ตอนที่ 57 เจ้าเป็นผู้หญิงหรือ(2)
“หุบปาก! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าแย่งเฟิ่งหลิงไปจากข้า ข้าจะต้องอยู่คนเดียวแบบนี้หรือ วันนี้เจ้าอยากจะสู้หรือไม่ ยังไงเจ้าก็ต้องสู้!”
“กร๊าดดดดด”
ฟืนไม้ในมือของนักกระบี่โหมทันใดนั้นก็กลายเป็นมังกร ฉับพลันก็เกิดลมพายุแรงเข้าจู่มโจมนายท่านโจ๋ว!
นายท่านโจ๋วฝืนยิ้มออกมายากที่จะสังเกตเห็น
กำลังภายในของเขานั้นหายไปนานแล้ว ณเวลานี้เขาทำเป็นเหมือนว่าไม่เป็นอะไร เพื่อที่จัดการกับศัตรูที่แข็งแกร่ง ทว่าแท้จริงแล้วเขานั้นไม่มีพลังที่จะโต้กลับอีกต่อไป แต่เขานั้นกลับไม่เกรงกลัวเลยสักนิด!
เขาใช้ชีวิตมาจนอายุเจ็ดสิบ! ลูกหลานเต็มห้องโถง! ตระกูลโจ๋วที่แผ่กิ่งก้านสาขา! เขานั้นได้รับการเคารพบูชาจากคนทั้งแผ่นดินว่าเป็นนักกระบี่ระดับหนึ่งมานานกว่าสามสิบปี!
สำหรับผู้ชาย เพียงแค่ผลงานและเจ้างามความดีที่ยิ่งใหญ่ก็เพียงพอแล้ว เวลานี้ถ้าตายไปก็ไม่เสียใจแม้แต่น้อย
“ท่านพ่อ!”
โจ๋วเส้าฉีระมัดระวังอยู่เสมอเหมือนว่าเขานั้นจะอ่านใจท่านพ่อของเขาได้ จึงรีบพุ่งตัวออกไปขวางหน้าท่านพ่อเอาไว้ ใช้ไซอาวุธเหล็กที่ออกมาจากพลังภายในโจมตีกลับไป
“เกร๊ง!”
ไซและท่อนฟืนปะทะกันอย่างแรง!
โจ๋วเส้าฉีนั้นเสียเปรียบอยู่มากถูกแรงสั่นสะเทือนถอยหลังเสียหลักไปจนกระอักเลือดออกมา!
“เจ้ารอง!”
นายท่านโจ๋วรีบเข้าไปช่วยพยุงร่างอันอ่อนแอของโจ๋วเส้าฉี แสดงออกถึงความเป็นห่วงและประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าลูกชายของเขาที่มักจะมีท่าทีเย็นชาเงียบๆจะใช้ร่างกายมาขวางการโจมตีแทนเขา!
นักกระบี่โหมพูดออกไปอย่างเย็นชา “ตาเฒ่าเต่า! นี่เจ้ายังกล้าที่จะหลบอยู่ในกระดองอยู่อีกหรือ? ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะมีลูกอีกกี่คนทีจะมาขวางแทนเจ้าได้!”
นายท่านโจ๋วจับชีพจรของโจ๋วเส้าฉีก็รู้ว่าบาดเจ็บไม่น้อยแต่ยังโชคดีที่ว่ากำลังภายในแก่กล้าพอสมควรเลยไม่ถึงกับชีวิต
“ตาแก่หาน! เจ้าอยากจะสู้ใช่หรือไม่? ดี! งั้นข้าก็จะสู้กับเจ้าจนกว่าจะตายกันไปข้าง!”
นายท่านโจ๋วส่งโจ๋วเส้าฉีให้โจ๋วเส้ากวางที่อยู่ด้านหลังดูแลต่อ มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นท่าท่างเศร้าสลดค่อยๆก้าวเดินไปทางนักกระบี่โหม….
นักกระบี่โหมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าเจ้าตัดสินใจแบบนี้ตั้งแต่แรก ลูกชายที่รักของเจ้าก็คงไม่ต้องบาดเจ็บเช่นนี้!”
นายท่านโจ๋วตอบกลับไปว่า “ระหว่างข้ากับเจ้าเป็นบุญเจ้าและความแค้นส่วนตัว ไม่ว่าศึกตัดสินในวันนี้ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร หวังว่าเจ้าจะไม่ทำร้ายเด็กพวกนี้ พวกเขาก็นับว่าเป็นลูกของเฟิ่งหลิงเหมือนกัน!”
นักกระบี่โหมตอบกลับอย่างเกรี้ยวกราด “หุบปาก! อย่าพูดถึงเฟิ่งหลิงต่อหน้าข้าอีก!”
“เข้ามา!”
สายตาของนายท่านโจ๋วเต็มไปด้วยความเศร้าสลดตัดขาดความไม่เกรงกลัวเสียดายชีวิตเพื่อหน้าที่และความถูกต้อง
เขารู้ว่าวันนี้ตัวเองต้องตายเป็นแน่แท้ ถ้าหากเขานั้นไม่บาดเจ็บจากภายในหรือว่ายังมีแรงพอที่จะชนะเจ้านักกระบี่บ้าคลั่งคนนั้นได้ ทว่าตอนนี้กำลังภายในของเขานั้นสลายสิ้น ฝืนสู้ต่อไปก็มีแต่ตาย! ทว่าเขานั้นยอมตายดีกว่าให้ลูกหลานเข้ามาพัวพัน…
สงครามกำลังจะเริ่มขึ้น!
นายท่านโจ๋วมองหลับไปยังเหล่าลูกศิษย์ตระกูลโจ๋ว “ถ้าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับข้าก็จงให้เส้าฉีเป็นผู้มีอำนาจนำตระกูลโจ๋วคนใหม่!”
พูดเสร็จสายตาของเขานั้นตัดเยื่อใยทันที!
ดูหมือนจะมีกลิ่นดินปืนท่ามกลางอากาศสงครามครั้งใหญ่ยังไม่ทันได้เริ่มแต่กลับตื่นเต้นเร้าใจจนถึงขีดสุด!
“น่าสนใจนี่!”
“เดิมทีพวกเจ้าก็ต่อสู้กันเพื่อให้ได้ที่หนึ่ง!”
“ครั้งหน้าก็มาสนุกด้วยกันสิ!”
“ปั้งงงงง”
หลังคากระเบื้องหักพังลงมา
มีเงาดำพุ่งลงมาจากฟ้า!
นายท่านโจ๋วเห็นหน้ากากอันโหดเหี้ยมก็พูดออกมาอย่างตกใจ “กุหลาบดำ?”
ซินเหยาเห็นว่าคนตระกูลโจ๋วนั้นแต่ละคนมีสีหน้าเคร่งเครียดจึงพูดออกไปว่า “นายท่านโจ๋ว! วันนี้พวกเรายังไม่ได้ผู้ชนะเลย! ทำไมถึงได้หายออกมา? ที่จริงแล้วก็นัดคนมาที่นี่เพื่อตัดสินสินะ ทำไมถึงได้ลำเอียงเช่นนี้!”
นายท่านโจ๋วรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย “เจ้าก็ชนะแล้ว ทำไมยังต้องเกรี้ยวกราดเช่นนี้อีก?”
เขาคิดว่ากุหลาบดำนั้นตามมาจากฉองเทียนโหลวเพื่อแก้แค้น
“เห้ย! แล้วแกอะเป็นใคร”
นักกระบี่โหมเห็นคนชุดดำผิดบังหน้าตาที่จู่ๆก็โผล่มาแทรกกลางศึกระหว่างเขาและนายท่านโจ๋วก็โมโหโกรธา
ซินเหยามองไปทางเขาพลงพูดว่า “ลูกพี่! ขอร้องละไปอาบน้ำชำระล้างกายเสียหน่อยเถอะ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สะอาดด้วยนะ ท่านนี่แต่งกายไม่เรียบร้อยเอาเสียเลยมั่งส่งผลเสียต่อบ้านเมืองเลยนะ!”
นักกระบี่โหมพูดอย่างไม่พอใจ “เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”
ซินเหยาตอบกลับไปว่า “โตขึ้นมาน่าเกลียดไม่ใช่ความผิดของเจ้า แต่ทำให้คนอื่นตกใจเนี่ยก็ไม่ถูกนะ ลองมองตัวเองดูเดินไปที่ไหนเด็กเล็กเด็กแดงก็ตกใจกันหมดนั้นแหละ!”
“เจ้าบังอาจนัก!” นักกระบี่โหมตะโกนออกมาอย่างเหลืออด
ทันใดนั้น…
มีแสงสว่างจ้า เสียงแหลมสูงแหวกอากาศราวกับสายฟ้าพุ่งมาทางซินเหยา…
“ระวัง!” นายท่านโจ๋วกล่าวเตือน
“เฮ้! อาวุธลับ?”
ซินเหยาแสยะยิ้มออกมาเบาๆ ตัวสั่นเทิ้ม กำลังภายในที่ทั้งแข็งแกร่งและทรงพลังกำลังกลายเป็นเกราะที่ไม่อาจต้านทานได้ปกคลุมร่างกายของเธอ
“ปั้งงงงงง”
อาวุธลับเจาะทะลุเกราะป้องกันเพราะว่ามันพุ่งมาอย่างแรงจึงทำให้เกราะแตกก็เป็นเสี่ยงๆ
ซินเหยามองไปที่รอยแตกละเอียดบนพื้น “ที่แท้มันคือถั่วเขียว มิน่าละถึงได้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ”
“ดี….ช่างเป็นกำลังภายในที่ร้ายแรงดี ตกลงแล้วแกเป็นใครกันแน่!”
นักกระบี่โหมตกตะลึง ในคำพูดยังพอที่จะเคารพกันบ้าง กำลังภายในที่น่าตกใจนี้เกรงว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็เทียบไม่ได้
ซินเหยาหัวเราะเยาะออกมา “เห้ย ตาแก่ นี่กลัวแม้กระทั่งข้าที่เป็นผู้หญิงเชียวหรอ แล้วยังมาคุยโวว่าอะไรนะจะเป็นระดับหนึ่งหรอ? มันไม่น่าขำไปหน่อยหรอ”
“คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นแม่หญิง! แล้วยังเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงอีก!”
นายท่านโจ๋วตกตะลึงประหลาดใจ “เจ้าเป็นผู้หญิงหรือ?”
นักกระบี่โหมตกตะลึงกว่าเก่า
ซินเหยาไม่ได้แกล้งทำเสียงทุ้มต่ำและพูดอย่างตรงไปตรงมา “ตาแก่ เจ้าสู้ข้ายังไม่ได้ยังจะไปท้านายท่านโจ๋วอีกหรอ ระดับหนึ่งอะไรนั้น็อย่างหวังเลย ลองเป็นอันดับแปดอันดับเก้าก่อนดีกว่ามั้ง