Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1523

ตอนที่ 1523
ตอนที่ 1523 สรรพสิ่งรู้แจ้ง

“ฮ่าๆๆ คู่ต่อสู้รอบสุดท้ายนี้ช่างน่าขันเสียจริง ประเมินความสามารถตนเองสูงส่งเกินไป ถึงขั้นระงับพลังลดระดับขอบเขตของตนลง แล้วอย่างไร? ยามนี้รู้ซึ้งถึงความแกร่งกล้าของบรรพกาลราตรีแล้วใช่หรือไม่?”

“คงมองไปเสียว่าน่าเบื่อหน่ายจนสร้างปัญหาให้ตนเอง? คนที่มีความสามารถก้าวขึ้นสู่รอบสิบแปดได้ มีหรือจะอ่อนแอปานนั้น?”

“เหอะ ดูท่ามันจะดูถูกบรรพกาลราตรีเกินไปมาก เหตุนี้จึงหน้าแตกฟาดเข้าระฆังเต็มสูบ?”

แม้พวกเขาเหล่านี้จะไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสองในลานประลองวงแหวน แต่พินิจจากลักษณะท่าทางการแสดงออกแล้ว ก็ยังสามารถอนุมานถึงทัศนคติของเจิ้งเจี้ยนในยามนี้ได้

ความหยิ่งผยองจองเดชนั้นไม่ว่าใครต่างก็รู้สึกได้แม้นจะผ่านภาพฉายก็ตาม

แม้ว่าอัจฉริยะที่เฝ้ามองอยู่ภายนอกเหล่านี้จะไม่ค่อยชอบพอเย่หยวนนัก แต่เพราะเย่หยวนเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถผ่านเข้าถึงรอบที่สิบแปดได้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นตัวแทนของเหล่าอัจฉริยะทั้งหมด

ถึงเจิ้งเจี้ยนจะสามารถเอาชนะถึงขั้นสังหารเย่หยวนได้ก็จริง แต่ถึงอย่างไรก็มิอาจประมาทถึงขนาดนี้ได้

นี่เท่ากับตบหน้าตัวเองชัดๆ!

ภายใต้อิทธิพลทางจิตวิทยานี้ บรรยากาศผิดแปลกประหนึ่งว่าเจิ้งเจี้ยนถูกเย่หยวนตบแสกหน้าเข้าเต็มๆ แต่แล้วอย่างไร เขากลับรู้สึกโล่งใจราวกับได้รับการปลดปล่อยแทน

“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ บรรพกาลราตรีชักจะแย่แล้ว! คู่ต่อสู้ในรอบที่สิบแปดนั้นทรงพลังมาก เขามิใช่คนที่คู่ต่อสู้ทั้งสิบเจ็ดคนก่อนหน้าเทียบเคียงได้เลยแม้แต่น้อย!”

ปาถู่เอ่ยกล่าวขึ้นในทันใด

สำหรับคำสันนิษฐานนี้ ติงฟานค่อนข้างเห็นด้วยเช่นกัน เขาพยักหน้ากล่าวว่า

“หากข้าคาดการณ์ถูกต้อง นี่คงถึงขีดจำกัดของบรรพกาลราตรีแล้ว ในขณะที่คู่ต่อสู้คนนี้ยังระงับระดับพลังไว้อยู่”

ปาถู่กล่าวขึ้นพร้อมหลากอารมณ์สนปรวนแปรนัก

“ข้าอยากเข้าไปดูให้เห็นกับตาเสียจริง นี่คือสุดยอดแห่งศึกสัประยุทธ์ในระดับชั้นจอมทัพปีศาจก็ว่าได้!”

เมื่อฟื้นคืนสู่อาณาจักรบรรพกาลพระเจ้าครึ่งขั้น กายาทั่วร่างของเจิ้งเจี้ยนพลันปลดปล่อยกลิ่นอายสุดน่าสะพรึงเกินหยั่งถึง

“พร้อมใจตายแล้วกระมัง?”

เจิ้งเจี้ยนเค้นหัวเราะเสียงเยียบเย็น ทันใดนั้นร่างของเขาก็ค่อยๆพร่ามัวหายไป

คู่ดวงตาเย่หยวนหรี่ลงเล็กน้อย ทันทีทันใดเพลงดาบเมฆาลับแลก็พลันสำแดงออก ร่างของเขาหายวับในพริบตาเช่นกัน

ราวกับทั้งสองจางหายไปกับอากาศโดยตรง

เกร๊ง! เกร๊ง! เกร๊ง!

กลางห้วงแห่งความว่างเปล่าเสียงโลหะดังปะทะกึกก้อง ริ้วแสงประกายเย็น คมดาบเสียดชนก่อเกิดสะเก็ดไฟวูบวาบเป็นครั้งคราว

สองขั้วแนวคิดที่แตกต่าง หนึ่งเป็นแนวคิดแห่งห้วงมิติ ส่วนอีกหนึ่งคือแนวคิดแห่งวายุ การเคลื่อนไหวของทั้งคู่รวดเร็วผิดวิสัย ช่างดูน่าวิปลาสนัก

สำหรับเหล่ายอดฝีมือ เพียงความต่างของระดับพลังแค่เล็กน้อยกลับส่งผลกระทบร้ายแรงเกินจินตนาการ

“เร็วมาก! ข้าจับตามองร่างของทั้งคู่ไม่ทันเลย!”

“ปรากฏว่านี่คือจุดแข็งที่แท้จริงของพวกเขา! น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

“แม้ข้าจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งแนวคิดได้รางๆ แต่ข้ามั่นใจยิ่งว่า ทั้งสองสามารถสังหารข้าได้ในพริบตาโดยใช้กระบวนเคลื่อนไหวเหล่านี้!”

“ข้าอยากรู้เสียจริงว่า ตอนนี้ใครกันที่กุมความได้เปรียบอยู่!”

ณ โลกภายนอก เหล่าอัจฉริยะพวกนี้ไม่สามารถจับสายตามองการเคลื่อนไหวของทั้งคู่ได้ทันเลย สัมผัสจับได้เพียงเงาร่างไสวเป็นครั้งคราวเท่านั้น

การต่อสู้ดังกล่าวทำให้พวกเขาระทึกขวัญเจียนลืมหายใจ!

ถึงระดับชั้นจะเป็นจอมทัพปีศาจเหมือนกัน แต่ในแง่ความแข็งแกร่งกลับอยู่กันคนละโลก!

ปาถู่และติงฟาน ทั้งสองเผยสีหน้าสุดเคร่งขรึมยิ่ง ตลอดที่ผ่านมาจวบจนบัดนี้ พวกเขาเชื่อแล้วว่า ความแข็งแกร่งของเย่หยวนหาใช่สิ่งที่ทั้งสองจะเทียบเคียงได้จริงๆ

การต่อสู้ก่อนหน้านี้ เย่หยวนใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติแทบตลอดเวลา

แต่ตอนนี้เย่หยวนเร่งเร้าสำแดงใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติถึงขีดสุดแล้ว ร่างของเขาราวกับเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศได้อย่างอิสรเสรี

ด้วยความเร็วระดับนี้ของเย่หยวน หกบุตรแห่งกล้วยไม่อริยะกลับไม่มีใครสักคนที่สามารถมองตามความเร็วของเขาได้ทัน!

“อย่างงี้นี่เอง! ข้าเข้าใจแล้ว!! บรรพกาลราตรีหลอมรวมแนวคิดกับเต๋าแห่งดาบเอาไว้! นั้นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเราไม่สามารถมองผ่านอ่านการเคลื่อนไหวของเขาออก!”

ทันใดนั้นเองปาถู่ที่นึกอะไรขึ้นได้พลันร้องอุทานเสียงดังลั่น

เสี้ยวอึดใจที่ความคิดนี้โฉบแล่นขึ้นมา เขาพลันขมวดคิ้วแน่นแทบจะในทันทีพลางระดมความคิดอย่างหนัก ก่อนเอ่ยขึ้นพร้อมสีหน้าแสนฉงนใจขึ้น

“แต่…นั้นเป็นแนวคิดชนิดใดกัน? แนวคิดแห่งวายุงั้นรึ?”

“ไม่ใช่! นั้นคือแนวคิดแห่งห้วงมิติ!”

จู่ๆ ติงฟานก็เอ่ยขึ้นแทรกทันที

สายตาการจับจ้องของปาถู่ขมวดเข้มแลดูตั้งใจขึ้นหลายส่วน ก่อนจะโต้กลับไปทันทีว่า

“เป็นไปไม่ได้! แนวคิดแห่งห้วงมิติเป็นหนึ่งในสองแห่งสุดยอดแนวคิดที่ลึกลับที่สุด! เขาจะเข้าใจมันได้อย่างไร?”

ติงฟานเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อยและกล่าวอธิบายขึ้นอย่างใจเย็นว่า

“เจ้าลองสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของบรรพกาลราตรีให้ดีๆ หนึ่งจังหวะก่อนปราดรุกถึงตัวคู่ต่อสู้ ร่างของเขากลับหายวับในพริบตา ไม่ทิ้งทวนหลงเหลือแต่กระทั่งร่องรอย นี่ราวกับว่าเขาอาศัยการข้ามผ่านห้วงมิติเพื่อรุกหน้าเคลื่อนไหว! มีเพียงแนวคิดแห่งห้วงมิติเท่านั้นที่สามารถทำได้ถึงระดับนี้! แต่การเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้คนนั้นเองก็มิได้ช้ากว่าเลย แม้แต่ร่องรอยยังสามารถปกปิดได้อย่างแนบเนียน หากให้ข้าเดามันคงเป็นแนวคิดแห่งวายุ!”

สายตาของติงฟานค่อนข้างเฉียบคมมาก ศึกสัประยุทธ์ของสองใหญ่ที่รีดเร้นศักยภาพจนถึงขีดจำกัดเช่นนี้ เขาในฐานะผู้ชมยังสามารถมองผ่านอ่านการเคลื่อนไหวของทั้งคู่ได้อย่างเฉลียวฉลาด

ปาถู่เฝ้าสังเกตจับจ้องไม่วางตา ก่อนจะพบว่ามันเป็นอย่างที่ติงฟานบอกจริงๆ

แม้จะไม่สามารถจับร่างทั้งสองได้ แต่นั่นยังพอเหลือร่องรอยให้เขาวิเคราะห์ได้อยู่บ้าง

ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!

“นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร? เจ้าเด็กคนนี้…เป็นสัตว์ประหลาดกระมัง?”

ปาถู่สูดเย็นแช่มลึกแสนหวั่นใจและเอ่ยกล่าวขึ้นมา

สีหน้าการแสดงออกของติงฟานเปลี่ยนไป ยามนี้ดูเคร่งขรึมถึงขีดสุด เขากล่าวว่า

“นี่จึงอธิบายได้ว่า ทำไมที่ผ่านมาเขาถึงสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้เหล่านั้นได้อย่างน่าประหลาด! กระบวนดาบของเขาดูเรียบง่ายและธรรมดามาก แต่ความจริงแล้ว กลับเป็นเราที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า! คมดาบนั้นเคลื่อนผ่านห้วงมิติพร้อมเข้าสังหารคู่ต่อสู้ในพริบตา!”

“ไม่น่าแปลกใจเลย! ไม่น่าแปลกใจ! ปรากฏว่าเขาสามารถจัดการคู่ต่อสู้ก่อนหน้าทั้งหมดได้ในพริบตา เพียงว่าเขากลับยืมพลังของคู่ต่อสู้เพื่อขัดเกลาคมดาบเท่านั้น! นี่…”

ทันทีทันใด ปาถู่พลันรู้สึกว่าผืนพิภพแห่งนี้ช่างน่าพิศวงยิ่งนัก

มีสัตว์ประหลาดสุดวิปลาสเช่นนี้อยู่บนผืนพิภพที่เขาดำรงอยู่ด้วยงั้นรึ? อายุดูอ่อยเยาว์กว่าพวกเขามากแต่กลับเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติได้แล้ว!?

ทันทีทันใด การต่อสู้ระหว่างทั้งสองบนภาพฉายพลันหยุดชะงักลง เผยให้เห็นร่างของทั้งคู่กลับมาให้เห็นอีกครั้ง

สีหน้าการแสดงออกของทุกคนพลันเปลี่ยนไปทันที

“บรรพกาลราตรีแพ้แล้ว?!”

“ตามที่คาดไว้จริงๆ เขาเสียเปรียบในเรื่องระดับพลังเกินไป!”

“แต่…แต่เขาที่สามารถทำได้ขนาดนี้ก็นับว่าเหลือเชื่อมากแล้ว!”

“สัตว์ประหลาดเช่นเขาที่สามารถเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติได้ การันตีได้ว่าอนาคตของเขาจักต้องไร้ขีดจำกัด!”

ท่ามกลางภานฉายที่ปรากฏ จังหวะหายใจเย่หยวนยุ่งเหยิงไปหมด ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยบาดแผลมากมาย ยามนี้เปรียบเสมือนลูกธนูแรงปลายที่แผ่วลงเสียแล้ว

ในทางตรงข้าม เจิ้งเจี้ยนกลับมิได้รับบาดเจ็บโดยสมบูรณ์

ศึกสัประยุทธ์นี้ดูเหมือนผลที่ออกมาจะไร้ข้อกังขาใดๆ

“เจ้าแพ้แล้ว ข้าขอยอมรับเลยว่าเจ้าแข็งแกร่งมาก ที่สามารถบังคับให้ข้าหยิบใช้พลังถึงแปดจากสิบส่วน เท่านี้ก็น่าภูมิใจมากพอแล้ว”

เจิ้งเจี้ยนเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเยียบเย็น

เย่หยวนเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมเสียงหอบตระหนี่ดัง

“แปดในสิบส่วน? ไยถึง…ไม่ลองใช้สิบในสิบส่วนดูล่ะ?”

เย่หยวนไม่เคยคิดกังขาในวาจาคำกล่าวของเจิ้งเจียน อัจฉริยะแสนหยิ่งผยองเช่นเขา ไม่เคยกล่าวชื่นชมใครง่ายๆ และไม่มีทางโกหกแน่นอน

เจิ้งเจี้ยนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยและกล่าวว่า

“ไม่จำเป็น ในฐานะคู่ต่อสู้รอบนี้ ตราบใดที่เจ้าสามารถเอาชนะข้าที่สำแดงใช้พลังแปดในสิบส่วนได้ ก็ถือว่าเจ้าผ่านการทดสอบ อย่างไรก็ตาม…เจ้ากลับไม่สามารถทำได้!”

เย่หยวนฉีกยิ้มกว้างเอ่ยขึ้นว่า

“หากข้ายังคงยืนยันบังคับให้เจ้าใช้พลังทั้งหมดออกมาล่ะ?”

สายตาที่จับจ้องของเจิ้งเจี้ยนแปรเปลี่ยนดูเย็นชาขึ้นถนัดตา เขากล่าวตอบว่า

“ในกรณีนั้น เจ้าตายแน่นอน!”

สำหรับความแข็งแกร่งของเย่หยวนในปัจจุบัน เขาค่อนข้างชัดแจ้งดีแล้ว

ณ ปัจจุบัน ถึงเย่หยวนจะสำแดงใช้รุ่งเบิกอรุณและเพลงดาบเมฆาลับแลพร้อมกัน แต่นั่นก็ยังไม่สามารถทะลวงผ่านปราการดาบของเจิ้งเจี้ยนได้อยู่ดี

พลังแห่งแนวคิดของเจิ้งเจี้ยนทรงพลังเกินไป และอาณาจักรพลังของเขายังอยู่สูงกว่าเย่หยวนอีก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มีแต่แพ้กับแพ้!

“หึ หากเจ้าสามารถฆ่าข้าได้ก็อย่าได้ลังเล! จงสำแดงใช้พลังทั้งหมดออกมา ข้าขอดูเสียหน่อยว่า ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งหน้าประวัติศาสตร์นิกายบัลลังก์ม่วง แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร!”

เจิ้งเจี้ยนหรี่ตาลดแคบ แผดน้ำเสียงเยียบเย็นขึ้นว่า

“เจ้าตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม?”

เย่หยวนเหวี่ยงดาบกระชับตั้งในแนวนอนพร้อมเอ่ยกล่าวน้ำเสียงมุ่งมั่นไม่ไหวติง

“ตัดสินใจดีแล้ว!”

เจิ้งเจี้ยนพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า

“อัจฉริยะหลายคล้วนตายเพราะศักดิ์ศรีของตัวเอง และเจ้าเอง…ก็เช่นกัน! ในเมื่อแสวงหาความตายเองเช่นนี้…ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเอง!”

คล้อยหลังกล่าวจบ เจิ้งเจี้ยนพลันระเบิดพลังเดือดปะทุ รัศมีกลิ่นอายของเขาแปรเปลี่ยนไปในทันที

“เพลงดาบตรัสรู้…สรรพสิ่งรู้แจ้ง!”

เจิ้งเจี้ยนแผดลั่นน้ำเสียงเย็นสะท้าน

สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนดูตกตะลึงยิ่ง ขณะอุทานขึ้นว่า

“สภาวะตัดชั่วฟ้า!”

……………………………………………

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ

Status: Ongoing
จักรพรรดิโอสถแห่งยุคได้ถูกก่อกบฏโดยผู้ทรยศ
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา…แผ่นดินไร้ซึ่งนาม ฉิงหยุนซี และผู้ได้รับ แพรไหมหมื่นปี ก่อนที่จะสิ้นชีพลง….
กาลเวลาผ่านไป…เขาได้กลับมาอีกครั้ง ขณะที่ร่างกายเจ้าของคนเก่ากำลังเดินเล่นอยู่ใน สำนัก…
ข้าจะทลายสวรรค์ให้สิ้น…ด้วยโอสถในมือข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท