MY GIRL ภรรยาตัวน้อยของผม – ตอนที่ 651-655

ตอนที่ 651-655

ตอนที่651
  วันนี้หลังจากมาถึงที่มหาลัย ปาณีก็ตั้งใจสอดส่องปฏิกิริยาของเพื่อนๆมาโดยตลอด เกรงว่าจะมีคนเห็นเรื่องที่เกอดขึ้นเมื่อว่าแล้วกระจายข่าวซุบซิบนินทาออกมา
  ยามทานข้าวตอนกลางวัน มีเพียงเธอกับโมรีเท่านั้น ส่วนชยรพที่ตักข้าวเรียบร้อย พอมองเห็นพวกเธอเข้าก็รีบเดินหนีไปอย่างเร่งรีบ คล้ายกับมองเห็นผียังไงยังนั้น
  ท่าทีของเขา ทำเอาปาณีรู้สึกว่าแปลกประหลาด
  เธอเอ่ยถามกับโมรี “เขาเป็นอะไรไป? พวกเราสองคนดูน่ากลัวนักหรือไง?”
  โมรีนิ่งงันไปและหันไปมองดูแผ่นหลังของชยรพ ดูท่า.. เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เขาถือสามันเป็นอย่างยิ่ง!
  ชยรพหาที่นั่งก่อนจะนั่งลงและทานข้าว ในยามปกติเขาเป็นคนที่พูดเยอะเป็นอย่างยิ่ง วันนี้กลับดูท่าทางเงียบลงเป็นอย่างยิ่ง
  “ชยรพ นายเป็นอะไรไปหน่ะ?”เหล่าเพื่อนฝูงมองดูเขา รู้สึกว่าวันนี้เขาแปลกประหลาดอย่างยิ่ง ดูไม่เป็นเขาเอาซะเลย!
  “ไม่มีอะไร”ก็แค่พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนเข้า ตัวเขาก็ไม่อาจสงบลงได้
  หลังทานข้าวเสร็จ ชยรพก็เดินออกมา ก่อนจะมองเห็นว่าโมรีกำลังรอเขาอยู่ เขาตกใจรีบเดินหนีไปทันที
  โมรี “……..”
  เธอ น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือไง?
  -
  ยามค่ำ เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว ชยรพไปที่ห้องชมรม เขากลัวว่าตนเองเจอโมรีเข้าให้จนแม้กระทั่งห้องชมรมยังไม่อยากคิดที่จะมา ผลลัพธ์คือ จู่ๆก็คิดขึ้นมาได้ว่าตนทำของตกเอาไว้ที่นี่ดังนั้นเลยต้องแอบๆเข้ามาเอาในตอนกลางคืน
  เดิมทีคิดว่าเวลานี้ ห้องชมรมสมควรที่จะไม่มีคนอยู่ แต่กลายเป็นว่าพอเข้ามาก็เห็นโมรีกำลังนั่งอยู่ที่พื้นโดยหลังของเธอพิงอยู่กับโซฟา มือทั้งสองข้างกอดหมอนอยู่ และกำลังร้องไห้ มองดูแล้วอ่อนแรงไร้กำลังอย่างยิ่ง
  ในยามปกติเธอมักจะดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจอะไร เหมือนกับพวกเด็กผู้ชายก็มิปาน น้อยครั้งที่ชยรพจะเห็นเธอเป็นแบบนี้ เขาเอ่ยถาม “โมรี?”
  โมรีเงยหน้าขึ้นมาและจ้องมองเขา กรอบตายังคงแดงก่ำราวกับร้องไห้จนเสียใจอย่างยิ่ง เธอลุกยืนขึ้นมาและเตรียมจะหลบออกไป ชยรพจึงรีบร้อบเข้ามาและจับข้อมือของเธอเอาไว้ “เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
  หรือว่าเป็นเพราะท่าทีหลบหลีกเธอของเขา ทำให้เธอเสียใจ?
  อันที่จริงชยรพไม่ได้คิดอยากจะหลบเธอแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเขานั้นไม่รู้จริงๆว่าจะทำตัวอย่างไรยามต้องเผชิญหน้ากับเธอ
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อก่อนนี้เธอกับเวทัสใกล้ชิดสนิทสนมกันมาโดยตลอด เขาจึงรับมือไม่ถูกว่าพวกเขาที่แท้แล้วมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่
  แต่ที่แน่ๆคือเขาไม่ใช่คนประเภทที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับคนของพี่น้องตนเองได้ อันนี้เป็นหลักการพื้นฐานของตัวเขาเอง
  โมรีพูดอย่างสงบ “ฉันไม่เป็นไร นายมาทำอะไรป่านนี้?”
  ดึกขนาดนี้แล้ว เธอคิดว่าคงจะไม่มีคนมาแล้วซะอีก
  ชยรพเอ่ย “ฉันมาเอาของนิดหน่อย เธอเป็นอะไรไป? ไม่ใช่เพราะฉันใช่ไหม? เธออย่าคิดมากนะ ฉันไม่ได้คิดร้ายอะไรกับเธอแล้วก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะหลบหน้าเธอด้วย”
  “ไม่เป็นไร”เห็นเขาร้อนลนแบบนี้ ทำให้โมรีอดที่จะอธิบายขึ้นมาเสียไม่ได้ “แม่ของฉันป่วย ฉันแค่อยากไปเจอท่าน แต่ว่ามันไกลเกินไป ฉันเพิ่งจะคุยโทรศัพท์กับท่านเสร็จ ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกไม่ดีมากๆขึ้นมา”

ตอนที่652
  คนที่เธอชอบไม่ชอบเธอ เธอเพียงลำพังคนเดียวจึงต้องเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง
  เวทัสจะไปแล้ว แถมก่อนหน้านี้ทุกคนในทีมก็ขยันขันแข็งอย่างยิ่ง ดังนั้นพอมองดูก็ยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยว
  ความรู้สึกหลากหลายผสมปนเปกันไปเสียหมด ทำให้เธอต้องระบายมันออกมาบ้าง
  ชยรพเอ่ยถาม “อย่างนั้นแม่ของเธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
  มองเห็นเธอร้องไห้ เขาก็รู้สึกปวดใจอยู่ไม่น้อย
  เขารู้ว่าโมรีเป็นลูกคนเดียวของที่บ้าน รู้ดีว่าเธอไม่ได้สบายนัก ตอนนี้มองเห็นเธอแอบมาร้องไห้ที่นี่เพียงลำพัง สัญชาตญาณการปกป้องของลูกผู้ชายก็ผุดขึ้นมาทันที
  “ไม่เป็นไรแล้ว”โมรีเช็ดหน้าเช็ดตาเธอ “ขอโทษด้วยนะ ทำให้นายต้องมาเห็นฉันที่ทำตัวอย่างกับคำคนหายไปแบบนี้”
  ถ้าหากรู้ว่าเขาจะมาก่อนหน้านี้ เธอจะไม่ทำตัวขี้แยแบบนี้แน่
  โมรีในสายตาคนอื่นๆเป็นคนที่ดูแล้วมีเหตุมีผลอย่างยิ่ง น้อยครั้งนักที่จะทำตัวอ่อนแอแบบนี้ขึ้นมา
  ท่าทางที่ดูขัดแย้งนี้ ทำให้ชยรพคิดไม่ถึงอยู่บ้าง
  ชยรพจ้องมองเธอ เขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก
  โมรีไปล้างหน้าล้างตา ส่วนชยรพนั้นหยิบของเรียบร้อยแล้ว เขาจ้องมองเธอและเอ่ย “ดึกมาแล้ว ฉันไปส่งเธอกลับละกัน!”
  ทั้งสองคนออกมาจากชมรมด้วยกัน โมรีเดินอยู่ข้างๆเขา และพูดขึ้น “ชยรพ นายว่า ถ้าหากเวทัสไปแล้ว ทีมของเราจะแตกกระจายออกไปไหม?”
  “แน่นอนว่าไม่”ชยรพพูดอย่างมั่นใจ “ต่อให้เวทัสไปต่างประเทศแล้ว เขาก็ยังคงดูแลเรื่องทีมอยู่ดี”
  แต่แค่เพียงเขาไม่สามารถมาร่วมแข่งขันกับพวกเขาได้แล้วก็เท่านั้น
  โมรีเอ่ย “ตอนแรกที่เข้ามาก็เพราะเขา ตอนนี้เลยกลัวอยู่บ้างว่าทีมอาจจะแยกย้ายกันออกไป”
  “ไม่แน่นอน”ยิ่งไปกว่านั้น เขายังอยู่นะ!
  ชยรพเรียกรถมา ก่อนจะส่งโมรีกลับไปยังที่พักของเธอ
  ตอนนี้โมรีย้ายออกมาเช่าห้องอยู่ข้างนอกแล้ว เป็นเพราะบางครั้งเธออยู่ที่ชมรมกว่าจะกลับไปยังหอพักก็ค่อนข้างดึก ไม่ค่อยสะดวกนัก
  ชยรพส่งเธอเข้าประตูไป เขาจ้องมองเธอ “เรื่องแม่ของเธอ เธออย่ากังวลมากเดินไปหล่ะ ท่านจะต้องดีขึ้นแน่นอน”
  โมรีมองดูเขาและพยักหน้าลง “อืม”
  เมื่อก่อนชยรพรู้สึกหน้าผู้หญิงถึกคนนี้ไม่ต่างอะไรกับพี่น้องผู้ชายในทีมเลยสักนิด
  แต่ในตอนนี้ มองดูเธอ จู่ๆก็รู้สึกว่าเธอนั้นก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงแสนอ่อนแอคนหนึ่ง
  พอคิดถึงจูบเมื่อคืน เขาก็เลื่อนสายตาออกไปด้วยความเก้อเขิน
  โมรีมองดูเขา “ชยรพ นายรังเกียจฉันหรือ?”
  “ฉันไม่ได้รังเกียจเธอนะ!”ชยรพนั้นค่อนข้างให้เกียรติผู้หญิง ดังนั้นจึงไม่ใช่คนที่จะพูดว่าตนเองรังเกียจผู้หญิงขึ้นมาได้
  ยิ่งไปกว่านั้น โมรีนั้นก็เป็นคนหน้าตาดีไม่น้อยเลย
  โมรีเอ่ย “ถ้างั้น ให้ฉันเป็นแฟนนายละกัน?”
  “……..”ชยรพที่จู่ๆถูกสารภาพใส่ขึ้นมาเบิกตาโต โมรีอยากเป็นแฟนของเขา!
  แฟนสาว….
  แฟน…..
  สาว….
  ชยรพคิดว่าเธอคงเป็นบ้าไปแล้ว “คนที่เธอชอบไม่ใช่เวทัสหรือไง?”
  “ฉันไม่ชอบเขาแล้ว” โมรีรู้สึกว่าตนเองสูญเสียความกล้าที่จะรักเขาไปหมดแล้ว “และเขาก็ไม่ได้ชอบฉันด้วย นานมากขนาดนี้แล้ว ฉันรู้สึกเหนื่อยแล้ว”
  อาจเป็นเพราะว่าเธอเป็นลูกคนเดียวของบ้าน ดังนั้นเธอจึงชอบคนที่ปฏิบัติต่อเธออย่างอบอุ่น ขอแค่อีกฝ่ายทำดีกับเธอนิดหน่อย เธอก็สามารถรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาได้แล้ว
  อันที่จริงตอนแรกที่เธอชอบเวทัส ก็เป็นเพราะตอนที่เปิดเรียนแรกๆ เขาช่วยเหลือเธออยู่พักหนึ่ง เขาเพียงแค่กระทำมันลงไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่เธอกลับเริ่มชอบเขาขึ้นมา
  แม้กระทั่งตัวเธอเองยังคาดไม่ถึงว่าจะชอบเขามาได้ยาวนานขนาดนี้ ผลลัพธ์คือเธอกลับทำให้ตัวเองต้องมาเหนื่อยล้าเสียใจอยู่ในสภาพแบบนี้
  ชยรพมองดูโมรี ผ่านไปสักครู่ถึงเอ่ยขึ้นมา “วันนี้ฉันกลับก่อนหล่ะ”
  ไม่เปิดโอกาสให้โมรีได้พูดขึ้นมาอีก เขาก็รีบวิ่งออกไปแล้วและยังช่วยเธอปิดประตูลงอีกด้วย
  …….
  ตอนที่เวทัสออกเดินทาง จันวิภากับนพรุจไปส่งเขา และชยรพก็ไปส่งด้วยเช่นเดียวกัน

ตอนที่653
  ณ สนามบิน ชยรพมองดูเวทัส และกอดลาเขารอบหนึ่ง “เรื่องของทีมฉันจะโทรหานาย และจะพยายามจัดการมันให้ดี”
  เวทัสพยักหน้า “อืม”
  ชยรพปล่อยตัวเขา และจ้องดูเวทัส ก่อนจะเอ่ย “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”
  เวทัสมองดูชยรพ “เรื่องอะไร?”
  ชยรพกัดฟันพูด “นายชอบโมรีรึเปล่า?”
  เวทัสนั่งไปชั่วครู่ และนึกถึงเรื่องของชยรพกับโมรีขึ้นมา….
  “ถ้าหากนายชอบ ก็ไปตามจีบเธอซะ ไม่ต้องมาสนใจฉัน”
  “นี่นายเป็นคนพูดเองนะ!”ชยรพมองดูเวทัสที่ทำตัวไม่สนใจอย่างเต็มที่ “นายทำตัวไม่ดีกับเธอเลยจริงๆ ถ้าฉันคบกับเธอทีหลัง นายอย่ามาเสียดายก็แล้วกัน”
  เวทัสยิ้มตอบ “ไม่แน่นอน”
  ชยรพจ้องมองเขาที่ยิ้มอย่างสงบก็รู้ขึ้นมาทันทีว่า เขาไม่ได้คิดอะไรขึ้นมากับโมรีเลยสักนิดจริงๆ
  -
  วันนี้คนในบ้านวิสิทธิ์เวชล้วนมาส่งเวทัส ธามนิธิก็มาด้วยเช่นกัน
  หลังจากส่งเวทัส ทุกคนก็ออกมาจากสนามบินด้วยกัน ฐิติพรจ้องหน้าธามนิธิก่อนจะเอ่ยถาม “วันนี้ปาณีไม่มาหรือ?”
  ฐิติพรไม่รู้เรื่องระหว่างเวทัสและปาณี และก็ไม่รู้ด้วยเช่นกันว่าครั้งนี้ที่เวทัสไปนั้นเป็นการจัดการของธามนิธิ
  ธามนิธิเอ่ย “แม่ของเธอผ่าตัด เธอไปโรงพยาบาลแล้ว”
  “ผ่าตัด? อาการหนักหรือ?”ถึงแม้จะไม่มีความประทับใจกับฝนสิริมากนัก แจ่พอได้ยินอย่างนี้ ฐิติพรก็ยังอดเป็นห่วงเสียไม่ได้
  ยังไงเสียก็เป็นแม่ของปาณี
  ธามนิธิเอ่ย “กลับไปผมจะไปเยี่ยมเธอ”
  ฐิติพรพยักหน้า “ปาณีอายุยังน้อย ลูกต้องใส่ใจเธอหน่อย เฮ้อ ถึงแม้แม่ของเธอจะมีท่าทางไม่ค่อยดีนัก แต่ถึงยังไงก็เป็นแม่ของเธอ”
  เพื่อปาณีแล้ว พวกเขาจะต้องยอมรับมันให้ได้ เพียงแต่ไม่ค่อยไปมาหาสู่กันในยามปกติเท่านั้น
  -
  ฝนสิริมีอาการไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน วันนี้กำลังผ่าตัด ส่วนปาณีนั้นรออยู่ที่โรงพยาบาล โดยคุณอาและลูกสาวของป้าใหญ่มาด้วยเช่นกัน
  ตมิสาจ้องมองปาณี “ได้ข่าวว่าเธอกับธามนิธิหย่ากันแล้ว?”
  ตอนแรกที่ปาณีกับธามนิธิแต่งงานกัน ตมิสานั้นลงแรงไปไม่น้อย
  ปาณีมองดูคุณป้าของเธอ คุณป้าเอ่ย “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่ปรึกษาป้าก่อน คิดจะหย่าก็หย่าอย่างนั้นหรือ?”
  “นั่นไม่ใช่เป็นเพราะคนอื่นมองไม่เห็นหัวเธอหรือไง”คนที่เอ่ยประโยคนี้ก็คือลูกสาวของตมิสา ญาติผู้น้องของปาณี เธออายุรุ่นเดียวกันกับนภันต์ ตั้งแต่เล็กครอบครัวก็มีฐานะดี ประหนึ่งคุณหนูใหญ่ก็มิปาน
  ก่อนหน้านี้ตอนที่ปาณีแต่งงาน แม่ของเธอลงแรงลงไปอย่างมาก เทียบกับลูกสาวแท้ๆอย่างเธอแล้วยังใส่ใจเสียยิ่งกว่า ทำให้เธอจึงรู้สึกไม่ชอบใจอยู่บ้าง
  ตอนนี้เห็นปาณีหย่าร้าง จึงรู้สึกถึงชัยชนะอยู่บ้าง
  เดิมทีปาณีคิดอยากจะอธิบาย แต่พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ จึงขี้เกียจจะอธิบายขึ้นมา
  คุณป้าที่อยู่ด้านหนึ่ง เอ่ปลอบใจขึ้นมา “หย่าแล้วก็แล้วไป ปาณีของเราดีขนาดนี้ จะต้องกลัวว่าหาคนอื่นไม่ได้หรือไง?”
  “หายังไง?”ตมิสานั้นรีบร้อนแทนปาณีอยู่บ้าง “เธอเพิ่งจะอายุเท่าไหร่ ก็กลายเป็นคนที่ต้องแต่งงานครั้งที่สองแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้หายังไง ก็ไม่มีทางดีไปกว่าบ้านวิสิทธิ์เวช”
  พูดถึงตรงนี้ ตมิสาก็หันมามองปาณี “ตอนนั้นเธอไม่น่าตกลงที่จะหย่าเลย ถ้าหากเธอไม่รับปากสียอย่าง พวกเขาจะสามารถไล่เธอออกมาได้สำเร็จหรือไง?”
  จากที่เธอดู ปาณีนั้นโง่เกินไปจริงๆ
  “แม่”ญาติผู้น้องของเธอที่อยู่ด้านหนึ่งเอ่ย “พวกเราเมื่อไหร่จะกลับคะ? วันนี้หนูมีนัดเพื่อนนะ!”
  เมื่อก่อนตอนที่ปาณีแต่งเข้าบ้านวิสิทธิ์เวช เธอรู้สึกว่ายังต้องเอาอกเอาใจปาณีอยู่บ้าง แค่ตอนนี้ปาณีถูกบ้านวิสิทธิ์เวชไล่ออกมาแล้ว เธอจึงไม่สนใจปาณีอีกต่อไป
  แม้กระทั่งอยู่ให้นานอีกสักพัก ยังรู้สึกว่าเป็นตนกำลังเสียเวลาอย่างยิ่ง
  ตมิสาเหลือบมองลูกสาวของตนรอบหนึ่ง “ป้าของเธอยังไม่ทันได้ออกมา จะรีบไปไหน?”

ตอนที่654
  ตมิสานั้นเป็นคนที่ไม่เลว ไม่มีข้อเสียอะไร และเธอนั้นก็ปฏิบัติกับญาติพี่น้องเป็นอย่างดี
  แต่ลูกสาวของเธอนั้นถูกตามใจจนเคยตัว แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยรู้สึกว่าตนเองกับคนของบ้านตันวิรัชมีความสันพันธ์อันใดต่อกัน ต่อให้ขุดกระดูกขึ้นมาได้ก็มองไม่เห็นบ้านตันวิรัชอยู่ในนั้น
  อยากไปไม่ได้ไป คิ้วของญาติผู้น้องก็ขมวดขึ้นมาทันใด ท่าทีไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
  ปาณีนั้นเคยชินกับพฤติกรรมนี้มาตั้งนานแล้ว พอดีกับที่มือถือดังขึ้น เธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาและเห็นว่าเป็นธามนิธิที่โทรมา สายตาจึงอ่อนโยนลง
  ทกครั้งที่เห็นเขาเธอก็รู้สึกว่า ความรู้สึกไม่สบายใจทั้งหมดล้วนแล้วเป็นแค่เรื่องข้างหลัง
  เป็นเพราะบนโลกใบแปรเปลี่ยนเป็นน่าอยู่ขึ้นมาอย่างเป็นพิเศษก็เพราะมีเขาอยู่ด้วย
  ปาณีเดินไปที่มุมหนึ่ง ก่อนจะรับสายจากเขา และได้ยินน้ำเสียงอบอุ่นของธามนิธิผ่านสายออกมา “แม่ของเธอเป็นอย่างไรบ้าง?”
  “ยังคงกำลังผ่าตัดอยู่ค่ะ”
  ตอนที่ปาณีกำลังคุยโทรศัพท์นั้น ญาติผู้น้องของเธอก็กำลังคร่ำครวญกับตมิสาอยู่ “แม่ แม่ดีกับพวกเขาขนาดนี้ไปทำไมกัน?แถมบ้านของพวกเขาก็จน ไม่เข้าใจเลยว่าแม่จะใส่ใจพวกเขาไปทำไมกัน?”
  “พูดอะไรอย่างนั้นหน่ะฮึ?”ตมิสามองดูลูกสาวของตน “ถ้าลูกยังพูดจามั่วซั่วอยู่แบบนี้แม่จะรูดซิปปากแกเอง”
  ญาติสาวของเธอส่งเสียงไม่พอใจออกมาครั้งหนึ่ง “แม่กล้าหรือ กลับบ้านไปหนูจะไปฟ้องพ่อ บอกว่าแม่ตีหนู”
  “……”
  ธามนิธิเอ่ยพูดขึ้น “ฉันไปหาเธอตอนนี้ดีไหม?”
  “ไม่ต้องมาค่ะ พวกเขาอยู่ที่นี่กันหมด”ปาณีไม่อยากให้พวกเขาเห็นธามนิธิ
  ธามนิธิเอ่ยถาม “ใครอยู่นั้นกันหมด?”
  “คุณป้าใหญ่และคุณอา”คุณป้าใหญ่กับคุณอานั้นเป็นคนไม่เลว ปาณีนั้นไม่คิดว่ามีตรงไหนที่ไม่ดี แต่ญาติผู้น้องของเธอคนนั้น ไม่ใช่คนบนโลกเดียวกันกับเธอจึงรู้สึกขัดตาอยู่บ้าง
  แต่ถึงไงยังปาณีก็เติบโตมากับสิ่งแวดล้อมแบบนี้ หากมีสภาพครอบครัวที่ดี ก็มองไม่เห็นหัวคนมีเงิน
  เมื่อก่อนขนาดแม่ของเธอที่จนขนาดนั้น ยังมองไม่เห็นหัวคุณอาเลย!
  และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงอยากจะพุ่งก้าวไปข้างหน้า
  เป็นเพราะเธอไม่อยากถูกคนดูถูกตลอดไป
  ธามนิธิเอ่ย “ฉันไปหาเธอดีกว่า”
  เขารู้สึกว่าตนเองสมควรมาดูหน่อยเสียดีกว่า
  เห็นเขายืนกรานเช่นนี้ ปาณีจึงได้แต่ตอบรับ
  ปาณีเพิ่งจะวางสาย คุณหมอก็ออกมาพอดี ส่วนฝนสิรินั้นถูกส่งตัวเข้าไปยังห้องพยาบาล
  การผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบนั้นไม่ใช่การผ่าตัดที่ใหญ่มากอะไร โดยทั่วไปแล้วหลังจากผ่าตัดเสร็จก็ใช้เวลาไม่นานในการฟื้นฟู
  เป็นเพราะญาติผู้น้องของเธอเอาแต่โวยวายไม่เลิก ตมิสาจึงพาเธอกลับไปก่อน
  พวกเธอเพิ่งออกมาจากลิฟต์ก็พบเข้ากับธามนิธิที่กำลังรอลิฟต์เข้าพอดีโดยบังเอิญ
  ธามนิธินั้นตัวสูงอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็มักจะดึงดูดสายคนเป็นอย่างยิ่ง
  ญาติผู้น้องของเธอที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งพอมองเห็นธามนิธิเข้า ทั้งร่างก็คล้ายกับถูกเขาทำให้เคลิบเคลิ้มไป
  สวรรค์!
  หล่อสุดๆ!
  เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นผู้ชายที่หล่อได้ขนาดนี้!
  ถึงแม้ตมิสาจะไม่เคยเห็นธามนิธิที่ลุกขึ้นมาได้แล้ว แต่เมื่อก่อนตอนที่ปาณีแต่งงาน เธอเคยเห็นอยู่หลายครั้ง จึงจำขึ้นมาได้ในพริบตา
  “ธามนิธิ?”
  ธามนิธิมองไปยังตมิสา และจำได้ว่านี่คือคุณป้าใหญ่ของปาณี จึงเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ “สวัสดีครับ”
  ยังไงซะก็คือผู้อาวุโส ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อก่อนตมิสานั้นดีต่อปาณีไม่น้อย ธามนิธิยังคงจำได้มาโดยตลอด
  ตมิสาเอ่ย “เธอก็มาโรงพยาบาลหรือ!”
  ได้ยินว่าเขากับปาณีหย่ากันแล้ว แน่นอนว่าเธอจึงไม่คิดว่าเขาจะมาเยี่ยมฝนสิริ
  ธามนิธิพยักหน้า “ครับ”
  ตมิสาถอนหายใจออกมา และพูดออกมาอย่างแฝงความหมาย “ครั้งก่อนที่พบเธอคือตอนที่พวกเธอแต่งงานกัน ตอนนั้นเธอยังนั่งอยู่บนรถเข็น คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เธอลุกขึ้นมาได้แล้ว น่าเสียดายที่เธอหย่ากับปาณีแล้ว”
  “……”ญาติผู้น้องที่อยู่ด้านข้างยืนฟังอยู่ และถึงได้รู้ว่าคนๆนี้ที่แท้แล้วคือสามีของปาณี….. ไม่สิ สมควรเป็นอดีตสามีเสียมากกว่า
  ไม่แปลกใจที่ปาณีถูกเขาหย่า!

ตอนที่655
  ปาณีออกจะแย่ขนาดนั้น จะไปคู่ควรกับคนแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
  ธามนิธิจ้องมองตมิสา ถึงแม้ว่าตอนนี้เขากับปาณีจะอยู่ด้วยกัน แต่ที่เขาหย่ากับปาณีเหตุผลก็เพราะจะได้สามารถขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่า คนที่เขาอยากแต่งงานด้วยก็คือปาณีคนนี้ ไม่ได้เป็นเพราะให้เธอเป็นตัวแทน แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรทำแค่เพียงเอ่ย “ขอโทษด้วยครับ”
  น้ำเสียงของตมิสาฟังดูเสียดายอยู่บ้าง “ถ้ารู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้ ตอนแรกไม่ควรให้ปาณีไปอยู่กับเธอเลย ฉันแทบกลายเป็นคนที่ผลักเธอเข้าไปในกองไฟ”
  ตมิสานั้นคาดหวังให้ปาณีจะไปได้ดีจริงๆ ในตอนนั้นเธอรู้สึกว่าคนบ้านวิสิทธิ์เวชนั้นไม่เลวเลยทีเดียว
  แต่ใครจะไปรู้ว่า สุดท้ายแล้วธามนิธิจะไม่ต้องการปาณีแบบนี้
  อันที่จริง หลังจากที่ปาณีและธามนิธิหย่าร้างกัน ฝนสิริยังโทรหาเธอและตำหนิเธอ ในจุดนี้ตมิสายังคงจำได้แม่นอยู่ในใจ
  วันนี้พอเห็นธามนิธิ ท่าทีที่มีต่อเขาจึงไม่เกรงอกเกรงใจขนาดนั้นอีกต่อไป
  ญาติผู้น้องของเธอเอ่ย “แม่ แม่พูดไปเพื่ออะไร? เกี่ยวอะไรกับแม่หรือไง! แม่ไม่ดูบ้างหล่ะว่าปาณีเป็นยังไง เธอจะไปคู่ควรกับคุณธามนิธิได้ยังไง?”
  เดิมทีธามนิธินั้นรับฟังคำสั่งสอนจากตมิสาอยู่อย่างน้อบน้อม แต่พอได้ยินคำพูดของญาติผู้น้องเข้า เขาก็หน้านิ่วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
  ญาติผู้น้องกลับไม่รู้สึกถึงจุดนี้ และเอ่ยกับธามนิธิ “แม่ของฉันก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ คุณอย่าเอามาใส่ใจเลยนะคะ เรื่องนี้คุณไม่ใช่คนผิด เป็นเพราะปาณีนั้นแย่จนเกินไป ต่อให้เปลี่ยนเป็นคนอื่นก็คงหย่าร้างกับเธอเช่นเดียวกัน”
  “จริงหรือ?”น้ำเสียงของผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยการดูหมิ่นปาณี ทำเอาทั้งร่างของธามนิธิรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมา
  คนที่ชอบปาณี ปฏิบัติดีต่อปาณี เขาถึงจดจำคนเหล่านั้นในฐานะญาติมิตรของเธอ แต่สำหรับพวกที่ดูถูกปาณี ในสายตาของธามนิธิแล้ว ใครหน้าไหนเขาก็ไม่รู้จักทั้งนั้น
  ญาติผู้น้องเอ่ย “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเพลินพิศ ถึงแม้ปาณีจะเรียกแม่ของฉันว่าคุณป้าใหญ่ แต่ว่าพวกเราทั้งสองบ้านไม่ได้สนิทกัน”
  เธอคิดว่า ธามนิธิหย่าร้องกับปาณีแล้ว แน่นอนว่าจะต้องไม่ชอบปาณี ตอนนี้หากธามนิธิคิดว่าพวกเธอสนิทสนมกัน สำหรับพวกเขาแล้วไม่เป็นผลดีอะไรต่อตนเอง
  ธามนิธิส่งเสียงออกมาเบาๆครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในลิฟต์
  หน้าห้องพยาบาล คุณอากำลังเอ่ยปลอบปาณี “คำพูดพวกนั้นของเพลินพิศ เธออย่าเก็บมาใส่ใจ เพลินพิศอายุยังน้อยไม่รู้ความ พูดจาไม่น่าฟัง ปาณีของพวกเราดีขนาดนี้ ภายหลังจะต้องเจอคนที่ดีกว่าอย่างแน่นอน”
  ปาณียิ้มและเอ่ย “คุณน้า หนูรู้ค่ะ”
  คุณอาเอ่ย “ถึงแม้พวกเราจะจน แต่คนจนก็มีความใฝ่ฝัน อีกฝ่ายไม่ชอบเธอ พวกเราก็อย่าไปตามตื้อเขา”
  คุณอสคือคนที่ดีที่สุดในบ้าน
  ถึงแม้ปาณีกับธามนิธิจะไม่ได้หย่ากันแต่อย่างใด แต่ว่าพอได้ยินคุณอาเอ่ยคำพูดพวกนี้แล้ว ปาณียังคงมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
  อาจเป็นเพราะพอเป็นแบบนี้ เธอถึงรู้ได้ว่าใครเป็นคนที่ดีต่อเธอที่สุด
  เธอเงยหน้าขึ้นมาและมองเห็นธามนิธิเดินเข้ามาพอดี สีหน้าของเขาดูอึมครึม ดูคล้ายกับไม่ค่อยพอใจอะไรมา
  ปาณีเอ่ย “มาแล้วหรือคะ?”
  คุณอามองตามไปและเห็นว่าเป็นธามนิธิที่เดินเข้ามา จึงเอ่ยถามปาณี “นี่แฟนของเธอหรือ?”
  เธอไม่เคยเจอธามนิธิ ก่อนหน้านี้ก็แค่เคยเจอในงานแต่งงานเท่านั้น แต่ในงานตอนนั้นคนมากมาย เธอจึงไม่ได้มองอย่างชัดเจน เห็นแค่เพียงเงาอันเรืองรางเท่านั้น
  ตอนนี้พอเห็นธามนิธิ เธอจึงคิดว่าเป็นแฟนใหม่ของปาณี
  ปาณีเอ่ย “ไม่ใช่ค่ะ”
  “อืม”คุณอาพยักหน้า ที่แท้ก็เพื่อนทั่วไป
  ปาณีเอ่ยอธิบาย “นี่สามีของหนู หนูยังไม่ได้หย่ากับเขา”
  “……”คุณอามองธามนิธิอย่างตกใจอยู่บ้าง “จริงหรือ?”

MY GIRL ภรรยาตัวน้อยของผม

MY GIRL ภรรยาตัวน้อยของผม

Status: Ongoing

เผชิญกับความบีบบังคับของครอบครัว การทรยศของเพื่อน สนิท และการบอกเลิกของแฟน ปาณีเลยเลือกแต่งงานกับธา มนิธิ ผู้ชายที่ทั้งแก่ทั้งพิการจากนั้นไป เขาเป็นที่พึ่งของเธอ เธอเป็นผู้รักษาจิตใจอันโดนทำลายของเขา…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท