บทที่ 281 หน้าถอดสี2
ทหารพิฆาตพูดตัดบทเขา “ท่านอัครเสนาบดี ด้านนอก ด้านนอกเหมือนจะไฟไหม้แล้วขอรับ จะส่งคนไปดูด้านนอกหรือไม่ขอรับ”
ถางเปิ่นขุยพูดด้วยความโกรธ “ต่อให้ด้านนอกฟ้าถล่มทลาย ข้าก็ไม่สน วันนี้มีหลายคนตายไม่ก็ต้องออกไปหากล่องเหล็ก
หงจู๋พูดเสียงเย็นชา “กลัวแค่เจ้าได้กล่องเหล็กไปแล้ว พวกเราจะตายกันเร็วขึ้น”
ถางเปิ่นขุยกล่าวอย่างดุร้าย “คนปากดีจะตายเร็วขึ้นอีก”
พูดจบ ดาบในมือเขาแทงเข้าไปที่อกหงจู๋อย่างแรง
“อย่า”
ซินเหยาทนดูพวกเขาถูกถางเปิ่นขุยย่ำยีเช่นนี้ไม่ได้ เอามือเปล่าๆปัดดาบในมือถางเปิ่นขุย
“เกร๊ง”
เสียงสะท้อนดังกังวาน ดาบหักเป็นสองท่อน
ถางเปิ่นขุยมองดาบที่หักเป็นสองท่อน แล้วมองซินเหยาด้วยความตกใจ “ระยะห่างไกลขนาดนี้ เจ้ายังมีวรยุทธ์สามารถหักดาบหยกของข้าด้วยมือเปล่าเชียวรึ เจ้า….เจ้า…..หรือว่าเจ้าเป็นปรมาจารย์ขั้นเก้าแล้ว”
ซินเหยายิ้มเย็นชา
ไม่สนใจสักนิด
ถางเปิ่นขุยนึกว่านางยอมรับ ถามด้วยความสงสัย “ไม่ เจ้ากำลังหลอกข้า ข้าเป็นคนตำหนักเสนา มีผู้มีฝีมือคนไหนที่ข้าไม่เคยเจออีก ฝ่ามือเปล่าเมื่อกี้ช่างร้ายกาจ เจ้าเป็นใครกันแน่ มีที่มาอย่างไร ใครส่งเจ้ามา”
ถางเปิ่นขุยเริ่มกลัว….
โลกนี้มันเป็นอะไรไป บ้าไปแล้วหรือ
ทำไมถึงมีปรมาจารย์หนุ่มวัยฉกรรจ์ปรากฏตัว
หรือว่าตำหนักอ๋องโจว๋หรือตระกูลป๋ายแอบเลี้ยงเด็กหนุ่มผู้มีฝีมือขั้นเก้าไว้สองคน
ถ้าเป็นแบบนั้น ตระกูลถางเปิ่นจบแล้ว
ตำหนักอ๋องโจว๋ ศิษย์วัยหนุ่มของตำหนักอ๋องโจว๋ ถางเปิ่นขุยเอาอยู่
โจว๋หวูนเฟิงมีพลังวิชา อยู่แค่ปลายขั้นเจ๊ก ไม่น่าจะถึงขั้นแปด
ผู้มีฝีมือขั้นเก้ารึ
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
และไม่ใช่คนตำหนักอ๋องโจว๋อย่างแน่นอน
ใจถางเปิ่นขุยอยากจะโจมตีตำหนักอ๋องโจว๋ให้พ่าย จึงส่งคนไปสังเกตการณ์ที่ตำหนักอ๋องโจว๋บ่อยๆย่อมรู้ว่าตำหนักอ๋องโจว๋ไม่มีผู้มีฝีมือระดับขั้นเก้า
เป็นไปได้เพียงกลุ่มเดียว ตระกูลป๋าย
เพราะมีเพียงสามตระกูลขุนนางเท่านั้นที่สามารถชุบเลี้ยงผู้มีฝีมือขั้นเก้าได้
ไม่ใช่ตระกูลถางเปิ่น
ไม่ใช่ตระกูลอ๋องโจว๋
ก็ต้องเป็นตระกูลป๋ายแน่ๆ
ถ้าตระกูลป๋ายมีผู้มีฝีมือขั้นเก้าคนใหม่สองคน บวกกับมีปรมาจารย์ตระกูลป๋ายอีกหนึ่งคน ถ้าตระกูลป๋ายมียอดฝีมือสามคน
เช่นนั้นอำนาจที่สร้างมาทั้งหมดจะถูกทำลายจนหมดสิ้น
ตัวเขาที่เป็นอัครเสนาบดีสูญสิ้นทุกอย่างแล้ว
ไม่ว่าใคร ไม่ว่าอำนาจใดในแผ่นดินนี้ ไม่สามารถต้านทานผู้มีฝีมือระดับขั้นเก้าสามคนได้
จะไม่ให้ตระกูลถางเปิ่นหวาดกลัวได้อย่างไรกันเล่า
ซินเหยายิ้มเย็นชา “เจ้ารู้อะไร แค่เจ้าปล่อยสี่คนนี้ไป ข้าจะบอกเจ้าทุกอย่าง”
“ฮึ ตอนนี้ คนที่ข้าอย่าฆ่ามากที่สุดก็คือเจ้า”
แววตาถางเปิ่นขุยแฝงแรงอาฆาต
ศัตรูตัวฉกาจที่เขาเอาไม่ลงคือปรมาจารย์ขั้นสูงคนเดียว…
เขายอมเสียทุกอย่างเพื่อกำจัดเด็กหนุ่มคนนี้
ในใจถางเปิ่นขุยตั้งมั่นเอาไว้แล้ว
เขาดึงดาบของทหารพิฆาตมาชี้ไปที่คอหงจู๋ กล่าวด้วยความโกรธแค้น “ชีวหยูนถ้าเจ้าฆ่าท่านชายหยาว ข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าสี่คนไป ข้าอยู่ต่อหน้าบริวารมากมาย ด้วยคำสัตย์สาบานฐานะเอกอัครเสนาบดี หยาวซินตาย พวกเจ้ารอด ไม่เช่นนั้นสามคนนี้จะตายก่อน เจ้ากับหยาวซินสุดท้ายต้องตายด้วยน้ำมือธนู”
ชีวหยูนจ้องถางเปิ่นขุย กัดริมฝีปากแน่น ตัวสั่น
นางเกลียดตาเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้ อยากจะเอาเขาไปเผาให้สิ้นซาก
แต่ว่า….
สหายทั้งสามของนางอยู่ในกำมือของถางเปิ่นขุย
ถางเปิ่นขุยเริ่มหมดความอดทน “ชีวหยูน ข้าชักจะหมดความอดทนแล้ว ถ้าเจ้าไม่ลงมือ การเล่นครั้งนี้เริ่มไม่สนุกแล้วนะ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งห้าคนให้หมด”
ซินเหยาตะคอกทันที “ชีวหยูน ลงมือ ลงมือ”
ชีวหยูนมองนาง ส่ายหน้าด้วยความลำบากใจ “ไม่ ไม่ ข้าลงมือไม่ได้ ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าอีกแล้ว”
ซินเหยากล่าวด้วยความโกรธ “เจ้าฟังนะ ลงมือ เข้าใจหรือยัง ถ้าเจ้าไม่ลงมือ พวกเราทั้งห้าคนต้องตาย ลงมือ เจ้าอยากเห็นพวกเราตายในกำมือเฒ่าเจ้าเล่ห์รึ”
“ไม่ ข้าไม่ต้องหารให้พวกเจ้าตาย”
“งั้นก็รีบลงมือเร็วเข้า เร็วเข้า ลงมือ อย่าชักช้า”
“ได้ๆ ข้าลงมือ ความโกรธแค้นความแข็งแกร่งของชีวหยูนเริ่มขึ้นแล้ว”
นางยกดาบขึ้นมาฟันลงไปอย่างแรง
“ดี”
ซินเหยาพยักหน้าชื่นชม หลังจากนั้นนางก้มลงหลบดาบชีวหยูน
วรยุทธ์ของชีวหยูนไม่เลว โจมตีจริงจังอย่าได้ประมาท
ซินเหยาหลบ นางพลิกมือกระโดดขึ้นมา ปลายดาบฟันตรงเข่าซินเหยา…
“อั่ก”
ซินเหยาร้องด้วยความเจ็บปวด
ท่าทางนางกำลังจะตกพื้น แต่กลับพุ่งตัวเข้าหาถางเปิ่นขุย
“เล๋ยถิงพีลี่”
ถางเปิ่นขุยตะโกนเสียงดัง ถอยไปหลายสิบก้าว
เล๋ยถิงพีลี่พุ่งเข้ามาด้านหน้า สองคนสี่ฝ่ามือทะยานออกมา
ซินเหยาส่งฝ่ามือกลับ
“ปั้ง”
สี่ฝ่ามือรับต่อ เล๋ยถิงพีลี่สองคนถูกพลังของนาซัดใส่อย่างแรงจนถอยไปหลายก้าว มุมปากเลือดซึม…..
ซินเหยาลงบนพื้นอย่างสงบนิ่งเหมือนเทพ
เมื่อกี้นางได้โอกาสจู่โจมถางเปิ่นขุยสมบูรณ์แบบที่สุด