เย่จิงเหยียนยิ้มนิดๆพูดว่า “เธอสวยมาก เพียงแต่คุณน่าจะไม่รู้จัก ฉันกินเสร็จแล้ว ไว้เจอกัน”
พูดจบ เย่จิงเหยียนเช็ดปาก ลุกขึ้นเดินไปเคาท์เตอร์ชำระเงิน
สาวสวยมองตามหลังเขาไป ความอิจฉาริษยาในใจกำลังพลุ่งพล่าน เธอปลอบตนเองว่าไม่เป็นไรๆไม่หยุด ถึงยังไงก็ใกล้จะบรรลุเป้าหมายแล้ว แต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะอิจฉา ท้ายที่สุดแล้วผู้หญิงแบบไหนที่สามารถครอบครองผู้ชายที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ได้
เวลานี้ พันธมิตรในอเมริกาของเย่ฮวางมาที่เย่ฮวางเพื่อหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการล่าสุด หลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารกันอย่างคึกคัก เย่จิงเหยียนส่งพวกเขาไปยังโรงแรมที่ดีที่สุดในเมือง A เพื่อพักผ่อน
ทว่าไม่รู้ เขาเพิ่งจะก้าวเข้าไป ก็มีรถAlphardหนึ่งคันมาจอดหน้าประตูทางเข้าโรงแรม มีสาวสวยเซ็กซี่คนหนึ่งออกมาอย่างแอบๆ แล้วรีบเข้าไปในโรงแรม
หุ้นส่วนหลายคนของเย่ฮวางดื่มมากไปหน่อย ต้องการจะลากเขาไปที่คาราโอเกะของโรงแรม จนปัญญา เย่จิงเหยียนเลยต้องไปเป็นเพื่อน ด้วยเหตุนี้ ออกมาจากโรงแรมก็ดึกมากแล้ว
เขาไม่เคยคาดคิดเลย การกระทำที่ปกติเช่นนี้ของตนเอง ทว่ายังถูกคนใช้ประโยชน์อย่างถึงที่สุด
วันต่อมา เมื่อเย่จิงเหยียนกำลังนอนหลับอยู่ เสียงเคาะประตูก็ทำเขาตื่น
“ใครอ่า” เย่จิงเหยียนพลิกตัว ถามด้วยความสะลึมสะลือ
“พี่ ฉันเอง รีบเปิดประตูเร็ว” เย่ชูวเสวียพูดอย่างรีบร้อน
เย่จิงเหยียนสะบัดมือ เสียงประตู”คลิ๊ก”เปิดออก เย่ชูวเสวียสวมชุดนอนลายการ์ตูน ถือโทรศัพท์รีบวิ่งเข้ามา ตบๆบนหลังของพี่ชาย “พี่ อย่าเพิ่งนอน รีบลุกขึ้น คุณมีข่าวฉาวแล้ว”
“ไร้สาระ อีเหยาไม่ได้กลับมา ฉันจะมีข่าวฉาวที่ไหน?” เย่จิงเหยียนหลับๆลืมๆ พูดบ่นพึมพำ
เย่ชูวเสวียใช้แรงโยกไหล่ของเขา “จริงๆ พาดหัวข่าว บอกว่าคุณเลี้ยงดูดาราสาวนักแสดงแนวสอง”
เย่จิงเหยียนลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “คุณพูดว่าอะไรนะ? ฉันทำอะไร?”
“เลี้ยงดูดาราสาวนักแสดง แพร่หลายบนอินเตอร์เน็ต คุณดูเองเถอะ” เย่ชูวเสวียเปิดโทรศัพท์และส่งให้ตรงหน้าพี่ชาย
เย่จิงเหยียนไม่สวมเสื้อมองไปที่โทรศัพท์ ด้านบนเขียนหัวข้อตัวใหญ่ นักแสดงหญิงหยางจิงได้สานสัมพันธ์กับประธานคนใหม่ของเย่ฮวางกรุ๊ป มองลงไปอีกครั้ง ใช้พื้นที่จำนวนมากเพื่อบรรยายความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง
ยังมีรูปถ่ายติดอยู่สองสามรูป เย่จิงเหยียนกอดเธอที่หน้าประตูทางเข้าโรงแรม กินข้าวกลางวันด้วยกัน เต้นรำด้วยกันกับเธออย่างหวานชื่น เป็นรูปถ่ายของคน 2 คนที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง
บทความทั้งหมดเขียนขึ้นมั่วๆ ทว่ายังทำให้คนหวนคิดตามกัน พูดเกี่ยวกับที่งานเลี้ยง เย่จิงเหยียนปฏิเสธการเชิญชวนให้เต้นรำของผู้หญิงทุกคน เพื่อเต้นรำกับหยางจิงคนเดียวเท่านั้น เพราะเย่จิงเหยียนชื่นชอบหยางจิงมานานแล้ว
แล้วก็เย่จิงเหยียนกับหยางจิงใช้เวลาอยู่ด้วยกันในโรงแรมสามชั่วโมง คนก่อนหน้ารีบร้อนออกไป คนหลังก็อยู่จนฟ้าสาง ดูเหมือนว่าทั้งสองคนอยู่ในช่วงรักกันอย่างโงหัวไม่ขึ้น
เย่จิงเหยียนรีบดูให้จบอย่างรวดเร็ว แล้วก็หัวเราะตัวโก่ง “What the f*ck นักข่าวคนนี้ไร้สาระเหลือเกิน หยางจิงคนนี้ทำอะไรอ่ะ? ฉันก็แค่เคยเจอไม่กี่ครั้งเท่านั้น”
“เป็นนางรองในละครย้อนยุคเมื่อไม่นานมานี้”
เย่จิงเหยียนนำโทรศัพท์ให้เธอ พูดอย่างโกรธๆเล็กน้อยว่า “ผู้หญิงคนนี้หาโอกาสต่างๆแล้วจงใจเอาฉันไปเป็นกระแส”
“ใช่ ฉันรู้ว่ามันคือกระแส แต่คนอื่นไม่รู้”
“มือสะอาดไม่จำเป็นต้องล้าง ฉันจะต้องสนใจคนอื่นทำไม?”
“พี่ คุณไม่ใช่คนโง่ เรื่องแบบนี้หากให้สาวน้อยรู้เข้า ฉันจะดูว่าคุณยังจะบอกว่ามือสะอาดไม่จำเป็นต้องล้างอีกไหม”
หนึ่งประโยคของเย่ชูวเสวียปลุกให้เย่จืงเหยียนตื่นตกใจ ใช่สิ ต้วนอีเหยาอยู่ที่กองทัพตลอดทั้งปี เป็นธรรมดาที่จะไม่เข้าใจเบื้องหลังของเรื่องราวนี้ ในกรณีที่เธอเห็นเข้า ตนเองจะกระโดดลงไปในแม่น้ำฮวงโหก็ล้างไม่สะอาดแล้ว
“ออกไปออกไป ฉันจะใส่เสื้อผ้า”
เย่ชูวเสวียก็หายไปจากในห้องอย่างรวดเร็ว พี่ชายของเธอนี่ มีเพียงสาวน้อยเท่านั้นที่สามารถอยู่ได้ในตอนนี้
อาหารเช้า มู่เวยเวยสีหน้าเป็นทุกข์ถามลูกชาย “เรื่องคุณกับนักแสดงคนนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร?”
เย่จิงเหยียนหงุดหงิดในใจ กินข้าวไปสองคำก็วางลง “แม่ ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ เธอชื่ออะไรฉันยังเพิ่งจะรู้จากข่าวบันเทิงเลย”
เย่ฉ่าวเฉินเคยประสบกับเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน พูดในฐานะคนที่เคยผ่านมา “ดาราสาวชั้นต่ำต้อยประเภทนี้แค่อยากมีกระแสกับคุณก็เท่านั้น ในความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องชี้แจงตราบใดที่มันไม่ทำลายผลประโยชน์ของบริษัท เพราะยิ่งชี้แจงต่อสาธารณะ ประเด็นเรื่องนี้ก็ยิ่งร้อนขึ้น และคุณไม่มีหลักฐานที่จับต้องได้ว่าคุณสองคนไม่รู้จักกัน อย่าสนใจเลย มากสุดก็แค่สองวัน เรื่องนี้ก็หายไปแล้ว”
เย่จืงเหยียนคิ้วขมวด “พ่อ ฉันจะไม่ชี้แจงต่อสาธารณะก็ได้ แต่ว่าต้องการพูดกับอีเหยาให้ชัดเจน เธอไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ฉันกลัวว่าเธอจะเชื่อข่าวลือเหล่านี้”
“คุณจะไปหาเธอตอนนี้เลยหรอ?” เย่ฉ่าวเฉินย้อนถาม
เย่จิงเหยียนดูเหี่ยวเฉาทันที “ไม่ได้ข่าวคราวของเธอก็กระวนกระวายใจ ไม่ได้ ฉันต้องให้บริษัทส่งคำแถลงอย่างเป็นทางการออกไป”
พูดจบ เย่จิงเหยียนก็โทรหาเลขาหวัง
มู่เวยเวยเห็นด้วยกับแนวทางของลูกชายของเธอ เหลือบมองสามีแล้วพูดว่า “คุณก็รู้แต่ผลประโยชน์ของบริษัท จริงๆแล้วผู้หญิงอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้มาก เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำอย่ากลัวแม้ว่าตอนนี้ยังไม่เป็นจริง”
เย่ฉ่าวเฉินใบหน้ายิ้มแย้มทันที “ใช่ใช่ใช่ คุณภรรยาพูดถูก”
“ชิ!”
เก้าโมงเช้า มีการโพสต์แถลงการณ์บนอินเตอร์เน็ต ชี้แจงว่าประธานเย่จิงเหยียนของเย่ฮวางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับหยางจิง เนื้อหาทั้งหมดของบทความเป็นเรื่องสมมติขึ้นมา สร้างขึ้นมั่วๆ ภาพถ่ายก็เป็นเพียงความบังเอิญ เดิมทีเย่จิงเหยียนไม่ได้รู้จักหยางจิงเลย
หินก้อนเดียวทำให้เกิดคลื่นกระเพื่อมขึ้นมา
เหตุการณ์นี้ได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็วจากสื่อต่างๆ แหล่งปล่อยข่าวก็กระพือขึ้นมา โดยตลอดทางด้านหยางจองนั้นก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับด้านบวก แต่ทว่ามีคนจำนวนมากที่ติเตียนบนอินเตอร์เน็ต ว่าตระกูลเย่ผู้ร่ำรวยรังเกียจฐานะของหยางจิง ต้องการทอดทิ้งเธอ นี่คือพฤติกรรมของผู้ชายที่นิสัยไม่ดี
เย่จิงเหยิงจริงคือทั้งโมโหทั้งตลก อันที่จริงเขาขี้เกียจเกินไปที่จะสนใจในสิ่งที่ชาวเน็ตพูด สิ่งสำคัญคือต้วนอีเหยาต้องเชื่อมั่นในตัวเขา
แต่เขาไม่รู้ว่า ผู้หญิงที่คิดถึงอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ กำลังไล่ล่าอาชญากรต่างชาติสองคนสุดท้ายอย่างสุดความสามารถท่ามกลางน้ำแข็งและหิมะ
“หยุด ไม่งั้นฉันยิง” ต้วนอีเหยาพูดเสียงแข็ง
สองคนนั้นจะฟังเธอได้อย่างไร ยังคงวิ่งไปข้างหน้าไม่หยุด
ไม่รอติ่ไปอีกแล้ว ตเวนอีเหยายิงออกไปอย่างไม่ลังเล กระสุนหนึ่งนัดทะลุผ่านความเย็นในอากาศ ยิงเข้าหัวใจของหนึ่งในนั้นจากทางด้านหลัง คนคนนั้นล้มลงกับพื้น
เขามองคู่หูของเขา หยุดฝีเท้าลงทันที หันมาพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า “หยุดนะ มิฉะนั้นพวกมึงก็ตายไปพร้อมกับกูนี่แหละ”
ต้วนอีเหยาหยุดทันที เพราะว่าเธอเห็นมือของชายคนนั้นกดขวดแก้วไว้แน่น ในขวดเต็มไปด้วยก๊าซสีฟ้าอ่อน
“เอาปืนโยนลงไป” ชายคนนั้นพูดภาษาจีนกลางได้อย่างคล่องแคล่ว
“คุณวางของลง ฉันจะปล่อยคุณไป” ในแววตาของต้วนอีเหยาล้วนมีแต่ความดุร้าย
คนคนนั้นหัวเราะเยาะ “คุณหลอกเด็กสามขวบหรอ? ถ้าไม่อยากตาย ก็วางปืนลงให้หมด”
“ประโยคนี้ฉันต้องพูดกับคุณ” ต้วนอีเหยาจับปืนแน่น
การแสดงออกของคนๆนั้นดูบ้าบิ่นเหลือเกิน “โอเค งั้นก็จายไปพร้อมกับพวกกู มีคนตายไปพร้อมกับกูเยอะขนาดนี้ กูก็คุ้มค่าแล้ว” พูดจบ มือก็กำลังจะกดฝาขวดเล็กๆนั้น
ต้วนอีเหยาเหนี่ยวไกทันที ยิงไปที่ข้อมือของเขา ชายคนนั้นร้องอย่างเจ็บปวดทรมาน นำขวดโยนออกไป
“คว้าขวดไว้” ต้วนอีเหยาร้องตะโกน
เพื่อนทหารสองสามคนวิ่งโผเข้าไป รับขวดไว้ในมือก่อนที่จะกระแทกพื้น ชายคนนั้นถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้เตรียมป้องกัน มืออีกข้างหยิบปืนออกมากำลังจะยิงใส่ขวด ทว่าถูกต้วนอีเหยาพบเห็น ยิงไปที่หัวใจของเขา ใครจะรู้ว่าพลังชีวิตเขาเข้มแข็งเกินไป ก่อนหมดลมหายใจ ยังคงเหนี่ยวไกปืน
แน่นอน นัดนี้ไม่โดนอะไร แต่เสียงปืนดังลั่นไปทั่วหุบเขาธารน้ำแข็ง
ชิงหลงก้าวไปข้างหน้าเพื่อค้นหาสิ่งของมีค่าของคนๆนั้น เสียงก้อนหิมะเล็กๆกลิ้งมาที่เท้าของเขา เงยหน้าขึ้น ตกใจหน้าถอดสี “เชี่ย หัวหน้าถอยเร็ว หิมะถล่ม”
ต้วนอีเหยาก็ได้ยิน”กรอบแกรบ”เสียงหิมะร่วง ระเบิดคำสบถในใจ ตะโกนไปทางพวกพี่น้อง “บรรจุขวดให้ดี แล้วรีบลงจากเขา”
ก้นหิมะขนาดมหึมากลิ้งลงมา พุ่งเข้าหาพวกเขาด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง ต้วนอีเหยาวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดในชีวิต เงื้อมมือแห่งความตายกำลังไล่ตามหลังมา ใครก็ไม่กล้าเกียจคร้าน
ฉับพลัน ก็มีรถจี๊ปปรากฏอยู่ตรงหน้า ต้วนอีเหยาดีใจ เป็นคนของพวกเขา
รถจี๊ปอยู่ท่ามกลางหิมะที่ถล่มลงมา ตะโกนเสียงดังมาทางพวกเขาว่า “เร็วขึ้นรถ”
คนสิบกว่าคนกระโดดขึ้นรถราวกับบิน บางคนกระโดดเข้ามาในรถ บางคนก็เกาะยืนอยู่ข้างประตูรถ รอทุกคนขึ้นจนครบ รถก็พุ่งทยานออกไป
ค่อยสลัดยมทูตทิ้งไว้ด้านหลัง ในที่สุดทุกๆคนก็โล่งใจ
ตอนกลางคืน เย่จิงเหยียนนั่งดูข่าวอยู่ในห้องรับแขก ประจวบกับเป็นข่าวหิมะของภูเขาน้ำแข็งคุนหลุนถล่ม
“ตามที่เข้าใจ หิมะถล่มครั้งนี้เกิดจากปัจจัยของมนุษย์ โชคดีที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ……”
ไม่รู้ทำไม เมื่อเห็นรายงานนี้เย่จิงเหยียนรู้สึกหวั่นๆในใจ รู้สึกว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับต้วนอีเหยา ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ? หากเธอกำลังปฏิบัติภารกิจลับอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ ก็จะสามารถรายงานได้อย่างไร?
เย่จิงเหยียนคิดถึงคนบางคนอยู่ตลอดเวลา เป็นเพราะว่างานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ทุกๆคนได้รับเลื่อนยศสิงขั้น หลังจากชื่นชมและให้รางวัลเสร็จ จากนั้นพวกเขาก็ถูกขังอยู่ในห้องดำเล็กๆตามลำพัง
เป็นธรรมเนียมที่มีมาโดยตลอด การที่ยิงคนตาย หลังจากกลับมาของทุกอย่างจะต้องเผาทิ้ง แล้วก็โดดเดี่ยวอยู่สักระยะหนึ่ง ให้รับประกันได้ว่าความดุร้ายหายไปจากตัวตน ทำให้พวกเขาสงบจิตใจลง
ขังอยู่หนึ่งวันหนึ่งคืน เมื่อเทียบกับการนอนหลับก่อนหน้านี้ ต้วนอีเหยาคิดถึงเย่จิงเหยียนมากที่สุดในครั้งนี้ ไม่รู้ว่าตอนนี้ตาหมอนี่กำลังทำอะไรอยู่ เธออยากหาเวลาว่างกลับไปดูเขา
ออกจากห้องดำวันนั้น ทหารต้วนก็มารับเธอด้วนตนเอง เห็นลูกสาวผอมลงไปมาก แก้มแดงระเรื่อด้วยความเย็น ในใจก็เป็นทุกข์อย่างมาก
เด็กผู้หญิงคนอื่นๆทำงานและแต่งงานเมื่ออายุเท่าเธอนี้ แต่งตัวให้ตนเองอย่างสวยงาม แต่ลูกสาวของเขานี้ ทว่าต้องผ่านความเป็นความตายอยู่ตลอดเวลา เส้นทางนี้ยุติธรรมกับเธอแล้วชาไหม?
ต้วนอีเหยาเห็นพ่อของตน กอดแขนพ่อแล้วยิ้ม “เฮ้อ วันนี้ฉันมีเกียรติมากจริงๆ ท่านผู้นำมารับฉันด้วยตนเองเลย”
“ฉันเป็นท่านผู้นำ แต่ก็เป็นพ่อของคุณนะ” ทหารต้วนกล่าวอย่างอบอุ่น
ต้วนอีเหยาพูดอย่างแปลกใจ “พ่อ วันนี้คุณเป็นอะไรไป? เมตตาอ่อนโยนแบบนี้ มีเรื่องอะไรที่ยากลำบากที่ต้องให้ฉันไปทำใช่ไหม?”
ทหารต้วนเงียบไปชั่วขณะหนึ่งแล้วพูดว่า “เหยาเหยา คุณเคยคิดอยากจะออกจากกองทัพไหม?”
เด็กผู้หญิงหยุดก้าวฝีเท้าไปชั่วขณะ มองพ่อที่เผชิญโลกมาอย่างโชกโชนอย่างจริงจัง “พ่อ นี่คุณหมายความว่ายังไง?”
ทหารต้วนยื่นมือมาจับที่บาดแผลบนใบหน้าของเธอ พูดอย่างเจ็บปวดใจว่า “จู่ๆฉันก็รู้สึกว่าคุณเป็นแบบนี้ลำบากมาก เด็กผู้หญิงก็ควรจะมีชีวิตที่มีความสุข เรียนหนังสือ ทำงาน มีแฟน แต่งงาน และไม่ใช่เสี่ยวภัยอันตรายแบบนี้เหมือนคุณ ถ้าแม่ของคุณรู้ว่าคุณต้องผ่านการใช้ชีวิตแบบนี้ จะต้องตำหนิฉันอย่างแน่นอน”
“พ่อ ฉันไม่ได้รู้สึกลำบากเลยสักนิด ฉันรู้สึกดีมากนะ”
ทหารต้วนถอนหายใจอย่างจนใจ “ตอนแรกคุณสมัครเข้าเป็นทหารก็คือเพื่อแก้แค้นให้แม่ เรื่องนี้ก็จบลงไปนานแล้ว ช่วงปีนี้คุณก็ทำได้ดีอย่างมาก อันที่จริง……”
“พ่อ” ต้วนอีเหยามองพ่ออย่างจริงจัง “คุณก็เป็นทหารคนหนึ่ง ทำไมถึงมีความคิดแบบนี้ล่ะ?”
“ฉันเป็นทหารคนหนึ่ง และฉันก็เป็นพ่อคนหนึ่ง” สีหน้าทหารต้วนขัดแย้งกันอย่างมาก “วันนั้นที่หิมะถล่ม ถ้าคุณสละชีพ ฉันจะทำยังไง?”
“พ่อ นี่ฉันพยายามเต็มที่แล้วไม่ใช่หรอ? ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว รู้ว่าสิ่งที่ตนเองต้องการคืออะไร” ต้วนอีเหยาพูดอย่างจริงจัง “ฉันรักที่จะเป็นทหาร ปกป้องคนที่ฉันต้องการปกป้อง คุณไม่ต้องพูดโน้มน้าวฉันอีกแล้ว ถ้าวันไหนฉันไม่อยากเป็นทหารแล้ว ฉันจะขอปลดประจำการด้วยตนเอง”
“คุณจะปลดประจำการเอง? เหอะๆ งั้นฉันคงต้องรอไปชั่วชีวิต”
ต้วนอีเหยาคล้องแขนพ่อของอีกครั้ง แสดงท่าทางเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ “พ่อ ภาระกิจครั้งนี้ฉันทำสำเร็จแล้วเป็นยังไงบ้าง?”
“ดีมาก รางวัลก็มอบให้ไปหมดแล้วไม่ใช่หรอ?”
ต้วนอีเหยากลอกตาไปมา “พ่อ คุณให้ฉันหยุดได้กี่วันล่ะ ฉันมีธุระนิดหน่อย”
ทหารต้วนหันกลับมามองเธอ “คุณอยากไปหาเย่จิงเหยียนนั่นล่ะสิ”
“ใช่” ต้วนอีเหยาไม่ได้ปิดบัง เธอรู้ชัดเจนว่า พ่อจะต้องตรวจสอบภูมิหลังทั้งหมดของเย่จิงเหยียนแล้วแน่นอน นับว่าเป็นการยอมรับโดยนัย ไม่เช่นนั้นเย่จิงเหยียนจะเข้าออกโรงพยาบาลทหารได้อย่างราบรื่นอยู่บ่อยๆได้ยังไง?
จู่ๆสีหน้าของทหารต้วนก็เปลี่ยนไป “ผู้ชายคนนั้นไม่เหมาะสมกับคุณ”
ต้วนอีเหยานิ่งอึ้งไป “พ่อ ทำไมจู่ๆคุณ…….” ท่าทีคุณเปลี่ยนไปมากแบบนี้
“ครั้งที่แล้วฉันก็พูดไปแล้ว คนทำธุรกิจแบบนี้ ความคิดไม่รู้ได้แน่ คุณบอกว่าพวกคุณเป็นแค่เพื่อนกัน ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจ เพียงแต่ตอนนี้เป็นอะไร? ยังเป็นเพื่อนอยู่หรอ?”
ต้วนอีเหยาอดไม่ได้ที่จะเขินอาย “พ่อ อันที่จริงเขาก็ไม่เลวนะ”
“อะไรไม่เลว? เขาก็หลอกเด็กผู้หญิงไร้เดียงสาแบบคุณนี่ไง” น้ำเสียงทหารต้วนเฉียบขาด
ต้วนอีเหยาสังเกตเห็นถึงความทะแม่งๆ รีบกล่าวถามว่า “พ่อ เกิดเรื่องอะไรขึ้น? คุณถึงโมโหแบบนี้?”
ทหารต้วนล้วงมือถือของตนเองออกมาให้เธอ “คุณดูเองเถอะ ข่าวอื้อฉาวของเย่จิงเหยียนคนนั้นและดาราสาวที่แพร่กระจายอย่างครึกโครม คุณยังบอกว่าเขาไม่เลว เห๊อะ”
ต้วนอีเหยาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ค้นหาคำว่าเย่จิงเหยียนสามคำ หัวข้อแรกที่ปรากฎก็คือเย่จิงเหยียนเลี้ยงดูหยางจิงดาราสาว
สมองเหมือนถูกคนทุบด้วยกำปั้น เสียงดังวึ้งวึ้ง เวลาอยู่กับตนเอง เขาแสดงออกว่ารักตนเองอย่างมาก ทำไมไปครึ่งเดือนกว่า เขาก็ไปอยู่ด้วยกันกับผู้หญิงคนอื่นแล้วหรอ?
เต้นรำ ทานข้าว แล้วก็……เปิดโรงแรม?
เย่จิงเหยียน คุณเยี่ยมไปเลย ฉันดูถูกคุณเกินไปจริงๆ
หัวใจเหมือนถูกใครแทงจนไปเป็นรู เธอไม่อยากจะเชื่อว่าที่กล่าวด้านบนนี้คือเย่จิงเหยา เพราะไม่เหมือนกับที่ตนเองรู้จักเลยสักนิดเดียว แต่รูปภาพก็ฟ้องอยู่ จะโกหกได้ยังไง?
อ่านหน้าแรกจบอย่างอึดอัดในรวดเดียว เห็นลิงค์ด้านล่าง มีหัวข้อหนึ่งที่เป็นคำชี้แจงของเย่จิงเหยา
ชี้แจงอะไร?
กดเปิดดู บนคำชี้แจงบอกว่า เย่จิงเหยียนและหยางจิงเพียงแค่พบกันโดยบังเอิญเท่านั้น แม้แต่เพื่อนก็ไม่ได้เป็น จะเลี้ยงดูเธอได้อย่างไร? เรื่องนี้เดิมทีก็คือดาราสาวหยางจิงสร้างกระแสอยู่ฝ่ายเดียว
บางคนที่โกรธอยู่เมื่อกี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะงุนงง ตกลงควรจะเชื่อคำพูดของใคร? คนหนึ่งบอกว่าถูกเลี้ยงดู คนหนึ่งบอกว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง บางทีอาจจะเป็นเพราะการแสดงออกที่ดีเกินไปของเย่จิงเหยียนก่อนหน้านี้ ในใจของต้วนอีเหยายังคงเอนเอียงไปยังเขา
“พ่อ ฉันคิดว่าเรื่องนี้……….น่าจะเป็นดาราสาวคนนี้สร้างกระแสนะ” ต้วนอีเหยาพูดอย่างลังเลใจ
ทหารต้วนจ้องมองลูกสาว “ไม่มีลมไหนเลยจะมีคลื่น ถ้าเขากับดาราสาวคนนี้ไม่รู้จักกันจริงๆ ทำไมต้องเต้นรำกับคนอื่น ทานข้าว? หรือว่าเป็นรูปภาพปลอมหรอ?”
ต้วนอีเหยาถูกคำพูดสองคำของพ่อทำให้เงียบเหมือนเป็นใบ้ คิดๆแล้วเธอก็พูดว่า “พ่อ ฉันอยากถามต่อหน้าเขา”
ไม่ได้เห็นเรื่องราวนี้ด้วยตนเอง ต้วนอีเหยาไม่อยากสรุปเร็วแบบนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะโกรธมากจริงๆ
ทหารต้วนรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ทำไมยัยเด็กคนนี้ถึงหัวดื้ออย่างนี้นะ? เขามาส่งข้าวให้คุณสองสามวัน ใจของคุณก็วิ่งตามเขาไปแล้วหรอ?”
ต้วนอีเหยาสีหน้าเด็ดเดี่ยว “พ่อ ฉันไม่เชื่อว่าเย่จิงเหยียนจะเป็นคนแบบนี้ ถ้าเขาอยากมีความสัมพันธ์กับดาราสาวคนไหน นั่นเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด ทำไมยังต้องมาลำบากทำซุปส่งข้าวให้ฉันแบบนั้นด้วย? เขามีเจตนาอะไรกับฉันล่ะ?”
สายตาทหารต้วนเคร่งขรึม “ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าตกลงเขามีเจตนาอะไร”
“พ่อ ให้เวลาฉันสองสามวัน ฉันอยากไปถามเขาด้วยตนเอง”
ทหารต้วนทอดถอนใจอย่างลับๆ “เอาล่ะ เพียงแต่ไม่ว่ายังไงคุณก็ต้องให้ผ่านไปสองวันก่อน รอให้แผลบนใบหน้าดีขึ้นสักหน่อย……..”
“ไม่ต้อง นี่เป็นสภาพปกติของฉันอยู่แล้ว ถ้าเขายอมรับสภาพแบบนี้ของฉันไม่ได้ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรให้มากอีก”
“คุณจะไปเมื่อไร?”
“เย็นนี้”
เมืองA
เรื่องอื้อฉาวไม่ได้ลดความร้อนแรงลงเพราะคำชี้แจงของบริษัทเย่ฮวาง คล้ายกับเบื้องหลังเรื่องนี้มีมือหนึ่งกำลังผลักดันให้เรื่องราวก้าวไปข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใบหน้าที่ซีดเซียวและร้องไห้ของหยางจิงปรากฏต่อหน้านักข่าว ดูเหมือนจะยืนยันความจริงที่ว่าเย่จิงเหยียนทอดทิ้งเธอ
เย่จิงเหยียนนั่งอยู่ในห้องทำงานด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม เรื่องอื้อฉาวนี้มาได้ประจวบเหมาะเกินไป ช่วงนี้เหมือนว่าตนเองที่ไหนก็จะบังเอิญพบกับดาราสาวนักแสดงแนวสองคนนี้ แล้วยังบังเอิญถูกนักข่าวถ่ายรูปอีก ถ้าบอกว่าไม่ได้คิดร้ายกับผู้อื่น ให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ
เพียงแต่ ต้องการดึงให้เย่จิงเหยาเป็นข่าวอื้อฉาว กลัวว่านี่จะไม่คุ้มค่าใช้จ่ายที่ต้องเสีย
“เลขาฯหวัง เข้ามาหน่อย”
ผ่านไปครึ่งนาที เลขาฯหวังก็เข้ามา “ประธานเย่”
“ไปตรวจสอบหน่อย หยางจิงคนนี้ตอนนี้ถ่ายละครอะไร เข้าร่วมรายการวาไรตี้ใดบ้าง มีแถลงข่าวอะไร ตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดที่เธอมีในมือให้ชัดเจน หลังจากนั้นก็ไปตรวจเช็คหน่อย ให้เธอหยุดทั้งหมด” เย่จิงเหยียนพูดอย่างเย็นชา ในสายตาแฝงไปด้วยการถากถางและยิ้มเยาะ
“ครับ ฉันจะไปจัดการทันที” ในใจเลขาฯหวังตกใจ ยังคิดว่าประธานเย่ไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้ ที่แท้ครั้งนี้ต้องการลงมือ
เวลาสองชั่วโมงสั้นๆ เดิมทีหยางจิงก็คิดว่าตนเองจะมีชื่อเสียงนับจากนี้ไป จู่ๆก็ได้รับสายโทรศัพท์หลายสิบสาย ทั้งหมดล้วนยกเลิกความร่วมมือ แม้แต่รายการวาไรตี้ที่บันทึกเทปไว้ก็บอกเธอว่าจะไม่ออกอากาศ
ครั้งนี้หยางจิงตกตะลึงตาค้าง โดยทั่วไปแล้ว ดาราสาวไปเกาะคนรวยสร้างกระแส อีกฝ่ายก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ทำไมท้ายที่สุดของเขาแล้ว ต้องการบีบบังคับเขาให้ตายเลยหรอ? ไหนบอกว่าเย่จิงเหยียนปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างอ่อนโยนมากไง?
ผู้จัดการเดินหน้สดำคร่ำเครียดเข้ามา หยางจิงโผเข้าไปร้องไห้ทันที “ทำยังไงดี? ฉันควรทำยังไงดี?”
“ฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ!” ผู้จัดการตวาดใส่เธอ “คุณแส่ไปสร้างหายนะเอง ก็ต้องไปเคลียร์ให้จบเอง”
“คุณเป็นผู้จัดการของฉัน คุณไม่ใส่ใจฉันไม่ได้นะ”
ผู้จัดการนั่งลงบนเก้าอี้อย่างโมโหจนหายใจไม่ทัน ชี้นิ้วต่อว่าเธอ “เวลานั้นที่คุณบอกว่าจะทำแบบนี้ฉันก็เคยเตือนคุณแล้ว อย่าไปแตะต้องคนตระกูลเย่ คุณก็ไม่ยอมฟัง ยังบอกว่ามีอะไรภายในข่าว ครั้งนี้ดีไหมล่ะ? ตีรังต่อเข้าให้แล้ว ตระกูลเย่เป็นฐานะอะไร? เขากระทืบเท้าด้วยความโกรธ เมืองAก็ต้องสั่นสะเทือนถึงสามครั้ง……..”
“ฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว แต่ตอนนี้ฉันต้องทำยังไง? ฉันไม่สามารถถูกปิดกั้นได้ ยากที่จะมีชื่อเสียงในสังคมสักเล็กน้อย” น้ำตาหยางจิงหลั่งไหลเป็นสาย
ผู้จัดการมองเธออย่างโกรธเคือง “ยังจะมีวิธีอะไรอีก? ไปหาประธานเย่แล้วกล่าวขอโทษซะ ไปคุกเข่าต่อหน้าเขา ให้เขาปล่อยคุณไปสักครั้ง”
หยางจิงคิดได้ทันที ปาดน้ำตาแล้วพูดว่า “ใช่ๆๆ ฉันต้องไปหาเย่จิงเหยา ไปตอนนี้เลย”
แต่งหน้สเพิ่มเล็กน้อยแล้วไปยังเย่ฮวางกรุ๊ป ถูก ร.ป.ภ.ขวางอยู่ที่หน้าประตู
“ฉันมาหาประธานเย่” หยางจิงสวมแว่นกันแดด เชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง ถึงแม้ในใจจะหวาดกลัวอย่างมาก แต่ต้องทำเป็นหน้านิ่ง
“คุณมีนัดล่วงหน้าไหม?” ร.ป.ภ.ถามอย่างเย็นชา
“ไม่มีก็ไม่สามารถเข้าได้หรอ?”
“ขอโทษด้วย ไม่มีนัดล่วงหน้าไม่สามารถเข้าไปได้เด็ดขาด” ร.ป.ภ.แยกแยะหน้าที่กับเรื่องส่วนตัว เขาแวบเดียวก็มองออกแล้วว่า ผู้หญิงคนนี้คือดาราสาวที่มีเรื่องอื้อฉาวกับประธานเย่ ร.ป.ภ.ไม่สบายใจอย่างมาก ประธานเย่ของพวกเขาชอบทหารหญิงมาดเท่คนนั้น เหนือกว่าเธอมากมายหลายเท่า
“คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ฉันมาหาประธานเย่มีเรื่องด่วน” เวลานี้หยางจิงยังวางมาดเป็นดาราดังคนหนึ่ง
ร.ป.ภ.เหยียดหยามในใจ แต่กล่าวเล่นแง่กับเธอด้วยใบหน้านิ่งเฉยว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร บริษัทของพวกเรามีกฎระเบียบ ไม่ได้นัดล่วงหน้าไม่สามารถเข้าไปได้ หรือไม่คุณก็สามารถโทรศัพท์ไปหาท่านประธานได้”
หยางจิงกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ถึงเธอจะมีเบอร์โทรของเย่จิงเหยียนอีกฝ่ายก็คงจะไม่รับ ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอไม่มี
“โอ้ นี่ใช่ดาราสิบแปดมงกุฎคนนั้นไหมเนี่ย” เสียงที่เต็มไปด้วยความลำพองใจเสียงหนึ่งดังเข้ามา เพียงหยางจิงหันกลับไปมอง ก็พบสาวสวยงามหยาดเยิ้มยืนอยู่ด้านหลัง สวมใส่คอลเลคชั่นใหม่ฤดูใบไม้ร่วงของChanel ในมือถือกระเป๋าHermèsรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น เพียงเห็นก็รู้ว่าเป็นคุณหนูของตระกูลหนึ่ง
คุณหนูใช้สายตาที่ทั้งจับผิดทั้งหยิ่งยโสมองเธอขึ้นลงอย่างพินิจพิเคราะห์รอบหนึ่ง ถอนหายใจอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “ก็ไม่ได้สวยมากมายนี่ ยังอยากจะมาเกาะพี่จิงเหยียนของฉันอีก”
หยางจิงไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี้เป็นใคร แต่ตอนนี้เธออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดี ไม่กล้าตำหนิคุณผู้หญิงตระกูลรวยแบบนี้ ด้วยเหตุนี้จึงพูดเรียบๆว่า “คุณไม่ต้องมาใส่ร้ายป้ายสี เรื่องนี้ไม่รู้ว่าใครที่แอบวางแผนอยู่เบื้องหลัง ฉันก็เป็นผู้เสียหาย”
“หึ คุณคิดว่าทุกคนเป็นคนโง่หรอ?” คุณหนูจ้องมองเธออย่างดูถูก “ฉันดูคุณแล้วก็คงอยากจะหาโอกาสใกล้ชิดกับพี่จิงเหยียนของฉันสินะ น่าเสียดาย ที่แท้คนอื่นไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ คำชี้แจงฉบับนั้นตบหน้าคุณเจ็บไหมล่ะ?”
หยางจิงที่ถือว่าเป็นคนมีชื่อเสียง ถูกทำให้อับอายขายหน้าเช้นนี้ เป็นธรรมดาที่จะโมโหเล็กน้อย “คุณผู้หญิงท่านนี้ คุณกับฉันไม่รู้จักกัน คุณก็ไม่มีพยานหลักฐานใดๆ มีสิทธิ์อะไรมาใส่ร้ายฉัน?”
คุณหนูผายมือยิ้มแล้วกล่าวว่า “ฉันสมัครใจอ่ะ”