นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก – ตอนที่ 748

ตอนที่ 748

ตอนที่ 748 หลงกลแล้ว

ก้วยตี๋จือเช็คปากที่เลอะน้ำมัน “อ่อ ยังไม่จ่ายเงิน” คำถามนี้ถามเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ว่าต้องจ่ายเงิน นึกถึงเมื่อก่อนเขาไม่เคยจ่ายเงินเลยจริงๆ เริ่มแรกเลยเขาเป็นจอมยุทธใหญ่ไปถึงไหนก็มีคนจ่าย ต่อจากนั้นเขาก็ปิดชื่อปิดแซ่และน้อยครั้งนักที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับยุทธภพ ทุกครั้งก็ยังมีลูกศิษย์ของตนไหนเลยจะเคยใช้เงิน ดังนั้นเขาไม่ค่อยรู้ในเรื่องนี้จริงๆแต่อีกเหตุผลหนึ่งคือเขาตั้งใจ

เสี่ยวเอ้อได้ยินกินแล้วไม่จ่ายเงินใบหน้าที่ยิ้มแย้มก็หายไปทันที แล้วปรากฏเป็นใบหน้าที่ดุขึ้นมา

“ลุงรีบจ่ายเงินมาไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าพวกเรารังแกคนแก่”

เสี่ยวเอ้อพูดไปพลางดึงแขนเสื้อขึ้นราวกับจะหาเรื่องกันยังไงอย่างนั้น

ถึงแม้ว่าฮงโต้วจะสูญเสียความทรงจำไป แต่พอเห็นท่าทีนี้ของเขา แล้วมองดูเสี่ยวเอ้อ นางรู้สึกมีความสุข ชอบที่เห็นเขารู้สึกลำบาก ที่จริงแล้วนางไม่ได้รู้สึกต่อต้านหรือคัดค้านที่จะอยู่กับคนแก่คนนี้ อีกอย่างเขาดูแลนางดีเหมือนกัน

คนแก่มองดูสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มของฮงโต้ว ถึงแม้เขาจะกดจุดของนางเอาไว้อย่างแรง แต่เขารู้ว่าฮงโต้วอยากหัวเราะ

“เสี่ยวเอ้อเจ้าอย่าเสียมารยาทสิ ข้าบอกไม่จ่ายเงิน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่จ่าย เจ้านี่จริงๆเลย” มองดูฮงโต้วที่อยากยิ้ม เขายังคงแกล้งแสร้งแสดงต่อไป ใครจะไปรู้ว่าเขามีหรือไม่มีเงินจริงๆ

เสี่ยวเอ้อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ สีหน้าก็ผ่อนคลายลงแต่น้ำเสียงที่พูดยังคงฟังดูแข็งๆ “ไม่รีบบอกมีเงินก็จ่ายมาสิ ทำให้คนเข้าใจผิดทำไม”

ที่จริงแล้วก้วยตี๋จือรู้สึกโกรธเสี่ยวเอ้อในใจ ขนาดว่าถ้าเป็นเวลาปกติ หัวของเสี่ยวเอ้อคงหลุดจากบ่าแล้ว แต่ตอนนี้เขามีธุระ ดังนั้งถึงได้ต้องอดทนขนาดนี้

ก้วยตี๋จือลูบหนวดของตนเอง หัวเราะอย่างใจดีแล้วพูดขึ้นว่า “แต่เงินนี้ไม่ใช่ว่าจะจ่ายตอนนี้หรอกนะ เงินนี้ให้ขึ้นบัญชีของตู้เจิ้งหย่วนนั่นแล้วกัน ข้ารู้จักกับเขา เขายังต้องเรียกข้าว่าผู้เฒ่า ” ก้วยตี๋จือยิ่งพูดก็ยิ่งภูมิใจ แล้วนั่งลงบนโต๊ะข้างๆ อย่างไม่เคารพตนเอง

เสี่ยวเอ้อโกรธชี้หน้าก้วยตี๋จือแล้วพูดขึ้นว่า “ข้าว่าลุง เจ้าเองก็อายุขนาดนี้แล้ว อย่างคิดอยู่แต่เรื่องขอกินขอดื่มแบบนี้เลย ใครๆก็รู้ว่าตู้เจิ้งหย่วนคือคนใจดีใจบุญ เรียกเจ้าเป็นผู้เฒ่าก็เพราะเขามีมารยาท เจ้ากลับคิดว่าตนเองสำคัญจริงๆ รีบจ่ายเงินมาถ้าไม่จ่ายเงินมาก็อย่าคิดหนีไปจากที่นี่” เสี่ยวเอ้อคิดอยู่ครู่หนึ่ง เดิมคิดว่าจะให้แม่นางคนนี้อยู่ แต่ก็กลับรู้สึกเห็นใจแม่นางคนนี้ เดิมก็ลำบากถูกจับแล้ว ถ้าหากตาแก่คนนี้ทำอะไรนางล่ะก็ งั้นก็น่าเสียดายมาก หญิงสาวที่สวยงามขนาดนี้

ก้วยตี๋จือไม่โกรธ นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ “จะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจเจ้า ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ก็ไปตามตู้เจิ้งหย่วนมา พามาเจอหน้าก็พอ กลัวก็แต่ว่าเจ้าจะไม่กล้าเท่านั้นแหละ”

พูดไป ก้วยตี๋จือก็หยิบเหล้าจากถุงในอกเสื้อออกมาดื่ม สีหน้าสบายอารมณ์ยิ่งนัก

คนหนุ่มนั้นน่าสนุกจริงๆ วิธีนี้ของคนเขาใช้ได้ผลจริงๆ

เสี่ยวเอ้อรู้สึกไม่ค่อยพอใจ อ้าปากแต่ก็หุบปากลง แล้วลูบไปที่อกเบาๆ “ข้าจะบอกเจ้าความจริงนั้นย่อมชนะการพูดโอ้อวด ถ้าไปหาคนมาเจอเจ้าจริงๆ ถ้าหากคุณชายเสื้อขาวไม่รู้จักเจ้าจริงๆ เจ้าไม่ได้เป็นผู้เฒ่าของเขา เจ้าจะว่าอย่างไร”

หลงกลแล้ว ก้วยตี๋จือรู้สึกดีใจ ก็เลยพูดอย่างมั่นใจเข้าไปอีกว่า “พอถึงตอนนั้นข้าจะจ่ายให้สิบเท่ากับจะยกแม่นางคนนี้ให้เจ้า”

ก้วยตี๋จือพูดออกมาแน่นอนว่าไม่กลัว อย่าพึ่งพูดถึงว่าตู้เจิ้งหย่วนจะยอมหรือไม่ยอมรับ เขาก็ไม่ยอมยกฮงโต้วให้หรอก ครั้งนี้เขาทำไปก็เพื่อนให้ได้เจอกับตู้เจิ้งหย่วน วรยุทธของเขา ถ้าจะไปจริงคนพวกนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรอกดังนั้นเขาจึงพูดออกไปอย่างไม่ต้องคิดอะไร

แต่สีหน้าของฮงโต้วนั้นเขียวดำไปหมด โกรธในใจ ขอเก็บคืนความรู้สึกดีๆที่มีให้ตาเฒ่าคนนี้เมื่อครู่นี้ จะยกนางให้เสี่ยวเอ้อ พอมองดูเสี่ยวเอ้อ ที่น่ารังเกียจ ถึงจะรู้สึกลำบากแต่ตนเองก็ขยับตัวไม่ได้ฮงโต้วจึงได้แต่โกรธโมโห แต่ที่น่าเสียดายคือความทรงจำของตนเอง

เสี่ยวเอ้อได้ยินถึงของพนันแววตาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที หันมามองฮงโต้วแล้วอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้

“ได้สัญญา”

พูดไป เสี่ยวเอ้อก็ปล่อยตนเองแล้วไปตามหา ต้องหาให้เจอตู้เจิ้งหย่วนครั้งนี้ก็ขอให้ตู้เจิ้งหย่วนอยู่ในเมื่อนี้เถอะ

ตู้เจิ้งหย่วนพึ่งจะลงจากหุบเขามา เดิมก็ไม่มีเรื่องอะไรเลยคิดว่าจะมาที่เมื่อนี้เพื่อมาดูโรงเตี้ยมของตนเอง ตอนนี้เขาคงเป็นคนว่างที่สุดในใต้หล้านี้แล้ว พอนึกถึงแล้วก็รู้สึกว่ามันน่าเบื่อเหมือนกัน ในหัวกลับนึกถึงแต่ซินเหยา

“นายน้อยไม่นั่งเกี้ยวหรือ”

ผู่ยวนก้มลงข้างๆกายตู้เจิ้งหย่วนนั่นคือการให้ความเคารพยิ่ง

ตู้เจิ้งหย่วนมองดูช่างเป็นเวลาที่สวยงามยิ่งนัก หากพลาดทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้แล้วนั่งบนเกี้ยวก็คงน่าเสียดายแย่ เขาส่ายหัวแล้วเดินบนถนนใหญ่ต่อไป

เพราะไม่รีบ ตู้เจิ้งหย่วนจึงไม่ได้รีบร้อนอะไร ค่อยๆเดินบนถนนมองซ้ายมองขวา ท่าทีนี้ของเขาเป็นที่ดึงดูดสายตาผู้คนนัก

“หลีกทางหน่อย หลีกทางหน่อย”

คนนี้ก็คือเสี่ยวเอ้อที่อยู่ที่โรงเตี้ยมเมื่อครู่ นึกถึงของที่ตนเองจะได้รับเขาก็ดีใจยิ่งนัก ต้องรู้ว่าตู้เจิ้งหย่วนคือเจ้าของโรงเตี้ยมนี้ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณชายจะไปรู้จักกับคนแก่อย่างนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องการที่จะให้ตู้เจิ้งหย่วนไปเปิดโปงเจ้าคนที่กินแล้วไม่จ่ายเงินนี้

ไม่คิดว่าเสี่ยวเอ้อจะวิ่งตรงไปที่บ้านที่ตู้เจิ้งหย่วนพัก วิ่งพุ่งไปอย่างไม่สนใจอะไร ส่วนตู้เจิ้งหย่วนเองก็อารมณ์ดีมากในเวลานี้ มองซ้ายมองขวา เดินไปอย่างไม่รีบไม่เร่ง ถ้าหากเป็นคนปกติธรรมดาคงไม่เดินมาชนเขาแน่ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับเสี่ยวเอ้อที่วิ่งอย่างบ้าบิ่นขนาดนี้

“นายน้อยระวัง”

ผู่ยวนดูท่าไม่ดีก็รีบกระโดดเข้ามาคิดอยากจะดึงตู้เจิ้งหย่วนหนี

ตู้เจิ้งหย่วนได้ยินก็หันมาดู เห็นเพียงเงาคนคนหนึ่งวิ่งตรงมาจะชนตนเอง เขาหลบเหมือนว่าจะขยับเท้าไปหลายก้าวเช่นกัน ทุกคนยังไม่ทันได้สังเกต เสี่ยวเอ้อที่คิดว่าคงจะต้องชนแล้ว คิดไม่ถึงว่าคนคนนั้นจะหลบให้ ในขณะที่เขาดีใจตนเองก็ล้มลงกับพื้น

“บอกแล้วว่าให้พวกเจ้าหลีกไป จริงๆเลย”

เสี่ยวเอ้อบ่นไปแล้วก็ลุกจากพื้นมา

ผู่ยวนเห็นว่าเจ้านายของตนเกือบจะโดนชนแล้ว ก็โกรธมากพอได้ยินเสี่ยวเอ้อพูดที่ไม่เพียงแต่ไม่ขอโทษแต่กลับเสียมารยาทเช่นนี้ก็จับไปที่คอเสื้อของเสี่ยวเอ้อ “เจ้าพูดใหม่อีกรอบสิ ข้าจะถลกหนังเจ้าออกมาเจ้าต่างหากที่เป็นคนผิดยังจะมาโทษนายน้อยของพวกเราอีก” ผู่ยวนพูดไปจ้องหน้าเสี่ยวเอ้อไป

เสี่ยววเอ้อกลืนน้ำลายลงคออย่างกลัวๆ แต่เห็นว่าอยู่กลางถนนใหญ่ก็ไม่ได้กลัวอะไรมากมาย เขายังกล้าที่จะจ้องหน้ากลับอีกด้วย

“พอได้แล้ว ผู่ยวนในเมื่อเขาไม่ได้ตั้งใจก็ปล่อยเขาไปเถอะ”

ตู้เจิ้งหย่วนอารมณ์ดี ก็ไม่อยากให้เพราะเรื่องนี้ทำให้เสียอารมณ์ บวกกับอยู่กลางถนนมีคนดูมากมาย ราวกับคนแห่ดูสิงโต

เดิมทีเสี่ยวเอ้อก็พูดพึมพำชื่นชมในใจว่าเจ้านายคนนี้เป็นคนที่ไม่เหมือนใคร คิดไม่ถึงว่าพอได้ยินแบบนี้ ตอนนี้เขาก็เหมือนกับได้เห็นดอกไม้ร่วงโรยมาราวกับฝนตกสวยงามขนาดนั้น ทำให้เขาหายโกรธไปในทันที

“คุณชาย………….” เสียงเรียกนี้เรียกด้วยท่าทางที่ยิ้มแย้ม ขนาดว่าใจของเขาก็พร้อมจะกระโดดออกมา

ในขณะที่ตู้เจิ้งหย่วนไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องนี้ แต่น้ำความอ่อนโยนในคำพูดของเสี่ยวเอ้อ คำว่าคุณชายนั้น คิดว่าคงเป็นคนของตนเองแน่เลย เขาขมวดคิ้ว กลางถนนใหญ่เช่นนี้วิ่งอย่างบ้าคลั่งขนาดนี้ถ้าไปชนคนแล้วได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจะทำอย่างไร

ตู้เจิ้งหย่วนหยุดก้าวเดินหันกลับมามองคนตรงหน้านี้ “เจ้าอยู่ที่ร้านเหล้าฝูซิงหรือ” ถึงแม้ว่าจะเป็นประโยคคำถาม แต่พอตู้เจิ้งหย่วนมองดูชุดที่เสี่ยวเอ้อสวมใส่เขาก็พอจะรู้และมั่นใจแล้ว

เสี่ยวเอ้อรีบเข้าไป แต่ก็มีผู่ยวนคั่นระยะห่างเอาไว้

“เอาแบบนี้แล้วกัน พอดีกับที่พวกเราจะไปที่โรงเตี้ยม ไปถึงที่แล้วค่อยว่ากัน” ตู้เจิ้งหย่วนดูท่าคงต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ ไม่เช่นนั้นเสี่ยวเอ้อคงไม่รีบร้อนขนาดนี้หรอก เขาก็เป็นแบบนี้ สำหรับคนอื่นแล้วเขามักจะใจดีใจกว้าง แต่สำหรับคนของตนเองเขากลับเข้มงวดมาก

ตู้เจิ้งหย่วนตัดสินใจเช่นนี้ก็พอดีกับสิ่งที่เสี่ยวเอ้อคิดเอาไว้ แน่นอนว่าเขาจะต้องดีใจและนำทางไป

เวลานี้ก้วยตี๋จือกำลังนั่งดื่มเหล้ารออยู่ที่โรงเตี๊ยม ฟังบันฑิตเล่าเรื่องสนุก ก็ดูเหมือนว่าเขาจะดูมีความสุขและไม่รีบร้อนอะไรเลย

พอตู้เจิ้งหย่วนเดินเข้ามาในโรงเตี้ยมก็พบว่าที่นี่มีคนเยอะมาก ทำให้เขาคิดว่าวันนี้ที่นี่คงมีงานใหญ่อะไร

แต่พอเขาเข้ามาในโรงเตี้ยมทุกคนก็มองมาที่เขา ทุกสายตามองมาที่เขามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะยังไงก็ไม่ใช่ครั้งแรกอยู่แล้ว เขาเดินอย่างผ่าเผยเข้าไปข้างใน

แต่ คนพึ่งจะเดินเข้าไป ก็ถูกคนที่กำลังดื่มเหล้าอยู่อย่างก้วยตี๋จือมองเห็นเข้าแล้ว ก้วยตี๋จือหัวเราะออกมาแล้วก็เหาะมาอยู่ตรงหน้าตู้เจิ้งหย่วนอย่างไม่มีใครได้ทันสังเกตเห็น

“ตู้เจิ้งหย่วนเจ้ายังจำข้าได้ไหม” ก้วยตี๋จือยืนอยู่ต่อหน้าตู้เจิ้งหย่วน

ตู้เจิ้งหย่วนรู้สึกว่าตรงหน้ามีเงาคนก็ถอยหลังมานิดหน่อย แต่ดูเหมือนว่าการขยับถอยหลังของเขาจะเร็วมากจนไม่มีใครสังเกตเห็นได้ แต่สำหรับก้วยตี๋จือนั้นเขารู้ได้ในทันที เขาพอใจกับเขามาก

ตู้เจิ้งหย่วนได้ยินเสียง แววตาก็เปล่งประกาย มองดูก้วยตี๋จือรีบคำนับ สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและอบอุ่น “ผู้เฒ่าข้าน้อยท่านไปไหนแล้ว วันนี้หาท่านจนเจอแล้ว ช่วงนี้ท่านอยู่ที่ไหน” ตู้เจิ้งหย่วนนึกถึงภาพที่ได้รู้จักกับก้วยตี๋จือ ตอนนั้นก้วยตี๋จือบอกว่าตนเองไม่มีที่จะไป วันนี้กลับโผล่มาที่โรงเตี๊ยมของตน ช่างเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก

แต่เสี่ยวเอ้อพอได้ฟังทั้งสองคุยกันอย่างสนิทสนม ใจก็หายวูบเขาคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าเจ้านายของตนจะรู้จักกับคนแบบนี้

ก้วยตี๋จือเองก็แกล้งยักคิ้วให้กับเสี่ยวเอ้อ จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างน้อยใจว่า “เจ้ายังจะมาพูดอีก วันนั้นพอจากไปแล้วคิดอยากจะกลับมาหาเจ้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะหลงทางแล้ว พอหลังจากนั้นก็ได้ยินว่าคนไปกันหมดแล้ว ข้าเลยคิดว่าเจ้าเองก็คงไปแล้วเช่นกัน จึงได้ลงเขามา ลงเขามามันก็หิวเลยมากินอะไรที่นี่ เจ้าก็รู้ว่าข้านั้นจน ได้ยินว่าเจ้านั้นร่ำรวยมีเงินทอง ดังนั้นจึงให้พวกเขาไปจดเป็นชื่อเจ้าให้เจ้าจ่าย แต่พวกเขาไม่เชื่อว่าข้ารู้จักเจ้า เจ้าดูสิยังไม่ให้ข้าไปด้วยนะ”

ก้วยตี๋จือพูดราวกับว่าถูกพวกเขามัดไว้ไม่ให้ไปไหนยังไงอย่างนั้น พูดอย่างน่าสงสารมาก

ตู้เจิ้งหย่วนได้ฟังจนจบก็พอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงว่าเสี่ยวเอ้อรีบร้อนจะไปหาตน แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดขอเสี่ยวเอ้อทั้งหมด ยังไงเสียการจะจดไว้ขึ้นบัญชีคนอื่นก็ใช่ว่าจะทำกันได้ ดังนั้นจึงไม่ได้โกรธมากนัก

“ในเมื่อท่านชอบ งั้นก็กินเยอะๆ เฮ่อๆ” ตู้เจิ้งหย่วนรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากมา

“เสี่ยวเอ้อเตรียมให้ท่านผู้เฒ่าด้วย”

ตู้เจิ้งหย่วนสั่งเพื่อให้เสี่ยวเอ้อลงไปข้างล่าง สองคนนี้คงมีเรื่องอะไรกันสักอย่าง สีหน้าของเสี่ยวเอ้อในตอนนี้บูดเบี้ยวมาก

นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก

นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก

Status: Ongoing

ซินเหยาเป็นสายลับผู้อัจฉริยะ แต่ในการทำภาจกิจครั้งแรกกลับล้มเหลวแล้วได้ข้ามภพตกลงบนเตียงของฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้อำมหิตที่กำลังทำเรื่องนั้นอยู่ต้องหยุดลง ซินเหยาที่โดนวางยาโป๊นึกว่าฮ่องเต้เป็นคนขายบริการพิเศษ หลังเสร็จเรื่องก็ทิ้งเงินไว้แล้วจากไป ซึ่งทำให้ฮ่องเต้รู้สึกความมีเกียรติของเขาถูกเหยียดหยาม ผู้หญิงคนนี้มากเกินไปแล้วไหม แต่สำหรับนางแล้วฮ่องเต้อำมหิตคืนคนที่เอาไว้มาทรมาน เงินเอาไว้มาใช้ วรยุทธเอาไว้มารังแกผู้อ่อนแอ ส่วนความสวยนั้นก็เอามายั่วผู้ชายสิ…..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท