บทที่ 267 ข้าจะฆ่าเจ้า2
ความเลื่อมใสต่อซินเหยาของส้งหมิ่นได้ถึงขั้นที่ไม่อาจใช้ภาษาบรรยายออกมาได้ นางเพียงแต่คาดหวังว่าจะสามารถมอบพละกำลังอันน้อยนิดของตนเองมาช่วยเหลือซินเหยาไปเพื่อช่วยบำบัดคนยากจนที่ถูกกดขี่เหล่านั้นได้…
นางนั่งอยู่ในรถม้า และศึกษาความคิดความอ่านอันแปลกประหลาดและก้าวหน้าเหล่านั้นที่ซินเหยาเพิ่งจะเอ่ยถึงเมื่อสักครู่…
นางรู้ว่าตอนนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นสิ่งที่นางไร้หนทางทำความเข้าใจได้
แต่นางจะตั้งใจศึกษาทุกถ้อยคำที่ซินเหยาเอ่ย
เพราะว่านางรู้ ทั้งหมดนั้นคือภาษิตทองคำ!
ซินเหยาแต่งหน้าอย่างรวดเร็ว ปลอมตัวอย่างง่ายๆ…
ส้งหมิ่นเดิมทีค่อนข้างอยากถามซินเหยาอย่างใคร่รู้ว่าเหตุใดจึงยังไม่เข้าไป รถม้าได้จอดอยู่ด้านนอกจวนเฉินเปียวตั้งนานแล้ว ส้งชิงและหลัวเสี่ยวหู่เกณฑ์นักรบผู้กล้าห้าสิบนายนำทัพกรูเข้าไปในจวนเฉินเปียวแล้ว…
ครั้นนางเงยหน้า ทันใดนั้นก็พบกับใบหน้าบุรุษผู้อัปลักษณ์ จึงกล่าวด้วยความตกอกตกใจ “ซินเหยา ซินเหยา ท่านก็คือ…”
ซินเหยากล่าวพลางยิ้มน้อยๆ “นี่เรียกว่าปลอมตัวอย่างง่าย!”
“ปลอมตัวอย่างง่าย ก็คือบรรดาเทพารักษ์ในภูเขาแห่งยุทธภพตามตำนานเล่าขานนั่นหรือ”
“นี่ไม่ใช่เทพารักษ์อะไรหรอก และไม่ใช่ทักษะการปลอมกายด้อยคุณภาพในยุทธภพอะไรหรอก ข้าก็คือการปลอมกายอย่างง่ายโดยแท้จริง ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์และทักษะการแต่งหน้าที่ซับซ้อนที่สุดเพื่อให้ได้การเปลี่ยนแปลงทางรูปร่าง ลักษณะใบหน้า และคุณลักษณะพิเศษอื่นๆ ที่เหมาะสมที่สุด…”
“การปลอมตัวอย่างง่าย…แค่เคยได้ยินว่ามีคนประเภทหนึ่งที่สามารถปลอมตัวเป็นอีกคนหนึ่งได้โดยสมบูรณ์”
“เช่นนั้นเจ้ามองข้า ตอนนี้ข้าเหมือนใคร”
“ผู้ชายที่หน้าตาอัปลักษณ์สุดๆ คนหนึ่ง!”
“นี่ไม่ใช่การปลอมตัวอย่างง่ายหรอกหรือ ไม่ต้องใช้เวลาครึ่งชัวโมงในการร่างแบบ เอาล่ะ คุณหนูส้งท่านสามารถกลับไปได้แล้ว! ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่ปลอมกายอย่างง่ายให้ใครก็ตามฟัง ส้งชิงก็ไม่ต้องบอก ข้าจะแอบเข้าไปดูลาดเลา ถ้าหากมีความจำเป็นข้าจะลงมือเข้าช่วย ถ้าหากพวกเขาสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง ข้าก็จะไม่ลงมือแล้ว!”
กล่าวเสร็จ ซินเหยาก็ปราศรัยกับคนขับรถม้าให้ขับรถไปก่อน
นางกอดเสี่ยวป๋านเอาไว้ และค่อยๆ พลิกตัวเข้าไปจากเคหาสน์จวนเฉินเปียว…
เคหาสน์จวนเฉินเปียวนี้ ไม่ถือว่าหรูหรานัก แต่ก็ไม่ได้ใหญ่ธรรมดา ทั่วทุกแห่งเป็นทางเดินวน ปราการเหลี่ยมวิจิตร ศาลาพักริมน้ำ บ่อทะเลสาบสีเขียวใส
บ้านของอันธพาลเล็กๆ คนหนึ่งกลับใหญ่เสียยิ่งกว่าคฤหาสน์ทำเนียบขาวของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีก เฉินเปียวคนนี้จะต้องรีดไถประชาชนไว้จำนวนมากเป็นแน่!
ซินเหยาได้ยินเสียงการต่อสู้ลอยมาจากเบื้องหน้า ก็ค่อยๆ ย่องเข้าไป
นางปีนขึ้นไปบนต้นไม้ขนาดใหญ่ ซ่อนตัวในร่มเงาสีดำ ทอดสายตามองออกไป เห็นเพียงบนเฉลียงทางเดินยาว ส้งชิงและหลัวเสี่ยวหู่นำทัพทหารกล้าห้าสิบนายไปประจัญบานซึ่งๆ หน้า!
จำนวนคนของอีกฝ่ายมีมากว่าหนึ่งร้อยคน เกือบจะเป็นสองเท่าของพวกเขา
แต่ว่าซินเหยาพินิจดูแล้ว ไม่เห็นว่ามียอดฝีมืออะไรในจำนวนคนของอีกฝ่ายเลย…
เพียงแต่แค่เหล้าคนรับใช้ดูแลสวนธรรมดาๆ…
ส้งชิง หลัวเสี่ยวหู่และคนอื่นๆได้เปรียบทางความอาจหาญ ทั้งยังรู้ว่าซินเหยารอเสริมทัพอยู่ด้านนอก ต่อให้ต้องเผชิญกับยอดฝีมือขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ต้องเป็นกังวลใจ ด้วยเหตุนี้นายทหารแต่ละคนจึงมีขวัญกำลังใจสูงและทุ่มสุดกำลัง!
ไม่นานนัก อีกฝ่ายก็ค่อยๆ ต้านทานไม่อยู่เสียแล้ว
ถึงแม้ฝั่งศัตรูจะได้เปรียบทางจำนวนกองกำลัง วรยุทธ์ก็สูงกว่าส้งชิงและคนอื่นๆ อยู่บ้าง
แต่นี่ก็เป็นเพียงคนรับใช้ดูแลสวนที่มีเบี้ยเลี้ยงอันน้อยนิดในแต่ละเดือน ใครจะกล้าโผล่มาเสี่ยงชีวิตข้างหน้าบ้าง? ล้วนอยากซ่อนตัวอยู่ข้างหลังกันทั้งนั้น
ส่วนส้งชิง หลัวเสี่ยวหู่และคนอื่นๆ ยังเด็กและแข็งแรง
พวกเขาล้วนเป็นวัยรุ่นเลือดพล่านที่ต่อสู้เพื่ออิสรภาพ
แต่ละคนล้วนราวกับผู้มีพรสวรรค์อันกล้าหาญราวกับฟาดฟันเลือดไก่เสียอีก
ความแตกต่างอยากมากของกองกำลังทำให้พลังของสองฝ่าย ไม่นานัก กำลังของส้งชิงและคนอื่นๆ ก็ราวกับแรงกดดันที่ไม่อาจขัดขืนได้ บีบบังคับให้ฝ่ายศัตรูล่าถอยตลอดทาง
ซินเหยาแอบคิด “ไม่แปลกใจเลยที่ส้งชิงและหลัวเสี่ยวหู่ตั้งรากฐานในเมืองเขตใต้และเมืองเขตตะวันออกได้ภายในระยะเวลาสองเดือนสั้นๆ นี้ กองกำลังแผ่ขยายทั่วเมืองหลวง ดูเหมือนว่าเด็กหุ่มเลือดร้อนที่กล้าหาญเสี่ยงชีวิตอย่างพวกเขา ทุกคนต่างต่อสู้เพื่อรุดไปข้างหน้า ไม่มีล่าถอยหลังเลยสักคน ผู้กล้าเยี่ยงนี้ จะไม่ให้ศัตรูหวาดกลัวได้อย่างไรกัน”
เคราะห์ดีที่ซินเหยาให้นักดาบซื่อเทียนสอนกระบวนท่าโล่ป้องกันรบคนเต็มเหนี่ยวถูกคนตีไม่เจ็บให้แก่พวกเขาบ้างแล้ว
ไม่เช่นนั้นเด็กหนุ่มเหล่านี้ เกรงว่าจะรับการออกกำลังของยอดฝีมือวรยุทธ์สูงเหล่านั้นไม่ไหวเป็นแน่!
“อย่าได้ถอย! ใครก็ถอยมาอีกก้าวเดียวข้าจะตัดหัวมันเสีย!”
ทันใดนั้น บุรุษรูปร่างสูงใหญ่และท่าทีดุร้ายก็ปรากฏตัวออกมา ในมือกำดาบเล่มใหญ่ไว้แน่น…
ข้างกายของเขายังมีสาวงามผู้ทอรังสีเย็นเฉียบยืนอยู่ด้วยนางหนึ่ง…
“เป็นนาง?”
“ชีวหยุน หนึ่งในนักบอดี้การ์ทั้งสี่?”
“หลังจากศึกในร้านจี้โม่แล้ว ไม่ใช่ว่าพวกนางหลบหนีไปแล้วหรอกหรือ”
“เหตุใดนางถึงปรากฏกายในจวนของอันธพาลเฉินเปียวคนนี้ด้วย”
“ส้งชิงบอกว่าหลายวันนี้มาเฉินเปียวหายอดฝีมือคนหนึ่งไปกำจัดกองกำลังเมืองเขตตะวันตกของสำนักชิงหลง…”
“หรือชีวหยุนจะเป็นยอดฝีมือคนนั้น?”
“มิน่าเล่า…”
“ถ้าหากนักบอดี้การ์ดทั้งสี่ลงมือละก็ ต่อให้ส้งชิงและคนเหล่านี้จะมีจำนวนคนมากเพียงใด ก็คงสู้ไม่ชนะเขาแน่!”
ในที่สุดตอนนี้ซินเหยาก็รู้แล้วว่าทำไมการต่อสู้ของส้งชิงในพื้นที่เมืองเขตตะวันตกจึงตกอยู่ในสถานการณ์อันสิ้นหวัง!
เขาถึงกับยั่วโมโหนักบอดี้การ์ดทั้งสี่เข้าให้แล้ว
“แต่ว่า เหตุใดจึงมีแค่นางคนเดียวเล่า”
ซินเหยาแอบคิดในใจ “นักบอดี้การ์ดทั้งสี่ไม่ใช่ว่าต้องปรากฏตัวพร้อมกันหรอกหรือ”
“ไฉนจึงมีแค่นางคนเดียว”
“นักบอดี้การ์ดอีกสามคนเล่า?”
“หรือว่าจะสอดแนมอยู่ในที่ลับ?”
“แต่ส้งชิงบอกว่าแต่ไรมาก็มีเพียงยอดฝีมือคนเดียวที่ต่อกรกับพวกเขา.