เข้าไปได้สองฟอง
ไอ้ขยะนี่… ถึงขนาดกล้าสาดซ่งเทียนซานหรือ?
ยังไม่จบ หลังจากสาดไวน์เสร็จ ถังเฉาเดินตรงไปที่ซ่งเทียนซานและมือข้างหนึ่งตบไปที่แก้มของเขา
เพี้ยะ —-
เสียงตบดังขึ้น แก้มข้างหนึ่งของซ่งเทียนซานก็บวมขึ้นทันที มีรอยนิ้วมือที่ชัดเจนห้านิ้วปรากฏขึ้น
“ ลืมตาขึ้นมาดูชัด ๆ ว่าผมเป็นใคร!”
ถังเฉามองซ่งเทียนซานตั้งแต่หัวจรดเท้าและพูดอย่างไม่แยแส
ก่อนหน้านี้ถังเฉามักจะหันหลังให้เขา เขาก็ถูกตบอีกครั้ง ทำให้เพิ่งเห็นใบหน้าของถังเฉาอย่างชัดเจน
นี่ไม่สำคัญ แต่มองตรงไปที่ซ่งเทียนซานจนถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว “คุณคือถังเฉา?!”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา ไม่เพียงแต่ซ่งเทียนซานเท่านั้นที่ตกใจ แต่ทั้งตระกูลที่อยู่ในงานก็พากันตะลึงไปหมด
เดิมทีถังเฉาควรจะเข้าสู่ตระกูลซ่ง ตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้ว?
แต่ด้วยเหตุใดเขาจึงหายตัวไปอย่างลึกลับในคืนวันแต่งงาน
“ เขาตายแล้วไม่ใช่หรอ?”
“ทำไมคุณยังมีชีวิตอยู่อีก?”
“ยังกล้ากลับไปที่หมิงจู และปรากฏตัวต่อหน้าตระกูลซ่งได้อย่างไร … ”
พริบตาเดียว เสียงซุบซิบดังไปทั่วรอบข้าง
สีหน้าแม่ลูกหลินฉ่ายเวยดูไม่ได้เลย “ไอ้ขยะนี้ มีแต่ทำให้ตระกูลหลินเดือดร้อน … ”
“หุบปากซะ”
หลินเจิ้นสงจ้องหน้าแม่ลูก และมองไปที่ถังเฉา
เขารู้สึกว่าจะมองอะไรผิดพลาดไปว่าชายหนุ่มที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ณ เวลานี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่
“ผมเอง”
โดยไม่สนใจข่าวลือเหล่านั้น ถังเฉาพูดอย่างเย็นชา “เอาคำพูดที่เมื่อกี้ที่พูดใส่ร้ายคุณหลิน พูดซ้ำอีกครั้งสิ”
ซ่งเทียนซานก็ได้สติขึ้นมาและทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้น “โอเคถังเฉา นายแน่มาก ในเมื่อนายกล้ากลับมาที่หมิงจู ทำไม นายอยากจะออกหน้าให้ผู้หญิงสารเลวอย่างหลินชิงเสว่หรอ?”
ความเย็นชาในสายตาของถังเฉายิ่งเลวร้ายขึ้น “ผมบอกว่า ให้ลองพูดซ้ำอีกครั้ง”
หลังจากที่ถูกสาดและถูกตบอีกครั้ง สีหน้าของซ่งเทียนซานบึ้งตึงสุดขีด “ผมบอกว่า มีเพียงผมเท่านั้นที่คู่ควรกับหลินชิงเสว่ นอกนั้นไม่มีใครคู่ควรอีกแล้ว!”
ทันใดที่พูดประโยคสุดท้ายจบ แววตาของถังเฉายิ่งเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาจับที่คอของซ่งเทียนซานและยกขึ้นด้วยมือข้างเดียว
ฉากนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง ซ่งเทียนซานสูงอย่างน้อย 1.5 เมตร ถังเฉาสามารถยกเขาด้วยมือเดียว พลังแขนนี้น่ากลัวขนาดไหน?
“ อะ … อะ … ”
คอของเขาถูกบีบคอและซ่งเทียนซานดูเหมือนเป็นปลาที่โผล่พ้นน้ำ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
เขามองลงไปและเห็นดวงตาที่ไม่แยแสคู่หนึ่ง ดูเหมือนมนุษย์ที่ไร้ความรู้สึกเช่นเดียวกับมองไปที่ซากศพอย่างเย็นชา
ต่อมา ถังเฉาก็เดินไปที่ราวบันไดและโยนซ่งเทียนซานลงแม่น้ำหมิงจู
ต๋อม—-
คลื่นสีขาวขนาดใหญ่กระจายขึ้นมา และซ่งเทียนซานส่งเสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกฆ่า
“ ช่วยด้วย … ผมว่ายน้ำไม่เป็น … ”
“ (เสียงสำลักน้ำ)… ”
ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็จมลงไปแล้ว
“ แม่ นางเงือกตัวใหญ่มาก”
ในห้องชุดสุดหรูของเรือสำราญ แม่ลูกคู่นึงยืนอยู่ข้างหน้าต่างเด็กชายตัวเล็กในอ้อมแขนของเขากล่าวอย่างไร้เดียงสา
“นางเงือกล้วนเป็นผู้หญิง แต่เขาเป็นผู้ชาย”
แม่ที่ยังสาวตอบอย่างอ่อนโยน
ผู้คนในงานเลี้ยงงานแต่งล้วนตกตะลึง ผู้จัดการจ้าวเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ “ยังไม่รีบเข้าไปช่วยคนอีก