บทที่ 307 เรื่องราวเมื่อสามปีก่อน2
ซินเหยาเอ่ย “ถ้อยคำนี้จะพูดว่าอย่างไร”
ฮัวโหล่หยุนพูด “สามปีก่อน! มีนักฆ่าที่ทรงพลังจำนวนมากในยุทธภพมาแก้แค้นที่ร้านจี้โม่!”
“นักฆ่ากลุ่มนี้ไม่เพียงแต่วิทยายุทธ์แกร่งกล้า อีกทั้งยังมาพร้อมความคับแค้นใจ!”
“ตอนนั้น…”
“ร้านจี้โม่มีนักอาคมชายวัยกลางคนเชินกงถูแฝงตัวมีเป็นสายลับสังหารสมาชิกครอบครัวที่เป็นผู้หญิงของสำนักดาบใหญ่ต่างๆ จำนวนมาก ต่อมาจึงสร้างความคับแค้นใจไปทั่วยุทธภพและมีซ่อนตัวอยู่ร้านจี้โม่…”
“ร้านจี้โม่มีกฎเหล็กข้อหนึ่งเสมอมา!”
“ผู้ใดก็ตามหากเข้ามาล้วนเป็นแขกทรงเกียรติ!”
“ไม่ว่าจะมีความคับแค้นขุ่นข้องหมองใจใดๆ ก็ไม่สามารถใช้กำลังภายในร้านจี้โม่ได้!”
“เรื่องที่อยู่นอกเหนือของเขตอิทธิพลของร้านจี้โม่สามารถตัดสินใจแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง”
“แต่ว่าเชินกงถูผู้นั้นมาซ่อนตัวในร้านจี้โม่แล้ว ทั้งยังนำทรัพย์สมบัติเงินทองที่ช่วงชิงมาจำนวนมากมาด้วย หมายจะพำนักในร้านจี้โม่สักแปดปีสิบปีไม่ออกยอมไปไหน!”
“คนผู้นั้นมุ่งมั่นที่จะลี้ภัยอยู่ในร้านจี้โม่ให้ได้!”
“นักฆ่าที่ได้รับการจ้างวานจากครอบครัวผู้ถูกกระทำจำนวนมากเหล่านั้น มาด้วยจิตใจแน่วแน่ที่จะทวงความยุติธรรมและปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วง…”
“แต่ว่าเมื่อมาถึงร้านจี้โม่ พวกเขามิอาจลงมือได้!”
“เชิงกงถูก็ไม่ยอมออกมา!”
“ดังนั้นจึงยืดเยื้อเยี่ยงนี้ต่อไปเรื่อยๆ!”
“แต่ว่าเชินกงถูผู้นั้นเลวทรามต่ำช้าจริงๆ แม้ว่ามันจะซ่อนตัวอยู่ในร้านจี้โม่ก็ไประรานแขกคนอื่นจนเขาไม่พอใจและกีดกันสถานที่…”
“แขกทั้งหมดจึงรู้สึกโกรธมากกับวิธีการผิดจรรยาบรรณของร้านจี้โม่ บางคนถึงกับขู่ว่าจะทำลายร้านจี้โม่ให้ย่อยยับ…”
“ร้านจี้โม่โอบอุ้มคนชั่วช้าเช่นนี้ เดิมทีก็เป็นความผิดอยู่แล้ว”
“อีกทั้งเมื่อเผชิญหน้ากับความโกรธของฝูงชนก็ยังคงไม่ยอมกฎ ยิ่งทวีความโกรธให้แก่บรรดาแขกและนักฆ่าเหล่านั้น…”
“สถานการณ์ในครานั้น ถึงขั้นที่ไม่อาจถอยกลับ!”
“ร้านจี้โม่ถึงแม้จะมีกองกำลังปราบปรามที่แข็งแกร่งมาก”
“แต่ว่าฝูงชนโกรธแค้นยากจะลงมือ และอีกฝ่ายก็มีจำนวนคนและกองกำลังคับแน่น ซ้ำยังยึดครองความยุติธรรมและหลักเหตุผล!”
“ความเป็นตายของร้านจี้โม่แขวนอยู่บนเส้นด้าย…”
“แขกทั้งหมดขู่ว่าถ้าหากปฏิเสธที่จะเปลี่ยนกฎ ให้นักฆ่าเหล่านั้นบุกจับกุมเชินกงถูด้วยตนเอง พวกเขาจะเผาร้านจี้โม่ให้มอดไหม้!”
“ต่อมา…”
“เถ้าแก่จินไปที่คุกใต้น้ำ…”
“หลังจากที่เถ้าแก่จินออกมาจากคุกใต้น้ำ ก็คิดหาวิธีไกล่เกลี่ยได้!”
ฮัวโหล่หยุนเล่าเรื่องราวเมื่อสามปีก่อนให้ดูสมจริงสมจังด้วยน้ำคำเดียว…
ซินเหยาได้ฟังก็ทั้งรู้สึกทึ่งและอยากรู้อยากเห็น พลางไซ้ถาม “ดูท่าโอหยางซิงเฉินคงไม่ยอมเปลี่ยนกฎของร้านจี้โม่เป็นแน่! ไม่เช่นนั้นละก็ กฎของร้านจี้โม่ยังไม่ดำรงอยู่จวบจนปัจจุบันนี้!”
ฮัวโหล่หยุนพยักหน้า ก่อนเอ่ย “ใช่! ตอนนั้นจุดยืนของร้านจี้โม่ก็เป็นเช่นนี้ ในเมื่อตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมา ก็จะต้องรักษากฎเอาไว้! ครั้นแหกกฎแล้วหนึ่งครั้ง ก็จะสูญเสียศักดิ์ศรีไปตั้งแต่ครานั้น!”
ซินเหยาเอ่ย “ความยุติธรรมและศักดิ์ศรี ย่อมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง! ถ้าหากร้านจี้โม่เลือกความยุติธรรม ละทิ้งศักดิ์ศรี นับจากนี้เป็นต้นไปชื่อเสียงก็จะเสื่อมถอย และไม่มีใครเห็นร้านจี้โม่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไปแล้ว!”
ฮัวโหล่หยุนกล่าว “เดิมทีพวกเรานักบอดี้การ์ดสี่คนเตรียมรับมือกับความตายไว้พร้อมกับความเป็นตายของร้านจี้โม่อยู่แล้ว”
ซินเหยาเอ่ย “ดูเหมือนว่านี่จะเป็นทางเลือกที่ยากมากจริงๆ เกรงว่าต่อให้เป็นข้า ก็ยากจะคิดหาวิธีแก้ไข!”
เจี้ยนหารยีพูดอย่างเยือกเย็น “ไม่มีวิธีการใดๆ ให้แก้ไขปัญหาเลยสักนิด! มีเพียงสองทาง หนึ่ง ประนีประนอม นี่ก็เป็นการละทิ้งศักดิ์ศรี ร้านจี้โม่คงจบเห่แล้ว สอง เผชิญหน้า! นี่ก็จะเป็นการผิดใจผู้คนในยุทธภพใต้หล้า ร้านจี้โม่ก็คงจบเห่อีกเช่นกัน!”
ซินเหยาถาม “ไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วโอหยางซิงเฉินนึกหาวิธีแก้ปัญหาอะไรได้”
เจี้ยนหารยีกลับไม่เอ่ยวาจาเสียแล้ว
ฮัวโหล่หยุนรับคำต่อ “เถ้าแก่จินประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่าเพื่อระงับความเดือดดาลของเหล่าประชา ร้านจี้โม่จะต้องคิดหาวิธีที่สมบูรณ์แบบที่สุดต่อทั้งสองฝ่าย แต่ว่ากฎเกรณฑ์ของร้านจี้โม่นั้นมิอาจเป็นโมฆะได้ แต่เพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหา เขาพูดว่าขอเชิญเชินกงถูและบรรดานักฆ่าเหล่านั้นไปที่โถงด้านในเพื่อหารือเกี่ยวกับทางออกที่ยอมรับกันได้ทั้งสองฝ่าย…”
ซินเหยาเอ่ย “ไม่เป็นก็ต้องตาย ยังจะมีวิธีที่สมบูรณ์แบบกันทั้งสองฝ่ายอยู่หรือ”
ฮัวโหล่หยุนพูด “มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสองฝ่ายอย่างแน่นอน! หลังจากที่ไปโถงด้านหลังหนึ่งชั่วยาม เถ้าแก่จินก็ออกมาประกาศว่านักฆ่าได้ตัดมือทั้งสองข้างของเชินกงถูขาดและควักลูกตาหนึ่งคู่ของเขาบอดไปแล้วเรียบร้อย และนักฆ่าเหล่านั้นก็บรรลุภารกิจจึงยอมกลับไป!”
ซินเหยากล่าว “นี่น่าจะไม่ใช่เรื่องจริงกระมัง”
ฮัวโหล่หยุนเอ่ย “คนนอกก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ไม่มีใครมีหลักฐานมาโต้แย้งได้ แต่เชินกงถูและนักฆ่าเหล่านั้นต่างก็อันตรธานหายไปจริงๆ”
ซินเหยากล่าว “พายุสลายไปแล้วจึงมองไม่เห็น โอหยางซิงเฉินนั้นหลักแหลมเสียจริง แต่สรุปแล้วเขาจัดการอย่างไรกันแน่ จะต้องมีข้อมูลภายในแน่ๆ!”
ฮัวโหล่หยุนเอ่ย “พวกเขาตายไปกันหมดแล้ว!”
ซินเหยาตกใจ สีหน้าเต็มไปด้วยแววไม่อยากจะเชื่อ “โอยางซิงเฉินฆ่าพวกเขาแล้วเชียวหรือ”
ฮัวโหล่หยุนพูด “ตอนนั้นพวกเราก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าคนเหล่านี้ แต่ว่าหลังจากคนเหล่านี้ไปที่โถงด้านหลังแล้ว ก็ไม่เคยได้ออกมาอีกเลย หลังจากผ่านไปหลายวัน องครักษ์ด้านในก็แอบแบกศพพวกนั้นไปฝังในหลุมฝังศพ!”
เจี้ยนหารยีกล่าว “ตอนนั้นพวกเขาก็แอบตามไป รอพวกเขาออกจากหลุมฝังศพไปแล้ว ก็พบว่าเป็นร่างของเชินกงถูและศพเหล่านั้นจริงๆ ด้วย!”
ซินเหยาพูดด้วยความตกใจ “โอหยางซิงเฉินฆ่าพวกเขา? นี่…นี่ทำไมมันถึงได้แตกต่างจากโอหยางซิงเฉินที่ข้าเคยรู้จักมากมายขนาดนี้”
เจี้ยนหารยีพูด “ตอนแรกพวกเราก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนฆ่า เพียงแต่รู้สึกตงิดๆ แต่ว่าพวกเรามั่นใจว่าจะต้องมีความลับที่มิอาจบอกใครได้ในคุกใต้น้ำนั้นเป็นแน่ ดังนั้นตอนแรกที่เฉิงเสี้ยงขอให้พวกเราทรยศร้านจี้โม่นั้น หงจู๋จึงล่อคุณชายโจว๋หยุนถิงไปสืบข่าวที่คุกใต้น้ำนั่นเอง!”