บทที่ 529 สถานการณ์ของเย่สวน
หลังจากนั้นหยางฮุยหวงทำตามคำสั่งของลู่เสี้ยงหยางอย่างว่าง่าย หักข้อต่อในร่างกายของหยางหยูนทุกส่วน แม้ว่าหยางหยูนจะเจ็บปวดทรมานจนหมดสติไปแล้ว แต่ร่างกายของเขายังคงชักดิ้นชักงอตามสัญชาตญาณ
นี่เป็นปฏิกิริยาของร่างกายแสดงออกเมื่อเกิดความเจ็บปวด
หยางฉุนฉุนหัวใจแทบสลาย บิดาและมารดาของเธอเสียไปตั้งแต่ยังเล็ก สถานการณ์ของครอบครัวเธอค่อนข้างแย่ เธอและน้องชายโตมาด้วยกันอย่างยากลำบาก
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและน้องชาย เสมือนกับมารดากับลูกชาย
เพราะเธอรักใคร่เอ็นดูน้องชายของเธอมากเกิน เพราะงั้นหยางหยูนถึงได้ถูกตามใจจนเสียผู้เสียคนแบบนี้
น่าเสียดายที่บนโลกนี้ไม่มียาแก้เสียใจทีหลัง บางเรื่องหากทำผิดแล้วก็ต้องรับผิดชอบ
ท่านย่าตระกูลเย่ที่อยู่อีกด้านเป็นคนช่างสังเกต เธอจับจ้องที่ลู่เสี้ยงหยางอยู่ตลอด เธอรู้ว่าลู่เสี้ยงหยางไม่ได้ตั้งใจที่จะหาเรื่องพวกเขา เธอจึงลุกขึ้นจากพื้น กล่าวกับสมาชิกของตระกูลเย่ “เราไปกันเถอะ”
สมาชิกของตระกูลเย่ต่างเหลือบมองลู่เสี้ยงหยางแย่างระแวดระวัง ราวกับโรคระบาด เมื่อแน่ใจแล้วว่าลู่เสี้ยงหยางไม่ได้รั้งพวกเขาเอาไว้ ถึงได้รีบลุกขึ้นตามท่านย่าตระกูลเย่ออกจากโรงพยาบาลไป
ลู่เสี้ยงหยางก้มมองหยางฉุนฉุน “เธอลุกขึ้นเถอะ”
เขาค่อนข้างพอใจกับการกระทำของหยางฉุนฉุน เรียกให้หยางฮุยหวง หักข้อต่อของหยางหยูนด้วยตัวเอง นั่นถือว่าเป็นการถ่ายโทษอย่างจริงใจ
เมื่อได้รับการอนุญาตจากลู่เสี้ยงหยาง หยางฉุนฉุนจึงพยักหน้ารับ “ค่ะค่ะ ขอบคุณมากค่ะอาจารย์ลู่”
ร่างบางค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างสั่นเทา แต่สายตากลับไม่กล้าจ้องมองลู่เสี้ยงหยางแท้แต่น้อย
ลู่เสี้ยงหยางส่งสัญญาณมืออนุญาตให้เธอไปได้
หยางฉุนฉุนโล่งอกราวกับพ้นโทษ น้องชายของเธอหมดสติไปนานแล้ว เธอขอความช่วยเหลือจากพยาบาล ให้พาหยางหยูนเข้าห้องผ่าตัดทันที
ไม่นานหน้าห้องผ่าตัดก็เหลือเพียงลู่เสี้ยงหยางชิวรั่วหานและโอหยางรั่วสุ่ยสามคนเท่านั้น
ส่วนหยางฮุยหวงก็ถูกลู่เสี้ยงหยางไล่กลับไปแล้วเช่นเดียวกัน
เพราะเย่สวนยังคงไม่ได้สติ สถานการณ์ไม่คงที่ ยังไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ ลู่เสี้ยงหยางได้แต่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องเท่านั้น
ในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นชิวรั่วหานหรือโอหยางรั่วสุ่ย สายตาของพวกเขาก็ต่างจับจ้องที่ตัวลู่เสี้ยงหยางนิ่ง
เมื่อสักครู่ลู่เสี้ยงหยางเผด็จการเป็นบ้า เพียงแค่ไม่กี่ประโยคก็ทำให้ดาราดังอย่างหยางฉุนฉุนตกใจกลัวจนต้องคุกเข่าลง แถมยังสั่งให้เพลย์บอยหยางฮุยหวงหักข้อต่อของหยางหยูนด้วยตัวเอง
สิ่งนี้ ต่อให้เป็นมหาเศรษฐีของปินเหออยู่ตรงนี้ก็ไม่สามารถทำได้
เช่นนั้น ก็หมายความว่าลู่เสี้ยงหยางนั้นยิ่งใหญ่กว่ามหาเศรษฐีของปินเหอไม่ใช่หรือ?
ต่อมา ชิวรั่วหานไม่สามารถเก็บความสงสัยนี้ต่อไปได้ เธอเดินมาที่จ้างลู่เสี้ยงหยาง จ้องชายหนุ่มนิ่ง ก่อนถามด้วยรอยยิ้มหวาน “พี่เขย พี่ทำได้ยังไง? พี่บอกมานะพี่มีความลับอะไรที่ไม่ได้บอกฉันใช่ไหม”
ลู่เสี้ยงหยางแอบคิดในใจเรื่องที่ปิดบังเธอไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แต่กลับตอบอย่างหน้าตาย “ไม่มี ผมแค่รู้จักใครบางคนโดยบังเอิญ และเขาบังเอิญเป็นคนที่หยางฉุนฉุนต้องการความช่วยเหลือจากเขา เพราะงั้นเธอก็เลยเกรงอกเกรงใจผมเท่านั้น”
ชิวรั่วหานใสชื่อยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ว่าลู่เสี้ยงหยางจะพูดอะไรเขาก็พยักหน้าเชื่ออย่างนั้นอย่างว่าง่าย
โอหยางรั่วสุ่ยฉลาดหลักแหลม เธอไม่ใส่ซื่อเหมือนกับชิวรั่วหาน ในใจของเธอตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ ลู่เสี้ยงหยางไม่ธรรมดาแน่
ขณะเดียวกันความรักที่มีต่อลู่เสี้ยงหยางก็เพิ่มมากขึ้นไปด้วย จนเธอถอนตัวไม่ขึ้นอีกต่อไป ดื่มด่ำกับความรักใคร่ที่มีต่อลู่เสี้ยงหยาง
หลังจากนั้น เมื่อตกดึก
ทีแรกชิวรั่วหานและโอหยางรั่วสุ่ยตัดสินใจที่จะอยู่เฝ้าเย่สวนกับลู่เสี้ยงหยางด้วย แต่ลู่เสี้ยงหยางไม่อยากให้สองสาวอดหลับอดนอนไปพร้อมกับเขาด้วย จึงให้พวกเธอกลับไปก่อน
ในคืนเดียวกันนั้น ลู่เสี้ยงหยางอยู่เฝ้าเย่สวนที่โรงพยาบาลคนเดียว
ส่วนหลิวจิ้ง หลังจากที่บริษัทของเธอปิดตัวลง เธอก็หมดอาลัยตายอยาก แต่ละวันนอกจากเล่นไพ่นกกระจอกแล้ว ก็นัดเพื่อนออกไปเที่ยวเล่น ช่วงนี้ไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าใดนัก
ลู่เสี้ยงหยางเคยชินแล้วกับการที่แม่ยายของเขาไม่อยู่บ้าน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช้าวันที่สองมาเยือน
หลังจากที่คุณหมอเข้าไปตรวจอาการของเย่สวนที่ห้องพักฟื้น ลู่เสี้ยงหยางที่เป็นผู้ปกครองถูกคุณหมอเรียกเข้าไปในห้อง
คุณหมอเป็นชายชราที่สวมแว่นสายตายาวสีเทา เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชี่ยวชาญมากที่สุดคนหนึ่งในโรงพยาบาล
เมื่อเขาเห็นลู่เสี้ยงหยาง ชายชราส่ายหน้าถอนหายใจไม่หยุด สีหน้าเจ็บปวดเสียใจ
ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกได้ถึงความย่ำแย่ “คุณหมอ ภรรยาของผมเป็นยังไงบ้าง? ผมเข้าไปเยี่ยมเธอได้ไหม?”
คุณหมอพยักหน้า “ไม่มีปัญหา แต่ผมมีเรื่องที่จะคุยกับคุณ”
ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้า “ว่ามาได้เลย”
คุณหมอรับคำสั้นๆ ก่อนกล่าว “ตอนนี้สถานการณ์ของคนไข้คงที่แล้ว สัญญาณชีพปกติดี จากข้อมูลต่างๆ ที่ตรวจสอบพบ เรายากที่จะดูออก เมื่อคืนหลังจากที่เธอเกิดอุบัติเหตุ ผมจะบอกคุณแบบนี้แล้วกัน สัญญาณชีพจรที่เราตรวจพบของเธอเหมือนกับคนปกติทั่วไป แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เราไม่เข้าใจ คนไข้ยังหมดสติ ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย”
อะไรนะ?
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ลู่เสี้ยงหยางขมวดคิ้วแน่น สัญญาณชีพจรของเย่สวนปกติดี แต่ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ นี่มันอะไรกัน?
คุณหมอรับรู้ถึงความประหลาดใจของลู่เสี้ยงหยาง จึงกล่าวเสริม “เรายังไม่พบว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ แต่ผมได้เรียกประชุมด่วน กับผู้เชี่ยวชาญของทางโรงพยาบาลแล้ว เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ คุณไม่ต้องเป็นห่วง…..”
ลู่เสี้ยงหยางไม่มีกะจิตกะใจที่จะฟังต่อ เขารีบออกไปจากห้องทำงานของหมอชรา เพื่อไปเยี่ยมเย่สวน เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของเธอ
เย่สวนที่อยู่ในห้องผู้ป่วยนอนหลับใหลอย่างเงียบสงบ เธอดูสงบนิ่ง ราวกับเพียงแค่นอนหลับไปเฉยๆ
ลู่เสี้ยงหยางไม่มีเวลาดูเย่สวน
เขาตรวจชีพจรของเย่สวน ก่อนที่จะตรวจสอบดวงตาของเธอ
วิชาทางการแพทย์ของลู่เสี้ยงหยาง เขาสามารถวินิจฉัยสถานการณ์ของเย่สวนได้อย่างรวดเร็ว เมื่อสักครู่คุณหมอพูดถูก สัญญาณชีพจรของเย่สวนปกติดี ตามหลักแล้วไม่ได้ต่างอะไรกับคนปกติทั่วไป
แต่เธออยู่ในการหลับใหล ไม่รับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น ราวกับเจ้าหญิงนิทรา
ลู่เสี้ยงหยางไม่เข้าใจ เมื่อสักครู่เขาตรวจเช็กระบบประสาทของเธอ ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนใดๆ ไม่มีทางที่เธอจะเป็นเจ้าหญิงนิทราไปได้นี่นา
ภายใต้ความขัดแย้ง สถานการณ์นี้ค่อนข้างประหลาด
ตามหลักแล้วลู่เสี้ยงหยางมีวิชาแพทย์ที่ยอดเยี่ยม สำหรับเขาแล้ว ต่อให้เป็นโรคมะเร็งก็สามารถรักษาให้หายได้ แต่ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะพยายามคิดยังไง ก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าเย่สวนเป็นอะไรกันแน่
ทางด้านการแพทย์ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่เสี้ยงหยางไม่สามารถทำอะไรได้
ไม่ไม่ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้? ไม่มีเหตุผลเลย
ลู่เสี้ยงหยางส่ายหน้าอย่างแรง นึกถึงความเป็นไปได้ทุกทาง การรักษาทุกวิธี แต่ท้ายที่สุดก็ไร้หนทาง