บทที่ 256 สี่ดาวบังคับให้สละราชสมบัติ1
ถางเปิ่นขุยผู้ซึ่งเกือบสังหารบุตรชายแท้ๆ ด้วยน้ำมือของตนเองวางแผนอันแยบยลที่จะก่อความโกลาหลและหายลับไปกับกลีบเมฆท่ามกลางความอลหม่าน…
เกือบจะสูญเสียลูกชายไปคนหนึ่ง
จับเป็นฮ่องเต้อำมหิตไม่ได้ และไม่สามารถฆ่าเขาได้อีกต่างหาก
ดูเหมือนว่าถางเปิ่นขุยจะพังไม่เป็นท่า…
ทว่าเขากลับช่วงชิงกล่องเซิ้นที่สองมาได้…
ทั้งยังไม่ได้เปิดเผยตัวตนของตนเองอีก นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการล้มเหลวของแผนการกบฏ
หลังจากเมืองหลวงเงียบสงบมาทั้งวัน ถางเปิ่นขุยและนักบอดี้การ์ดทั้งสี่บังเอิญพบกับตระกูลอันธพาลผู้มีนามว่าเฉินเปียวอยู่ที่เมืองเขตตะวันตก
เฉินเปียวเป็นอันธพาลหัวไม้ทรงอิทธพิลที่สุดในเมืองเขตตะวันตก และยังเป็นผู้คอยช่วยเหลือของขบวนการขนส่งทางน้ำเมืองเขตตะวันตกอีกด้วย ได้ช่วยเหลือถางเปิ่นขุยในการขนส่งสินค้าที่ลักลอบนำเข้าในราคาสูง อาทิเช่น เกลือและอาวุธส่วนบุคคลอย่างลับๆ…
ภายนอกเขาเป็นผู้สัญจรทางคลองเมืองหลวง ครอบครองเรือกว่าร้อยลำ ลูกน้องนักเลงหัวไม้อีกห้าร้อยคน
ในความเป็นจริงแล้วคือหนึ่งในคนสนิทของถางเปิ่นขุยอย่างลับๆ…
ตกดึกผู้คนน้อย…
ถางเปิ่นขุยและนักบอดี้การ์ดทั้งสี่ล้วนปรากฏตัวในเรือนของเฉินเปียว…
ถางเปิ่นขุยมอบกล่องเซิ้นที่สองให้เฉินเปียวเก็บรักษา ทั้งยังกล่าวกำชับ “จำไว้ ต้องไม่ให้บุคคลใดรู้ได้โดยเด็ดขาดว่ากล่องเซิ้นนี้ซุกซ่อนอยู่กับเจ้าที่นี่!”
เฉินเปียวเอ่ย “เฉิงเสี้ยงโปรดวางใจ ข้าน้อยจะต้องเก็บรักษากล่องเซิ้นนี้อย่างเหมาะสม”
ใบหน้าถางเปิ่นขุยมีแววเย็นชาผ่านแวบไป “ถ้าหากสมบัติล้ำค่านี้หายไป ก็ไม่จำเป็นต้องรักษาหัวของเจ้าเอาไว้เช่นกัน!”
เฉินเปียวกล่าวด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย “ขอรับ! เฉิงเสี้ยงโปรดวางใจ ข้าเฉินเปียวจะต้องรักษาสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ด้วยชีวิต ห้องใต้ดินในเรือนเฉินนี้มีเพียงข้าผู้เดียวที่รู้ ข้าน้อยจะนำเอากล่องเซิ้นนี้ไปซ่อนไว้ในห้องใต้ดิน และเมื่อพิจารณาจากเงินทองกองโตที่ได้รับจากการลักลอบนำเข้ามา เฉิงเสี้ยงสามารถวางใจได้เป็นร้อยๆ รอบ!”
ถางเปิ่นขุยกล่าว “เจ้าจะดึงดูดความสนใจของผู้อื่นมาที่นี่ไม่ได้เป็นอันขาด ทั้งยังต้องอารักขาอย่างกวดขัด โจรกระจอกเข้ามาไม่ได้เลยสักนิดเดียว เฉิงเสี้ยงคนนี้จะรู้สึกโล่งใจมากที่เอาสมบัติล้ำค่านี้มาเก็บไว้ที่นี่ชั่วคราว เจ้าจะต้องเก็บรักษาอย่างเป็นการสมควร!”
“ขอรับ! ขอรับ! ข้าน้อยรับบัญชา!”
ในใจเฉินเปียวรู้สึกตื่นเต้นอย่างหนักอึ้ง
ถางเปิ่นขุยมอบภารกิจที่สำคัญขนาดนี้ให้แก่เขา ย่อมแสดงว่าไว้วางใจและเห็นความสำคัญของเขาเป็นอย่างมาก
ฮัวโหล่หยุนเอ่ย “เฉิงเสี้ยง สิ่งที่พวกเราจะต้องช่วยเหลือท่านก็ได้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องทำตามคำสัญญาของท่านได้แล้ว!”
ถางเปิ่นขุยเอ่ย “พวกเจ้าวางใจ ในเมื่อเฉิงเสี้ยงคนนี้เคยบอกว่าจะช่วยพวกเจ้าตามหาเจ้านาย ก็ต้องไม่คืนคำเป็นแน่! พวกเจ้าว่ามา พวกเจ้ามีเบาะแสอะไรบ้าง ยิ่งเบาะแสมาก ก็ยิ่งตามหาตัวคนได้ไวขึ้น!”
ฮัวโหล่หยุนกล่าว “แต่ไรมาพวกเราไม่เคยเห็นรูปร่างของเจ้านายเลย แม้กระทั่งยามเด็กก้ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ว่าเจ้านายน่าจะยี่สิบกว่าปีแล้ว เป็นเด็กผู้หญิง ฝ่าเท้ามีปานรูปสี่ดาวสละบัลลังก์อยู่!”
ถางเปิ่นขุยกล่าว “พวกนี้ก็คือเบาะแสทั้งหมด?”
ฮัวโหล่หยุนกล่าว “ใช่! นี่เป็นลักษณะพิเศษที่เกี่ยวกับเจ้านายเพียงอย่างเดียวที่พวกเรารู้”
ถางเปิ่นขุยพูด “ฝ่าเท้ามีปานรูปสี่ดาวสละบัลลังก์อยู่? คนแบบนี้ต้องมีไม่มากแน่ การตามหาก็ไม่น่ามีอุปสรรค ขอเพียงไปตรวจสอบข้อมูลการลงทะเบียนของหน่วยครัวเรือน ก็สามารถรู้ได้ว่าคนที่มีลักษณะดังกล่าวนั้นอยู่ที่ใดในหล้า!”
เจี้ยนหารยีกล่าวพลางหัวเราะเย็น “ท่านคิดว่าพวกเราไม่เคยไปตรวจสอบหรือ”
ถางเปิ่นขุยกล่าว “ข้อมูลการลงทะเบียนของกระทรวงทะเบียนราษฎร์ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชน…อ้อ เฉิงเสี้ยงคนนี้เข้าใจแล้ว พวกเจ้าจะต้องแอบดู!”
เจี้ยนหารยีพูดเยือกเย็น “ด้วยวรยุทธ์ของพวกเราทั้งสี่คน การเข้าไปในคลังจดหมายเหตุของกรมทะเบียนราษฎร์อย่างไม่ทิ้งร่องรอยนั้นยากตรงไหนกัน”
ถางเปิ่นขุยเอ่ย “ในเมื่อพวกเจ้าเคยตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎร์ เช่นนั้นก็น่าจะไม่เจอเบาะแสอะไรอื่นอีกแล้ว ถ้าหากมีเบาะแส ก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว!”
ฮัวโหล่หยุนเอ่ย “ถางเปิ่นเฉิงเสี้ยง ท่านรับปากสัญญากับพวกเราสี่คนเองว่าจะต้องหาเจ้านายของพวกเราให้พบ!”
ถางเปิ่นขุยเอ่ย “เฉิงเสี้ยงผู้สูงส่งคนหนึ่งจะหาคนๆ เดียวไม่พบเลยกระนั้นหรือ ประชากรทั้งหมดในประเทศนี้นับแต่เด็กชายเด็กหญิงที่มีอายุห้าขวบขึ้นไป ล้วนต้องไปลงทะเบียนที่กระทรวงทะเบียนราษฎร์อย่างละเอียดทั้งนั้น ถ้าหากไม่มีบันทึกในกรมทะเบียนราษฎร์ ก็ไม่สำคัญ มีบุคคลประเภทหนึ่ง จะต้องรู้ให้ได้ว่าฝ่าเท้าของใครที่มีปานประทับรูปสี่ดาวสละบัลลังก์!”
ฮัวโหล่หยุนกล่าว “บุคคลใด?”
“หมอตำแย!”
“ทารกทุกคนล้วนต้องมีหมอตำแยทำคลอดให้ เด็กไหนที่เกิดมามีปานประทับที่ฝ่าเท้า หมอตำแยเป็นคนที่รู้แจ้งมากที่สุด เฉิงเสี้ยงพูดมามีหลักการ แต่ว่าใต้หล้านี้มีหมอตำแยตั้งมากโขเท่าไหร่? แล้วจะต้องไปหาใครที่ไหนกันเล่า?”
“พวกเจ้าหาไม่พบ เฉิงเสี้ยงคนนี้ย่อมหาพบเป็นธรรมดา ขอเพียงเฉิงเสี้ยงคนนี้ส่งคำสั่งไปยังทุกรัฐและทุกมณฑลทั่วประเทศเพื่อให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเรียกหมอตำแยในภาคส่วนไปสอบถามให้หมด ครั้นมีหมอตำแยที่ทำคลอดทารกผู้มีปานประทับสี่ดาวสละบัลลังก์ จะต้องรีบรายงานอย่างด่วนที่สุด!”
ฮัวโหล่หยุนพูดด้วยความประหลาดใจ “วิธีนี้ดีนัก! ระบบศักดินารักษาราชวงศ์ อาณาเขตทั้งหลายอยู่ภายใต้ผืนดินแห่งจักรพรรดิ ความคิดนี้ของเฉิงเสี้ยงจะต้องมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน!”
ถางเปิ่นขุยยิ้มอย่างมีเลศนัย “เช่นนั้นก็ปลื้มปรีติอย่างใหญ่หลวงแล้ว? เจ้าทั้งสี่คนช่วยข้าโจมตีร้านจี้โม่ ถึงแม้ระหว่างนั้นจะเปิดความโกลาหล แต่ว่าโชคดีที่พวกเจ้าทั้งสี่ล้วนมีจิตใจภักดี ตัวข้าย่อมไม่อาจปฏิบัติต่อพวกเจ้าไม่ดีเป็นแน่!”
ฮัวโหล่หยุนเอ่ย “เช่นนั้นก็ขอบพระคุณใต้เท้าเฉิงเสี้ยงมากแล้ว!”
ถางเปิ่นขุยเอ่ย “นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าสมควรจะได้รับ ถ้าหากระยะนี้พวกเจ้าไม่มีเรื่องพิเศษอะไรก็อย่าได้เปิดเผยโฉมหน้าง่ายๆ หลีกเลี่ยงการดึงดูดปัญหาที่ไม่จำเป็น ถ้าหากมีข่าวคราวอะไรข้าจะส่งคนไปรายงานพวกเจ้าเอง”
“ขอบคุณเฉิงเสี้ยงมาก”
ฮัวโหล่หยุนรู้ว่าครั้งนี้นับว่ามีนิมิตหมายอันดีแล้ว
เฉิงเสี้ยงผู้สูงส่ง อำนาจคับราชสำนัก!
การตามหาใครสักคน มีใครมากความสามารถไปกว่าเฉิงเสี้ยงกันอีกเล่า?
พวกเขาเฝ้ารอที่ร้านจี้โม่มาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว เจ้านายก็ยังไม่ปรากฏตัวเสียที
ครั้งนี้พวกเขาตัดสินใจเป็นฝ่ายออกล่า!
จะไม่รอคอยอย่างอดทนอีกต่อไปแล้ว
ตอนที่ถางเปิ่นขุยจะออกไปได้ออกบัญชาทีละอย่าง โดยเฉพาะกำชับให้เฉินเปียวดูกล่องเซิ้นอย่างระแวดระวัง
ท้ายที่สุดเฉินเปียวก็เอ่ยอย่างค่อนข้างกระอ่วน “ใต้เท้าเฉิงเสี้ยง เฉินเปียวมีเรื่องๆ หนึ่ง เดิมทีไม่กล้ารบกวนใต้เท้าเฉิงเสี้ยง ทว่ากอปรกับเป็นช่วงเวลาสำคัญ เกรงว่าจะชะลอเรื่องใหญ่ของเฉิงเสี้ยง…”
ถางเปิ่นขุยเอ่ย “เจ้ามีอะไรจะพูดก็พูดออกมาตรงๆ เถิด!”
เฉินเปียวเอ่ย “พักนี้การขนส่งทางน้ำพบปัญหาเล็กน้อย”
“ปัญหาอะไร”
“เฉิงเสี้ยงเคยได้ยินว่าระยะนี้มีกองกำลังที่เรียกว่าสำนักชิงหลงออกมาจากสลัมในเมืองหลวงบ้างหรือไม่”
“เคยได้ยินผ่านๆ อยู่บ้าง ได้ข่าวว่าเป็นเพียงการก่อกวนของเด็กยากจนบางกลุ่มเท่านั้น”
“นี่ไม่ใช่เรื่องการก่อความวุ่นวายขอรับ ตอนนี้สำนักชิงหลงกลายเป็นหนึ่งในสี่สำนักใหญ่แห่งเมืองหลวงไปแล้ว ในแง่ของจำนวนคน สำนักชิงหลงได้แซงอีกสามสำนักไปไกลลิบแล้ว สายลับที่ข้าน้อยส่งตัวไปกลับมารายงานว่าวันที่มากที่สุด มีคนเข้าร่วมสำนักชิงหลงถึงหนึ่งร้อยกว่าคน แรงผลักดันในการพัฒนาราวกับไฟลามทุ่งเชียว…