บทที่ 186 พบกันที่ฉองเทียนโหลว1
ซินเหยากลับมาที่วิหารอีกครั้ง….
ทำการสำรวจสถานที่แห่งนี้…
พินัยกรรมของฮ่องเต้อำมหิตนั้นต้องการให้เก็บพระศพไว้เจ็ดวันโดยยังไม่ต้องทพการจัดพระราชพิธี หลี่เหลียนคังก็ทำการตรวจดูองครักษ์และคนที่รู้เรื่องราวนี้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
เจ็ดวัน
เวลาเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว!
นางเป็นสายลับใจเย็นลงหน่อยเรื่องทุกอย่างก็จะกระจ่างเอง ทว่ารายละเอียดแม้แต่นิดเดียวก็อย่าได้พลาดเป็นอันขาด!
ดังนั้น การสำรวจสถานที่จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญ!
วิหารอันเยือกเย็น ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด…
ซินเหยาค่อยๆย้อนนึกถึงเรื่องราวทั้งหมดอย่างใจเย็น….
ป๋ายกุ้ยเหริน หยิงเฟยและเหมยเฟยสมรู้ร่วมคิดกันวางยาพิษนาง!
ป๋ายกุ้ยเหรินเคยแอบเห็นตอนนางเปิดกล่องเซิ้น ดังนั้นตัวการหลักของเรื่องนี้คือป๋ายกุ้ย เหรินที่สั่งให้พาซินเหยามายังวิหาร….
แน่นอนว่าหยิงเฟยและเหม่ยเฟยนั้นก็ตามมาด้วย!
ศพของนางสนมทั้งสองคนน่าจะถูกป๋ายกุ้ยเหรินฆ่าปิดปาก!
ตอนนั้นซินเหยายิงปืนเข้าที่ขาของป๋ายกุ้ยเหริน ถึงแม้ว่าจะบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ไม่ถึงกับชีวิต
แล้วก็ตามที่มู่หลางนักกระบี่สังหารมือหนึ่งพูดไว้ก็คือทั้งสามนั้นได้ออกไปแล้ว!
ออกไปน่าจะหมายถึงหนีไปแล้ว!
ซินเหยาสั่งให้หลี่เหลียนคังแอบไปสอดส่องที่ตำหนักของทั้งสามคน ในเมื่อจุดประสงค์นั้นปรากฏออกมาให้เห็นแล้วก็ต้องไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น…
ในเมื่อมู่หลางปล่อยพวกนางสามคนไปแสดงว่าต้องเป็นพวกเดียวกัน! มู่หลางต้องเป็นมือสังหารที่แอบซ่อนตัวอยู่ในวังของหนึ่งในสามคนนั้นแน่ๆ…..
แล้วใครกันละ?
ตัดเหม่ยเฟยออกไปได้เลย! นางเป็นคนต่างจังหวัด! นักกระบี่สังหารเป็นคนในเมืองมีชื่อเสียงในยุทธภพเป็นอย่างมาก!
ป๋ายกุ้ยเหริน…อำนาจของตระกูลป๋ายไม่เพียงแต่มีที่ทางตอนใต้ และยังอยู่ในพระราชวังต้องห้ามอยู่ตลอดเวลาอีก
ดังนั้นความเป็นไปได้มากที่สุดน่าจะเป็นหยิงเฟย!
ตามความเข้าใจของซินเหยา ตระกูลถางเปิ่นนั้นมักชอบคบคิดกับพวกท่องยุทธภพที่มีชื่อเสียง
ตอนแรกไม่ใช่ว่าถางเปิ่นเป้ากับนายท่านช่ายเคยแอบนัดพบกันอย่างลับๆที่ฉงอเทียนโหลวหรือ?
ตอนนั้นซินเหยาสูญเสียกำลังไป….
และมู่หยางก็เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแต่มีชื่อเสียงในด้านเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายและฝีมือรวดเร็วมาก! ดังนั้นถึงได้เรียกว่ามือสังหารกระบี่สายฟ้า!
มู่หลางลอบโจมตีตอนที่ซินเหยานั้นไร้พลัง…
จากนั้นมู่หลางก็ปล่อยให้สามคนนั้นหนีไป…
เป็นเวลาเดียวกับที่ฮ่องเต้อำมหิตเข้ามา!ทำให้เขากลัว
มู่หลางบอกว่าเขากับฮ่องเต้เคยปะทะฝีมือกัน โหมกงของฮ่องเต้อำมหิต แต่ช่วงเวลาที่สำคัญก็คือฮ่องเต้สูญเสียการควบคุมโหมกงและถูกอาคมย้อนทำร้าย…
จากนั้นก็เหลือเพียง…
เหลือแค่คนเดียว!
มู่หลาง!
แต่ว่า…สุดท้ายมู่หลางก็ตาย!
ตกลงแล้วใครกันที่ฆ่ามู่หลาง?
ภายในช่วงเวลามีบางอย่างที่ทำให้ซินเหยาไม่เข้าใจ!
ก่อนที่มู่หลางจะตายสตินั้นเลือนรางพอสมควรเอาแต่พึมพำว่าแมวขาวแมวดำอะไรสักอย่าง….
หรือว่าอาการบาดเจ็บของมู่หลางนั้นมาจากแมวตัวหนึ่งจริงๆ?
แมวตัวเดียวจะล้มยอกฝีมืออย่างมู่หลางได้เลนหรือ?
ฝีมือของมู่หลางขนาดสู้กับฮ่องเต้แล้วยังไม่แพ้…
ระดับฝีมือของเขาอย่างน้อยก็น่าจะขั้นแปดไม่ก็ขั้นเจ็ด…
ฝีมือเทียบเท่าพอๆกับโจ๋วกงกุ้ย
ฝีมือแบบนี้จะถูกแมวฆ่าได้อย่างไรกัน?
จะว่าแปลกก็แปลกแผลบนตัวของมู่หลางก็เป็นรอยเหมือนโดนสัตว์ป่าทำร้าย…
สัตว์ป่า?
แมวขาว?
ตกลงแล้วใครละที่ฆ่ามู่หลาง?
หงุดหงิด! โศกเศร้า! เสียใจ….
ความรู้สึกทุกอย่างนั้นส่งผลต่อการตัดสินใจอันแน่นอนของสมองที่กำลังเรียบเรียงความคิดซินเหยากำลังรวบรวมรายละเอียดต่างๆด้วยความสุขุม โดยเฉพาะเหตุการณ์ตอนที่นางหมดสติไป…
แต่ว่าไม่ว่ายังไงก็ไม่เข้าใจว่าใครกันที่ฆ่ามือสังหารนักกระบี่สายฟ้า!!
เหม่ยเฟยนั้นแอบรู้สึกกระวนกระวาย หลังจากกลับมาถึงตำหนักบรรทมก็มีอาการตื่นตระหนกอยู่ตลอดเวลา
นางแอบเข้าไปใกล้วิหารซ่อนอยู่ข้างนอกเห็นเหล่าขันทีกำลังยกพระศพของฝ่าบาทเข้าไปยังถ้ำน้ำแข็ง…..
ศพที่แหลกสลายของฮ่องเต้อำมหิต….ทำให้เหม่ยเหยนั้นแอบโทษตัวเองและหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุด!
นางแอบตามพวกขันทีเข้าไปยังถ้ำน้ำแข็ง จากนั้นก็ซ่อนตัวหลังก้อนน้ำแข็ง รอจนกว่าเหล่าขันทีจะออกไปกันหมดเหม่ยเฟยถึงได้ออกมาจากหลังก้อนน้ำแข็งและเดินเข้าใกล้พระศพด้วยความหวาดกลัว….
“ฝ่าบาท ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายพระองค์ ข้ามาเพื่อขอประทานอภัยและยอมรับผิด ขอท่านทรงอย่าได้ตำหนิข้าเลย”
เหม่ยเฟยเข้าใกล้พระศพของฮ่องเต้อย่างกระวนกระวาย…
“อ่า!”
ทันใดนั้นนางก็ตกตกตะลึง….
พระศพ…
บนพระศพเหมือนมีเส้นใยแมงมุมสีดำทั้งน่ากลัวและแปลกประหลาด….
เส้นสีดำราวกับมีชีวิตมันยึดติดอยู่กับพระศพพันจนทำให้พระศพกลายเป็นดักแด้…
ดักแด้สีดำ!
พระศพของฮ่องเต้อำมหิตดูเหมือนกับดักแด้สีดำ?
เหม่ยเฟยตกตะลึง!
ความเย็นเข้าปกคลุมหนาวเข้าไปถึงกระดูก….
เส้นสีดำเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ….
พระศพนั้นถูกห่อหุ้มไปด้วยเส้นสีดำที่เพิ่มขึ้นทีละชั้นๆจนเกือบจะเป็นดักแด้ยักษ์
“เกิดอะไรขึ้น?”
“หรือว่าฝ่าบาทจะกลายเป็นปีศาจแล้ว?”
“เส้นสีดำพวกนี้มาจากไหนกัน?”
เหม่ยเหยยื่นมือไปจับเส้นสีดำเบาๆมันให้ความรู้สึกถึงความอุ่น…