นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก – ตอนที่ 469

ตอนที่ 469

บทที่ 469 ความลับที่ไม่มีใครรู้2

“อื้อ” นางอยากร้อง แต่กลับขยับปากไม่ได้ ทำได้เพียงร้องตะโกนในใจ หลับตาแน่นรอความตายมาเยือน กลับพบว่าเจ้าตัวนั้นแลบลิ้นมาเลียตนอย่างสนิทสนม

“ฮ่าๆ” นางที่ค่อนข้างขี้ขลาดอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆๆ ดูสิทำไมเจ้ายังไม่ตื่น” เสียงที่ลอยมาจากข้างกายนั้นขัดจังหวะความฝันของนางลง

เมื่อลืมตาขึ้นคราวนี้นางจึงคิดขึ้นได้ว่าตนเข้ามาในจวนโก๋กงแล้ว พลิกกายลุกขึ้นนั่ง นางจึงมองเห็นหญ้าบนมือของเสี่ยวชุ่ย มิน่าเล่านางถึงได้รู้สึกคันๆ ที่แท้เด็กสาวคนนี้ก็เล่นพิเรนทร์นี่เอง

“ยังไม่รีบลุกขึ้นมาอีก วันนี้มีงานต้องทำน้า” เสี่ยวชุ่ยดูเหมือนจะไม่ได้หมดเรี่ยวแรง ทั้งที่เมื่อวานคนที่สนุกสนานขนาดนั้นก็คือนาง ความตื่นเต้นนี้ช่างยาวนานเสียจริงๆ

“อื้อ ข้าตื่นเดี๋ยวนี้แหละ” ถึงแม้ไม่ค่อยมีอะไรจะพูด ซินเหยาเองก็ไม่ได้พูดมาก แต่การฟังคำพูดของเสี่ยวชุ่ยนั้นก็ถือว่าผ่อนคลายลงบ้าง แน่นอนว่านางไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ เลย

“ปึงปึงปึง แม่นางซินเหยาอยู่ไหม” สาวใช้งดงามคนหนึ่งเดินเข้ามาสายตามองตรงไปที่เรือนกายของซินเหยา

“เป็นข้าน้อยเอง” ผู้มาใหม่ จำต้องมีตลอดกาลนั่นก็คือมารยาท เมื่อวานนางเคยเห็นผู้ที่เข้ามาคนนี้ เป็นผู้ติดตามข้างกายฮูหยินใหญ่นั่นเอง

“เป็นเจ้าสินะ อืม ไม่เลว” เด็กสาวคนนี้พอผ่านประตูเข้ามาก็มองเห็นซินเหยาเข้าจึงเอ่ยวาจาเช่นนี้

ความเคลือบแคลงผ่านพ้นไป ซินเหยาก้มกายและแย้มยิ้ม “ขออนุญาตถามว่าหาข้าน้อยมีธุระอะไรหรือ”

“ฮูหยินใหญ่เรียกพบ”

เป็นฮูหยินใหญ่อีกแล้ว ซินเหยาพบว่าตนเองเป็นอะไรไป ทั้งๆ ที่นางไม่ได้ทำอะไรเลย แต่กลับหาเรื่องฮูหยินใหญ่เสียแล้ว

จัดแจงแต่งกายตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็ตามคนที่รออยู่หน้าประตูเดินไปทางที่พำนักของฮูหยินใหญ่ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวชุ่ยคนนั้นดูไม่แปลกใจอะไรเลยที่นางถูกฮูหยินใหญ่เรียกไปพบ รู้สึกราวกับมันสมเหตุสมผล ซ้ำยังขยิบตาให้นางอีก

“ข้าน้อยซินเหยาคารวะฮูหยินใหญ่ ฮูหยินสุขภาพแข็งแรง” มองยังผู้ที่นั่งจิบชาตรงตำแหน่งหลัก ซินเหยาก็ก้มหน้าเดินเข้าไป

ฮูหยินใหญ่ดูเหมือนไม่ได้ยิน ทำเพียงใช้ฝาครอบแก้วคว้านใบชาที่ลอยอยู่เบื้องหน้า เปลือกตาไม่ได้เหลือบขึ้นเลย

เพียงแต่การเป็นคนใช้ก็มักจะเป็นเช่นนี้ เจ้านายไม่เอ่ยปาก นางก็ไม่มีสิที่บอกว่าไม่ไปตลอดกาล แม้ว่าชาถ้วยนี้จะดื่มเสร็จแล้ว แต่นางยังคงไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้

ถึงแม้จะไม่คุ้นชินกับการที่ต้องคุกเข่าต่อหน้าเจ้านายระดับใหญ่ที่คุ้นเคยกับการไม่แยแสผู้คนสักเท่าไหร่ แต่ว่าซินเหยาเข้าใจดีว่าสาเหตุที่ต้องทำเพื่อความอยู่นั้นคืออะไร เชื่อฟัง สงบและเงียบขรึม

“เคร้ง” แก้วชากระทบลงบนโต๊ะเบาๆ เกิดเสียงดังเล็กน้อย ในที่สุดฮูหยินใหญ่ก็เหลือบเปลือกตาขึ้น หลุบตามองสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่ต่อหน้า มองไปที่คนที่ไม่ส่งเสียงสักแอะแม้กระทั่งสีหน้ายังไม่เคยเปลี่ยนเลยตั้งแต่เข้ามาจนตอนนี้ บนใบหน้านั้นผุดเผยสิ่งที่เรียกว่าชมเชยออกมาน้อยๆ

“ได้ยินเด็กต้นหญ้าเอ่ยถึงเจ้า ข้ายังคิดว่านางรับผลประโยชน์อะไรไปถึงได้ดูชื่นชอบผู้ที่มาใหม่ขนาดนี้ ตอนนี้ดูท่าเจ้ายังคงไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวังเสียจริงๆ สินะ” ในที่สุดดอกพิกุลทองก็เบ่งบาน น้ำเสียงนั้นอบอุ่นละมุน แม้กระทั่งสีหน้าก็ไม่ได้เคร่งขรึมเหมือนกับในห้องโถงใหญ่เลย

ดูท่านางไม่ได้เดาผิด ต้นหญ้าแนะนำตนให้แก่ฮูหยินใหญ่ เพียงแต่ฮูหยินใหญ่คนนี้กลับดูเหมือนครุ่นคิดไม่ตก อย่างไรเสียเรื่องราวของตนในวันนั้นก็ได้อธิบายกับต้นหญ้าไปชัดเจนแล้ว ไฉน…

“ข้าน้อยเกิดมาหยาบกร้าน สามารถเข้าตาพี่ต้นหญ้าได้ก็นับว่าเป็นวาสนาอย่างถึงที่สุดแล้ว วันนี้ยังได้รับความเมตตาจากฮูหยินใหญ่อีก ช่างเป็นพรที่ตกทอดมาสู่ตระกูลข้าน้อยยิ่งนัก” ค่อยๆ เงยหน้าและพยักหน้าเล็กน้อย แต่ละถ้อยคำของซินเหยาแสดงถึงความซาบซึ้งใจออกมา

“ฮ่าๆ ดูสิเจ้าปากหวานจริงๆ อัยยะ ช่างเป็นคนที่ขาดความเป็นตัวเองเสียจริงๆ” รอยยิ้มของฮูหยินใหญ่นี้ แย้มยิ้มเสียจนคล้ายดอกไม้หยกน้ำงาม เด็กสาวคนนี้ช่างเป็นคนที่เฉลียวฉลาดนัก ไม่เช่นนั้นจะมีความแม่นยำในการเอ่ยวาจาเสียขนาดนั้นได้อย่างไรกัน

“อัย” ลอบทอดถอนใจ เมื่อครู่ยังดูมีความสุขอยู่แท้ๆ ฮูหยินท่านนี้กลับเปลี่ยนอารมณ์โดยฉับพลัน “ถ้อยวาจานี้พูดมาก็น่าฟัง ย่อมต้องได้รับความโปรดปรานจากเจ้านายขึ้นไปอีก แต่ว่ายังต้องดูว่าสมควรหรือไม่ตอนไหน อย่าได้คิดจะอาศัยของพวกนี้และจะยกหางขึ้นได้ เจ้าหนอ ข้าก็จับตามองดูแล้ว ไปสถานที่ที่ต้นหญ้าจัดการให้ในครั้งก่อน แต่ว่าไม่ได้ให้เจ้าไปทำความสะอาดเฉยๆ นะ สำรับอาหารในทุกๆ วันก็ต้องให้เจ้าไปส่งที่นั่นด้วย”

ส่งอาหาร? ซินเหยาค่อนข้างตกใจ ที่นั่นมีคนอยู่เสียที่ไหน แต่ทำไมครั้งก่อนนางถึงรู้สึกว่าที่นั่นเงียบขนาดนั้น เงียบจนวังเวง วังเวงเข้าไปในไขกระดูก ลอบมองสีหน้าของฮูหยิน นอกจากการขมวดคิ้วเมื่อรู้แล้ว ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ใดๆ เลย

“ได้อยู่ในจวนโก๋กงและทำงานที่นี่นับว่าเป็นพรของซินเหยาแล้ว เรื่องอื่นนั้นให้ฮูหยินใหญ่เป็นคนจัดการเถิดเจ้าค่ะ” เมื่อโขกศีรษะ หน้าผากของซินเหยากระทบลงบนพื้นไม้เย็นเยียบ และปลุกส่วนสมองของนางให้ตื่น นางต้องตื่นตัวและระมัดระวัง เช่นนี้จึงจะทำให้สามารถทำงานทั้งหมดได้เป็นอย่างดี

“รู้ว่าต้องเรียกให้เจ้าไปทำเรื่องนี้ก็รู้สึกผิดต่อเจ้าไม่น้อย ถึงแม้เจ้าจะมาจากชนบท มิอาจเทียบกับชนชั้นสูงได้ แต่วันนั้นหลิงเฉี่ยวบอกว่าเจ้าปักดอกไม้ออกมาก็รู้ว่าเจ้าฉลาดแค่ไหน ทำงานไปตามใจก็สามารถทำให้เจ้านายมีความสุขได้ เอาล่ะ เจ้าออกไปก่อนเถิด ทำดีแล้ว คนเป็นนายอย่างพวกเราก็คอบจับตามองอยู่” กล่าวจบก็โบกมือ และจากไปโดยมีสาวใช้ข้างกายพยุง

อันที่จริงการจัดการเช่นนี้ นับว่าซินเหยามีความสุขนัก ก็ดีกว่าต้องไปแก่งแย่งกับคนอื่นๆ ซ้ำยังต้องคอยสังเกตสีหน้าของเจ้านายเดิมทีก็ทำให้คนที่รักสงบอย่างนางลำบากใจอยู่แล้ว แต่ว่าประโยคสุดท้ายนั่นของฮูหยินใหญ่ ทำได้ดีก็คอบจับตาอยู่ มันหมายความถ้าทำไม่ได้ก็มีดวงตาคอบจับจ้องอยู่เช่นเดียวกัน ฮูหยินใหญ่คนนี้คงไม่ใช่พวกที่มีใจอารีไหร่นัก

ยกสำรับอาหารพลาง ซินเหยาสาวเท้าเดินไปยังเรือนหลังนั้น ตอนนั้นบนใบหน้าของนางไม่มีการแสดงอารมณ์ใดๆ ดูเหมือนกับไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับนาง แต่ว่าทุกครั้งที่เดินผ่านเจ้านาย นางกลับตอบสนองได้ทันการ คุกกายคารวะแช่มช้า แต่กลับไม่ทำให้ผู้คนเกิดความสนใจต่อนางได้

นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก

นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก

Status: Ongoing

ซินเหยาเป็นสายลับผู้อัจฉริยะ แต่ในการทำภาจกิจครั้งแรกกลับล้มเหลวแล้วได้ข้ามภพตกลงบนเตียงของฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้อำมหิตที่กำลังทำเรื่องนั้นอยู่ต้องหยุดลง ซินเหยาที่โดนวางยาโป๊นึกว่าฮ่องเต้เป็นคนขายบริการพิเศษ หลังเสร็จเรื่องก็ทิ้งเงินไว้แล้วจากไป ซึ่งทำให้ฮ่องเต้รู้สึกความมีเกียรติของเขาถูกเหยียดหยาม ผู้หญิงคนนี้มากเกินไปแล้วไหม แต่สำหรับนางแล้วฮ่องเต้อำมหิตคืนคนที่เอาไว้มาทรมาน เงินเอาไว้มาใช้ วรยุทธเอาไว้มารังแกผู้อ่อนแอ ส่วนความสวยนั้นก็เอามายั่วผู้ชายสิ…..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท