บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 487

ตอนที่ 487

บทที่ 487 ร่วมมือกับฮ่องเต้

“พูดมาเช่นนี้ ซูพ่านเอ๋อก็เริ่มลงมือด้วยตัวเองแล้วสินะ”

กู้อ้าวเวยวางถ้วยชาในมือลง ขาสองข้างไขว้อยู่บนเก้าอี้ มือข้างหนึ่งถือหนังสือทางการแพทย์ซึ่งไม่รู้ว่าหลิ่วเอ๋อไปเสาะหามาจากไหน ส่วนมืออีกข้างกลับกำขนมอบของร้านอาหารป่ายเว่ยครึ่งชิ้น

จางเหยียงซานมองไปที่กลุ่มแม่นางภายในเรือนที่นำกลุ่มเด็ก ๆ มาอย่างอึกทึก ก็จนปัญญาเช่นกัน “ดูแล้วท่านกลับไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ”

“นางเป็นคนที่กำลังจะตาย ต่อให้ดิ้นรนอีกก็คงจะเปลืองแรงโดยไร้ผล”

กู้อ้าวเวยช้อนสายตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน ปลายตาเหลือบเห็นเงาร่างของหลิ่วเอ๋อปรากฎตัวอยู่ในทางเดินยาว เช็ดผงน้ำตาลอย่างยุ่งง่วน ขาสองข้างหย่อนลงจัดแจงเสื้อผ้านั่งวางมือที่เข่า กระทั่งวางหนังสือในมือกลับไปบนชั้นหนังสือ ทำเพียงนั่งพิงบนเก้าอี้ยาวอย่างเฝ้ารอ

รอหลิ่วเอ๋อเข้ามาเห็นฉากนี้ ทำเพียงวางอาภรณ์หรูหราโอ่อ่าในมือลง เห็นขนมอบในจานลดน้อยลงบ้าง จึงได้แต่ถอนหายใจ “วันนี้ต้องเข้าวังแล้วยังกินเยอะขนาดนี้ ประเดี๋ยวกินไม่ไหวแล้วก็จะไม่เป็นการเสียมารยาทหรอกหรือ”

กู้อ้าวเวยลูบปลายจมูกอย่างทำตัวไม่ถูก ยู่ปากใส่จางเหยียงซาน “จูเย่นกับจูเซถึงไหนแล้ว”

“ถ้าหากสิ่งที่ฉีหรัวพูดไม่ผิดละก็ วันนี้หน้าจะถึงแล้ว ท่านไปเปลี่ยนชุดก่อนเถิด ข้าจะไปส่องดูที่ประตูเมืองเสียหน่อย” จางเหยียงซานทอดถอนใจหนึ่งเฮือก ตอนที่ออกไปก็พลอยรับสู้หยางไปพร้อมกันเขาด้วย

ในลานมีความคึกคักยิ่ง แม้ว่าในใจของกู้อ้าวเวยจะไม่ยินดี แต่ยังคงเปลี่ยนชุดหรูหราโอ่อ่านี้อย่างว่าง่าย บนหน้าถูกหลิ่วเอ๋อแต่งแต้มเครื่องประทินโฉมอ่อน ๆ เล็กน้อย สุดท้ายก็ยื่นผ้าคลุมหน้าไข่มุกหลายเม็ดซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าไปหามาจากไหนให้แก่นาง ซ้ำยังบอกนางว่ารอประเดี๋ยวก็คงทำได้แค่เลิกผ้าคลุมหน้ากินอาหารแล้ว

รอกระทั่งทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว กู้อ้าวเวยยังคงเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง “ท่านแม่ได้เห็นจดหมายในห้องของฉูห้าวหรือยัง”

“เห็นแล้ว ด้วยเหตุนี้ยังมีปากเสียงกับพระองค์ผู้นั้นเสียยกใหญ่ หากไม่ใช่พระองค์ผู้นั้นไม่คลายมือ กลัวแต่ว่าเจ้านายคงจะเข้ามาสั่งสอนท่านในตอนนี้แล้ว” หลิ่วเอ๋อแทบจะพ่นลมหายใจทั้งหมดในปีนั้นออกมาจนสิ้นแล้ว

กู้อ้าวเวยก็ไม่ถามมากความอีกแล้ว ทำเพียงมองความสนุกสนานกลางสวนสักพัก หลังจากถึงเวลาแล้วจึงเดินมาที่หน้าประตู หลังกายยังมีทหารเอ่อตานหลายคนที่แฝงตัวมา จางเหยียงซานได้เปลี่ยนเป็นชุดผู้ติดตามเพื่อพี่น้องตระกูลจูแล้ว ทั้งสองเดินตามหลังกายของนางอย่างว่าง่าย

กงกงข้างกายของต้วนโฉงทำความเคารพอย่างนบนอบ “เรียนเชิญองค์หญิงขึ้นรถ”

ก็แม้แต่ซ่านจินจื๋อยังไม่รู้ว่าวันนี้นางจะเข้าร่วมสิ่งที่เรียกว่างานเลี้ยงครอบครัวด้วยเหมือนกัน ส่วนนางย่างขึ้นรถม้าอย่างรู้งาน นำผู้คนเดินทางมายังวังหลวง และถูกกงกงนำทางมาที่ตำหนักรองแห่งหนึ่ง กุ้ยมามาที่ยืนอยู่หน้าประตูทำให้กู้อ้าวเวยนิ่งงันไปเล็กน้อย ทำเพียงค่อย ๆ ก้มหน้างุดเดินเข้าไป

ภายในราชวังอันกว้างใหญ่ บนตำแหน่งหลักกลับมีเพียงต้วนโฉงและไทเฮาสองคน ไม่ได้มีผู้ใต้บัญชาคนอื่นอีกเลย

ขณะเดียวกัน นอกจากพี่น้องตระกูลจู ด้านหลังกู้อ้าวเวยก็ไม่มีใครเช่นกัน ตอนที่นางหมายจะทำความเคารพ ต้วนโฉงก็โบกมือให้นาง “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะพาพี่น้องตระกูลจูมาส่งด้วยตัวเอง ข้าส่งคนไปตั้งมากมายก็ยังหาไม่พบเลย”

“พี่น้องตระกูลจูตอนนี้นับว่าเป็นตระกูลเดียวกันกับข้า ถ้าหากข้าพามาด้วยตัวเอง คิดว่าฮ่องเต้ก็คงจะให้หน้าข้าบ้าง” มุมตาปลายคิ้วของกู้อ้าวเวยเปื้อนด้วยรอยยิ้มได้ใจ สายตากลับโปรยตกที่เรือนร่างของไทเฮา กลับยังคงโค้งกายทำความเคารพน้อย ๆ รังแต่จะทำให้ไทเฮาขอบตาแดงก่ำ

“พวกเจ้ารู้กระมังว่าเหตุใดข้าจึงตามหาพวกเจ้า” ต้วนโฉงมองไปทางพี่น้องตระกูลจู

จูเซไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้สักนิด และยังขลาดเขลาต่อฮ่องเต้พระองค์นี้อยู่ ส่วนขณะเดียวกันจูเย่นกลับคิดต้นสายปลายเหตุไม่ออก กู้อ้าวเวยทำเพียงกระแอมไอหนึ่งที ปริปากอย่างจนปัญญา “ฮ่องเต้น่าจะทำเพื่อเรื่องเก่าในปีนั้นของซูพ่านเอ๋อ นางถูกอ๋องจิ้งซ่อนไว้อย่างดี แม้แต่ฮ่องเต้และไทเฮายังไม่เคยหารายละเอียดข้อเท็จจริงของนางพบ ดังนั้นจึงเรียกพวกเจ้ามา”

กล่าวจบ ต้วนโฉงก็เหลือบมองนางอย่างเย็นชาปราดหนึ่ง แต่กลับยังคงพยักหน้า ดวงตาค่อย ๆ หรี่ลง

กู้อ้าวเวยผู้นี้ ช่างไม่ง่ายดายเลยจริง ๆ

เรื่องมาขนาดนี้แล้ว จูเย่นไม่ต้องการใช้ชีวิตล่องลอยอีกต่อไป ซูพ่านเอ๋อไม่มีความเป็นเพื่อนกับเขาไปตั้งนานแล้ว จึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “นางเกิดจากผู้หญิงในหอโคมเขียว ในวัยเด็กพวกเรามักจะไปสืบข่าวในตึกจึงรู้จักกัน ต่อมาพวกเราช่วยนางหนีเอง ทำให้นางรู้จักกับอาจารย์หญิงโดยบังเอิญ หลังจากถูกพาตัวไป ตอนที่พบกันอีกครั้งหลายปีให้หลัง นางได้ฆ่าเด็กในหมู่บ้าน ขอร้องให้พวกเราช่วยเหลือ ตอนนั้นข้ากับน้องสาวยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้สาหัสรุนแรง จึงช่วยกันฝังศพ หลังจากนั้น…”

“หลังจากนั้นเป็นอย่างไร” ไทเฮากำราวจับเอาไว้แน่นหนา

สีหน้าจูเย่นยุ่งเหยิง จูเซกลับเกร็งลำคอปริปาก “นางฆ่าท่านอาจารย์และอาจารย์หญิงซึ่งดีมาก ๆ ของนาง เดิมนั้นถึงแม้จะเพราะความไม่รู้ แต่ตอนนั้นนางให้พวกเราเก็บยาพิษผลไม้พิษไม่น้อยเลย พบหน้ากันก่อนหน้านี้ก็มิใช่คนที่ไร้เดียงสาตั้งแต่แรกแล้ว”

ตั้งแต่ต้นจนจบ กู้อ้าวเวยกลับทำเพียงยืนเงียบ ๆ อยู่กับที่ไม่เปล่งเสียงสักแอะ

ส่วนต้วนโฉงและไทเฮานั้นกลับถูกแผดเผาด้วยเพลิงโทสะตั้งนานแล้ว

ผู้หญิงพรรค์นี้ถึงขึ้นได้นั่งในตำแหน่งพระชายารอง หลายปีมานี้ซ่านจินจื๋อยิ่งทำเรื่องราวไม่น้อยเพื่อนาง ทว่าพี่น้องตระกูลจูถึงแม้อายุยังน้อย แต่ปีนั้นก็ยังเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเหมือนกัน เช่นนี้ทำให้พวกเขายิ่งโกรธแค้นมากขึ้น

“ซูพ่านเอ๋อสมควรตายจริง ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฮ่องเต้จะสมัครพระทัยร่วมแสดงละครสักฉากกับข้า เพื่อส่งซูพ่านเอ๋อขึ้นสู่แท่นประหาร เพื่อแลกกับความสงบร่วมเย็นทั้งชาติของน้องชายท่านหรือไม่” กู้อ้าวเวยค่อย ๆ เบนกาย สบสายตาโดยตรงกับต้วนโฉง “ก่อนหน้าจะมา ข้าก็ได้แจ้งกระจ่างแล้วว่าข้าคือบุตรีบุญธรรมของกษัตริย์เอ่อตาน ฮ่องเต้น่าจะทรงทราบ”

“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ข้าคิดว่าเจ้ามีแผนอื่นเสียอีก…”

“มีแผนอื่นแน่นอน ตำแหน่งองค์หญิงเอ่อตานที่แท้จริง เป็นสิ่งที่ข้าเหลือไว้เพื่อซูพ่านเอ๋อ” กู้อ้าวเวยหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากแบขเสื้อ เดินไปข้างหน้านำไปวางบนโต๊ะ องครักษ์ลับที่อยู่หลังเสาหลักตรวจสอบโดยถี่ถ้วนหนึ่งที จึงนำจดหมายฉบับนี้ถวายให้แด่ต้วนโฉง

ต้วนโฉงมองเพียงสองที จากนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น “เจ้าคิดว่าแคว้นเจียงเยี่ยนที่ปัจจุบันขาดระบบระเบียบ อนาคตยังจะสามารถยืนหยัดขึ้นมาได้อีกหรือ”

“แต่ว่าช้าเร็ว ขอเพียงฮ่องเต้พระองค์ทรงรับปากว่าจะครอบครองคูเมืองเพียงไม่กี่แห่ง ข้าก็สามารถรับประกันได้ว่าเอ่อตานก็จะไม่ลำเส้น รอให้วันหน้าแคว้นเจียงเยี่ยนกลายเป็นแคว้นใหม่ สามแคว้นสามารถรับประกันได้ว่าจะสร้างความสงบสุขได้หลายสิบปี ฮ่องเต้ก็ไม่ต้องทรงกังวลพระทัยว่าหลังจากความพ่ายแพ้ของแคว้นเจียงเยียน เอ่อตานจะฉวยโอกาสบุกเข้ามาจากช่องโหว่ และเอ่อตานก็ไม่จำเป็นต้องตกอยู่ในเปลวเพลิงแห่งสงครามด้วย” กู้อ้าวเวยค่อย ๆ ถอยหลังไปที่ข้างกายของพี่น้องตระกูลจู “แน่นอน องค์หญิงเอ่อตานจะเป็นคนบาปที่ก่อให้เกิดเพลิงสงคราม ขอเพียงท่านรับปากข้า ว่าสุดท้ายจะมอบกู้เฉิงมาให้ข้าจัดการ”

“ถ้าหากเอ่อตานสามารถรักษาสัญญาได้ อย่าว่าแต่กู้เฉิงเลย แม้แต่ซูพ่านเอ๋อข้าก็จะมอบให้เจ้าจัดการเอง” ต้วนโฉงหัวเราะเย็นชา มองหญิงสาวที่แต่งตัวสวยงามตรงหน้าผู้นี้ กลับรู้สึกเพียงว่าแผ่นหลังพลันเสียววูบวาบขึ้นมา “หากข้ารู้ว่าเจ้ามีทักษะเพียงนี้ วันนั้นก็คงจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะปกป้องเจ้า”

“เรื่องเก่าไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงอีก ครั้งนี้ข้ามาเพียงเพื่อร้องขอความสงบให้เอ่อตาน และจัดการศัตรูไม่กี่คนในวันนั้นเท่านั้นเอง การชี้แนะที่ฮ่องเต้มีต่อองค์ชายสามและการแสร้งปกป้องอ๋องจงผิงข้าย่อมไม่อาจยื่นมือเข้าแทรกอยู่แล้ว” ประโยคสุดท้ายของกู้อ้าวเวยยังแฝงความคุกคามอยู่หลายส่วน

แววตาต้วนโฉงหม่นลง ตอนที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขายังคงเป็นฮ่องเต้ที่อารมณ์แปรปรวนผู้นั้นอยู่เหมือนเดิม

“ปีนั้นข้ากำนัลแผ่นป้ายแขวนให้เจ้า เดิมยังคิดว่าเจ้าเป็นหมอใจเมตตา กลับคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะปรับตัวเข้ากับคำว่าโลกได้โดยลำพัง”

“ถ้าหากปีนั้นฮ่องเต้เต็มใจยืนหยัดเพื่อข้า ตอนนี้ก็ข้าคงจะช่วยองค์ชายสามค่อย ๆ เลื่อนตำแหน่งสูงทีละก้าวไม่ได้” กู้อ้าวเวยโค้งคำนับจากใจจริง เงยหน้าขึ้นมาดวงตายิ่งเจือรอยยิ้ม “ในความลึกลับซับซ้อน ทุกอย่างล้วนการกำหนดให้ล่วงหน้าแล้ว หวังว่าชางหลานจะสงบสุขไร้การจู่โจมเป็นร้อยปี”

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท