ตอนที่ 63 อิจฉาริษยาแก่งแย่งชิงดี(2)
โจ๋วปี้หลัวอ้าปากค้าง “เป็นไปได้อย่างไร? ไม่! มันเป็นไปไม่ได้!”
นายท่านโจ๋วก็เผยรอยนิ้มบานสะพรั่งออกมา
“ซินเหยาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขแท้จริงของตระกูลโจ๋ว!”
“นางเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ของตระกูลโจ๋ว!”
“สามารถศึกษาอ่านคัมภีร์และยังฝึกกระบี่หลีฮัวที่ฝึกยากที่สุดสำเร็จอีก….”
“นี่ต้องเป็นพรจากบรรพบุรุษเป็นแน่!”
“ตระกูลโจ๋วในที่สุดก็มีผู้สืบทอด!”
ในที่สุดนายท่านโจ๋วก็สามารถวางใจตอนนี้เขานั้นทั้งตื่นเต้นและปิติยินดีเป็นที่สุด
“ปี้หลัว ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจ้าที่ทำให้ข้าสงสัยซินเหยา นี่มันไม่ดีเลยจริงๆ ต่อจากนี้ไปห้ามพูดแบบนี้อีกเป็นอันขาด ตอนนี้เรื่องราวก็ถูกยืนยันแล้ว ซินเหยาคือเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลโจ๋ว นางนั้นเหมาะที่จะเป็นเจ้าหนูเก้าของตระกูลโจ๋ว!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เพียงแค่คิดว่าซินเหยานั้นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลโจ๋ว
เพียงแค่คิดว่าหน้ากากกุหลาบดำคือซินเหยา
เพียงแค่คิดว่าซินเหยานั้นสามารถฝึกวิชากระบี่หลี่ฮัวที่ไม่มีใครสามารถฝึกสำเร็จได้มาร้อยกว่าปีได้สำเร็จ
นายท่านโจ๋วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความดีใจ
โจ๋วปี้หลัวส่ายหัวอย่างแรงนางตกใจทำอะไรไม่ถูก
ไม่!
เป็นไปไม่ได้!
มันเป็นไปไม่ได้!
ให้ตายยังไงโจ๋วปี้หลัวก็ไม่มีทางเชื่อ
ในวันที่พิสูขน์สายเลือดที่ศาลบรรพบุรุษ ตอนนั้นซินเหยาก็ได้เอ่ยปากยอมรับมาเอง! นางพูดเองกับปาก! ว่านางไม่ใช่คนตระกูลโจ๋ว!
โจ๋วปี้หลัวนั้นคิดมาตลอดว่าซินหยานั้นหลอกลวง เพียงแค่เธอไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ตัวตนของซินเหยาได้ ถ้าหากว่ามีหลักฐานนางคงจะสามารถจับผิดซินเหยาและขับไล่นางออกไปจากจวนอ๋องโจ๋วได้สำเร็จ!
หยดเลือดทั้งสองรวมตัวกันเป็นหนึ่งอย่างสมบูรณ์แบบในชามกระเบื้องจากนั้นก็ค่อยๆจมลงไปในน้ำ….
“ฮ่าฮ่า! ข้าดีใจเหลือเกิน!”
นายท่านโจ๋วเดินหัวเราะออกมาจากห้องครัว ส่วนโจ๋วปี้หลัวกลับนั่งจ้องไปที่ชามน้ำอย่างเหม่อลอย….
ซินเหยาเป็นเลือดเนื้อชื้อไขของตระกูลโจ๋วจริงๆหรือ?
ถ้าหากว่าตัวนางเอรู้เรื่องนี้ขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น? แล้วที่นางทะลุข้ามเวลามาละ นางไม่ใช่คนทางโลกฝั่งนี้ แล้วทำไมนางถึงได้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลโจ๋วกัน?
แล้วตกลงนางเป็นใครกันแน่?
หรือว่าจะเป็นเจ้าหนูตระกูลโจ๋ว โจ๋วปี้หรุง?
หรือว่าจะเป็นสาวน้อยซินเหยาสายลับนามแฝงกุหลาบดำที่ข้ามเวลามาจากศตวรรษที่21กันแน่?
ซินเหยากลับมาถึงร้านพักป่ายเหอเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็เห็นเสี่ยป๋ายที่อยู่บนเตียงก็กล่าวทักทาย
“เจ้าตัวเหม็น คออ่อนก็อย่าติดเหล้าเกินไปละ” ซินเหยาต่อว่าไปอย่างไม่จริงจังเท่าไร
“ก๊อกๆๆ”
ทันใดนั้นด้านอกก็มีเสียงเคาะประตูเร็วรัวๆ
“ใคร?” ซินเหยาถามอย่างระมัดระวัง
“ซินเหยา ลุงสามเอง” เสียงเมามายของลุโจ๋วก้องหรุงชัดเจนเลยว่าเขานั้นถูกของมึนเมาควบคุมอยู่
“ลุงสาม นี่ก็ดึกมากแล้วมีเรื่องอะไรคะ?”
“ซินเหยา เจ้าออกไปไหนมา? ข้ามาหาเจ้าตั้งหลายรอบแต่ก็ไม่มีใครตอบรับออกมา”
“ข้า….ไปดื่มมาค่ะ แล้วก็นอนงีบไปสักพัก ลุงสามมาเคาะประตูข้าก็เลยอาจจะไม่ได้ยิน นี่ก็ดึกมากแล้วลุงสามมีเรื่องอะไรหรือคะ?”
“ซินเหยาเจ้าเปิดประตูก่อน”
“ค่ะ ลุงสามรอสักครู่ ข้าขอสวมเสื้อผ้าก่อน”
เสื้อผ้าของซินเหยานั้นสะอาดเรียบร้อยเกินไป ไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งลุกจากที่นอนทำผมกับเสื้อผ้าของตัวเองให้ยุ่งเหยิง จากนั้นจึงเปิดประตู
“ลุงสามเข้ามาสิคะ”
ชายแปลกหน้าไม่ควรเข้าห้องหญิงสาวในยามวิกาลแต่ว่าเขานั้นเป็นลุงสามของซินเหยาและยังดื่มเหล้าเข้าไปอีกจึงไม่ได้กังวลอะไร
“ซินเหยา ลุงสามนึกถึงเรื่องใจกล้าและน่าสนุกเจ้าอยากจะฟังหรือไม่?”
“ลุงสาม ท่านเมามากแล้ว”
“ข้าไม่ได้เมา! ข้ามีสติดีทุกอย่าง!”
“ถ้าอย่างงั้นลุงสามท่านนึกถึงเรื่องอะไรคะ?”
“ขโมยกล่องเซิ้น”
“กล่องเซิ้น?”
“ใช่”
“มันคืออะไรคะ?”
ซินเหยาแปลกใจเธอไม่เคยได้ยินชื่อกล่องเซิ้นมาก่อนนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยิน
“เจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือ?”
“ค่ะ” ซินเหยาพยักหน้าจริงจัง
ไม่รู้ทำไมใจเธอถึงรู้สึกคลับคล้ายคลับคลากับกล่องเซิ้นนี้มันเหมือน…เหมือนกับ…เหมือนกับเธอรู้จักมันเป็นอย่างดี
โจ๋วก้องหรุงถามอย่างสงสัย “ไม่ เจ้าจะไม่เคยได้ยินได้อย่างไรทุกคนเขารู้จักกล่องเซิ้นกันหมด”
ซินเหยาตอบกลับไปว่า “ลุงสาม ท่านลืมแล้วหรือ? ข้าถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ข้ายังเด็กจากนั้นก็อยู่แต่หลังเขาห่างไกลความเจริญจนถึงตอนนี้ที่เพิ่งได้เข้ามายังเมืองหลวง”
โจ๋วก้องหรุงนั้นดื่มจนเมามายซินเหยาจึงทำได้แค่เตือนสติเข้าอีกครั้ง
“อ๋อเป็นแบบนี้นี่เอง ข้าจำได้แล้ว”
“เจ้าคือซินเหยา”
“ไม่ใช่โจ๋วปี้หลัว”
“เจ้าคือเจ้าหนูเก้าซินเหยา ซินเหยา…”
“ฮ่าฮ่า!”
โจ๋วก้องหรุงนั้นเมามากพูดจาไม่รู้เรื่องสลับมั่วไปมา
ซินเหยาพูดไปว่า “ลุงสาม ท่านเมามากแล้ว ไปนอนเถอะค่ะ”
โจ๋วก้องหรุงส่ายหน้า “ไม่ ข้าไม่เมา ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าจะไปขโมยกล่องเซิ้น เด็กฮ่องเต้นั่นเอากล่องเซิ้นไปเป็นสินสอดตระกูลโจ๋ว เขา….เขามีอำนาจไม่เคยเห็นตระกูลโจ๋วของเราอยู่ในสายตาสักนิด!”
ซินเหยาถามออกไป “ให้กล่องวิเศษเป็นสินสอด? มันหมายความว่าอะไร?”
โจ๋วก้องหรุงตอบกลับไปว่า “ฮ่องเต้ทูลว่าสามเดือนหลังจากนี้จะไปขอเจ้าเข้าวัง จะแต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮา! กล่องเซิ้นนั้นเก็บอยู่ที่จวนอ๋องโจ๋ว จนกว่าจะถึงวันที่เจ้าเข้างวังถึงจะรับกล่องเซิ้นไปด้วย หึ! เขาทิ้งกล่องเซิ้นไว้พอถึงเวลาถ้าหากพวกเราไม่ส่งคนไปหรือคิดที่จะถอนหมั้น เขาคงใช้อำนาจของตนสั่งลงโทษ!”
ซินเหยาพูดว่า “เป็นอย่างงี้นี่เอง ไม่แปลกที่พวกท่านถึงได้ดูตื่นเต้นเกี่ยวกับการอภิเษกครั้งนี้ ไม่ใช่ว่าซินเหยาๆม่แปลกใจแต่ทำไมต้องแต่งตั้งข้าเป็นฮองเฮาด้วยละ?”
ใจของซินเหยารู้สึกแปลกอยู่เล็กน้อย
ฮ่องเต้?
คนแบบฮ่องเตคงจะมีผู้หญิงเป็นร้อยเป็นพันคน!
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยเจอฮ่องเต้มาก่อนแต่ก็รู้จักฮ่องเต้ในสมัยโบราณล้วนแต่มีสนม72คนพระราชวัง3แห่งและสวนอีก6แห่ง
ฮองเฮาของฮ่องเต้คงจะมีหญิงสาวมากมายที่อยากเป็นไม่รู้ว่ามีกี่คนที่ต่อสู้แก่งแย่งชิงดีกันเพื่อที่จะได้ตำแหน่งฮองเฮา
ทำไมฮ่องเต้คนนี้ดูเหมือนกับบังคับให้ซินเหยาเข้าวังไปเป็นฮองเฮา?