ตอนที่ 176 มิตรโกรธเข้าเสียแล้ว
แกกล้าแตะผู้หญิงคนฉันงั้นหรอ? ! “สุมิตรตะคอกออก
มาอย่างเยือกเย็น
นี่ยังไม่จบสุมิตรไม่เพียงแต่โกรธเท่านั้นเขายังใช้เท้า ลงไปตรงไข่ของซีอีโอคนนั้นเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาดังขึ้น มาอย่างต่อเนื่องราวกับมีอะไรแตกออกมา
วิภารู้สึกตกใจกับการกระทำอย่างหุนหันพลันแล่นของ สุมิตรเธอก้าวไปข้างหน้าแล้วดึงเขาเอาไว้ไม่ให้เขากระทืบลง ไปอีก
สุมิตรถูกจั่นวิภาดึงเอาไว้เขาเหลือบตามองซีอีโอที่นอน อวดครวญอยู่บนพื้นจากนั้นจึงดึงมือของฉันวิภาหันตัวเดินออก จากที่นั่งพิเศษไป
“สุมิตร! นายรู้มั้ยว่านายกำลังทำอะไร! “ถูกเขาจับยัด เข้าไปในรถวิภาจึงอดไม่ได้ที่จะตะคอกใส่เขาด้วยความ
โกรธ
จันวิภาโกรธเข้าเสียแล้วรู้สึกว่าสุมิตรมีข้อบกพร่องจริงๆ เธอรู้ดีว่าสัญญานี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพื่อสัญญานี้แล้วไม่รู้ว่าต้องใช้แรงใจของพนักงานตั้งเท่าไหร่มีคนตั้งกี่คนในบริษัทที่ วิ่งวุ่นกันทำงานหนึ่งเดือนเพื่อสัญญาอันนี้
แม้ว่าเธอจะพึ่งเข้าบริษัทมาแต่เมื่อดูจากรายงานที่ส่งมา เหล่านั้นแล้วเธอก็รู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะได้สัญญานี้มา
ตอนนี้ล่ะ!
สัญญาที่ใช้ทั้งเวลาพูดคุยและแรงใจมันทั้งหมดแล้ว!
จนวิภาอดไม่ได้ที่จะพูดออกไปด้วยความโกรธ”นายเป็น บ้างั้นหรออดทนอีกหน่อยก็ได้แล้วตอนนี้นายดูนายทำกับซีอีโอ ซะขนาดนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงสัญญาอะไรกันแล้ว! ”
“เธอหุบปาก! “สุมิตรเองก็โกรธเช่นเดียวกันเขาตะคอก
ใส่จันวิภา
หลังจากที่นั่งและรัดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้วก็เริ่มขับรถ
ออก
จันวิภาเอนตัวแล้วมองไปทางสุมิตรไม่เข้าใจว่าเขา ทำลายหยาดน้ำตาและเลือดแห่งความพยายามของทุกคนไป จนหมดแล้วตอนนี้ยังจะสนอีกจึงรีบตะโกนออกไปด้วยความ โมโห”ฉันไม่หุบปาก! ฉันพูดผิดหรือไง? ! ”
“สุมิตรรู้สึกแต่เพียงความโกรธที่ต้องการเอาชนะ ความโกรธแค้นที่เต็มเปี่ยมไม่มีที่ระบายเขาจ้องมองถนนที่อยู่ ด้านหน้าปิดริมฝีปากแน่นไม่พูดอะไรออกมา
ผู้หญิงคนนี้ถูกคนเอาเปรียบอยู่แต่ไม่ทำอะไรเลยที่แท้เธอก็ไม่เข้าใจหรือไงว่าผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว? | เขาออก หน้าให้เธอแล้วเธอยังโทษว่าเป็นความผิดเขาอีก
มันช่างไร้เหตุผลเสียจริง
ผู้หญิงคนนี้สมควรตายจริงๆ
เมื่อวันวิภาเห็นสุมิตรไม่พูดอะไรคิดว่าเขาปฏิเสธที่จะ ยอมรับความผิดพลาดแน่ๆ ตอนที่อ้าปากจะพูดต่อทันใดนั้นเอง สุมิตร ก็ได้เบรครถแล้วจอดรถที่ริมถนน
จากนั้นเขาก็เหยียดแขนออกเปิดประตูรถที่อยู่ด้านในวิภา ออกแล้วพูดออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นลงรถ
อะไรนะ?”จันวิภาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอยู่ครู่หนึ่งแล้ว เอ่ยถามออกไปโดยไม่รู้ตัว
“ฉันให้เธอลงจากรถ! “สุมิตรพูดอย่างเยือกเย็นโค้งตัว
ลงปลดเข็มขัดนิรภัยของจันวิภาออกจากนั้นจึงผลักเธอออก
จากเบาะนั่ง
หลังจากที่จันวิภาออกมาจากรถสุมิตรก็ปิดประตูรถอย่าง แรงจากนั้นจึงสตาร์ทรถและไม่หันมามองจันวิภาอีกไม่นึก เลย……ไม่นึกเลยว่าจะวางกล้ามได้ขนาดนี้
จนวิภายืนอยู่ข้างถนนมองรถที่ค่อยๆไกลออกไปของสุ มิตรอย่างงุนงงใบหน้า
เป็นเวลานานนวิภาจึงจะมีท่าที่ตอบสนองแม่งเอ้ย!มิตรทิ้งเธอไว้กลางถนนทั้งอย่างนี้ และจากไปแล้ว!
ทั่วทั้งร่างของจันวิภาก็ไม่ค่อยดีในหัวมีแต่คำว่าแม่งเอ้ย วิ่งอยู่เต็มไปหมด สารเลวไอ้เวรไอ้วิปริตสุมิตร ”
เดินบนถนนกลางดึงอยู่คนเดียวกันวิภายิ่งคิดก็ยิ่งแค้นสุ มิตรไม่ใช่คนจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะทิ้งเธอไว้ทั้งอย่างนี้กลาง ดึกคืนนี้……..
จนวิภาเดินไปพร้อมกับพยายามโบกรถแต่ทว่าในสถานที่ ที่เจริญรุ่งเรืองแห่งนี้รถวิ่งผ่านไปผ่านมาแม้จะโบกรถก็โบกไม่ ได้เธอจึงทําได้เพียงแค่เดินกลับไป
พูดไปแล้วเมื่อคนโชคร้ายเพียงแค่ดื่มน้ำก็อาจจะจม น้ำตายได้นี่คือความจริงอย่างแน่นอน!
จนวิภาเดินต่อไปด้วยรองเท้าส้นสูงเนื่องจากความมืดเธอ จึงเดินไปตรงรอยช่องว่างที่อยู่บนพื้นส้นของรองเท้าส้นสูงก็ได้ สอดเข้าไปข้างในจนไม่อาจเคลื่อนย้ายออกมาได้
จันวิภาไม่ได้ระวังร่างกายจึงเอนไปข้างหน้า โดยที่ไม่ได้ ระวังผลคือ……ข้อเท้าเคล็ดเข้าเสียแล้ว!
“โอ๊ยยยย….. ” จันวิภาดึงส้นสูงออกมารอยช่องว่างด้วย ใบหน้าที่โมโหอดไม่ได้ที่จะพูดบ่นอยู่ในใจแย่จริงๆ ทำอย่างไง ดีตอนนี้ข้อเท้าเคล็ดแล้วโบกรถก็โบกไม่ได้หรือว่าวันนี้เธอจะ ต้องนอนบนถนนเช่นนั้นหรือ? |
นาพูดไม่ออกรถยนต์แล่นผ่านไปผ่านมาอยู่บนถนนทันใดนั้นรถยนต์คันหนึ่งก็ได้จอดอยู่ข้างถนนไม่ไกลจากเธอนั้น วิภาหันหน้าไปมองจึงพบว่าคนที่ลงรถมานั้นดูคุ้นเคยเป็นอย่าง
มาก!
“คุณนาราวีระนนท์?”นราวิชญ์เดินมาข้างๆในวิภาคุกเข่า ลงมองดูเธอแล้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเท้าของเธอบาด เจ็บหรอ?”
ฮือๆๆ……เป็นนราวิชญ์……..นราวิชญ์เป็นทูตสวรรค์
จริงๆ!
จันวิภาตื้นตันใจจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาเธอไปที่ขา ของตนเองแล้วพูดอย่างน่าสงสาร คือ……………ขาของฉัน เคล็ดไปแล้ว…..….
เมื่อได้ยินคำพูดของฉันวิภานราวิชญ์จึงขมวดคิ้วขึ้นเขา เข้าไปอยู่ใกล้ๆกับขาของฉันวิภาค่อยๆนวดที่เท้าของจันวิภา เบาๆขณะนี้ลมหายใจอันเจ็บปวดของฉันวิภาถูกปล่อยออกมา
“เจ็บมากมั้ย?”นราวิชญ์จ้องมองจันวิภาอย่างอบอุ่นแล้ว พูดถามขึ้นเบาๆ
“อื้อ! “จันวิภาพยักหน้าเธอเจ็บเสียจนน้ำตาแทบจะไหล ออกมาแล้ว
ดีจริงๆที่นราวิชญ์ปรากฏตัวขึ้นมาในช่วงเวลาที่สำคัญไม่ อย่างนั้นเธอก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรในค่ำคืนนี้
เมื่อได้ยินดังนั้นนราวิชญ์ก็ได้จ้องมองเท้าของวันวิภาแล้วขมวดคิ้วขึ้นพูดออกไปอย่างไม่วางใจ เท้าของเธอบาดเจ็บจน เป็นอย่างนี้ไปแล้วไม่ไปพันแผลที่โรงพยาบาลสักหน่อยหรอ”
เขาพูดจากนั้นจึงอุ้มจันวิภาที่นั่งบนพื้นขึ้นมาแล้วเดินไปที่ รถของตนเอง
และจันวิภาที่อยู่ในอ้อมแขนของนราวิชญ์ก็แปลกใจอยู่ เล็กน้อยบนร่างกายของนราวิชญ์มีกลิ่นของมิ้นต์อ่อนๆ โซมอ อกมามันยังคงเป็นกลิ่นที่เธอชอบมากและเมื่อก่อนเธอก็ชอบที่ จะดมมัน
คาดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่เวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้วก
ลิ่นนี้ก็ยังคงอยู่
นาวิชญ์ไม่รู้ความคิดของฉันวิภาเลยจริงๆ หลังจากที่อุ้ม เธอขึ้นรถก็ขับรถพาเธอไปส่งที่โรงพยาบาลตลอดทางเขาทำดี
กับเธอมากดูแลเธออยู่ตลอด
จันวิภาประทับใจเสียจนใจเต้นออกมาตุ๊บๆ
หลังจากที่แพทย์ตรวจสอบเท้าเสร็จเรียบร้อยแล้วก่อนที่จะ บอกเธอว่าเท้าไม่ได้เป็นอะไรมากพยายามอย่าให้โดนน้ำแล้ว พูดเรื่องที่ต้องระวังอีกเล็กน้อยจากนั้นจึงกลับไปได้
ตอนที่นราวิชญ์มาส่งในวิภาที่ดอนโดจันวิภาก็ได้ยิ้มและ พูดกับนราวิชญ์อย่างตื้นตันใจ”ประธานนราวิชญ์คะคืนนี้ต้อง ขอบคุณมากจริงๆ ถ้าไม่มีคุณแล้วบางทีวันนี้ฉันอาจจะนอนข้าง ถนนก็ได้! ขอบคุณจริงๆครั้งหน้าถ้ามีโอกาสฉันจะเลี้ยงข้าว คุณนะคะ! ”
พูดจบจนวิภาก็เปิดประตูรถเตรียมที่จะลงจากรถ
“เดี๋ยวก่อน! “ฉันวิภาพึ่งจะยกเท้าขึ้นมาก็ถูกนราวิชญ์ หยุดไว้เสียแล้วเขารีบปลดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็วแล้วเดิน อ้อมรถมาจนถึงฝั่งประตูของจันวิภาพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ ด้วยการตำหนิ “คำขอบคุณน่ะไม่ต้องพูดแล้วไม่ว่าใครที่เห็นผู้ หญิงนั่งอยู่คนเดียวในตอนกลางคืนก็ไม่มีทางที่จะทิ้งไว้ได้ หรอก…….คุณอย่าขยับผมจะอุ้มคุณขึ้นไปข้างบนระวังเท้าของ คุณจะเป็นหนักกว่าเดิมขึ้นมาอีกล่ะ
พูดจบเขาก็อุ้มจันวิภาออกมาอย่างอ่อนโยน
จันวิภามองไปที่ส่วนข้างใบหน้าของนราวิชญ์อย่างตั้งใจ และใบหน้าแดงอยู่เล็กน้อยวันนี้รบกวนเขามากเลยแค่เรื่อง เล็กๆน้อยๆอย่างขึ้นไปชั้นบนเธอเองก็ทำมันได้เธอก็แค่ข้อเท้า เคล็ดเท่านั้นเองขาอีกข้างก็ยังเดินต่อไปได้