เย่ฉูฉู่เองก็ชอบดูภาพยนตร์เช่นกัน เพียงแต่เธอยังฟังงิ้วไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก
เป็นเพราะโดยปกติคณะงิ้วที่เชิญมาจะแสดงร้องเพลงโดยไม่ได้ใช้เครื่องขยายเสียง เป็นการร้องเพลงสด ๆ คนที่นั่งอยู่ด้านหน้ายังดี สามารถได้ยินอย่างชัดเจน ส่วนคนที่นั่งอยู่ด้านหลังกลับได้ยินเสียงที่ส่งไปไม่ชัดเจนเอาเสียเลย
ประกอบกับคนที่มานั่งดูก็ไม่ได้นั่งเฉย ๆ ต่างก็นั่งคุยโวแทะเมล็ดทานตะวันไปพลาง พวกเด็ก ๆ ก็โหวกเหวกโวยวาย จึงไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
ภาพยนตร์ก็ดีนะคะ เสียงดัง ภาพคนก็ใหญ่ด้วย อยู่ห่างก็ยังเห็นได้อย่างชัดเจน เย่ฉูฉู่พูดกับจ้าวเหวินเทาด้วยรอยยิ้ม โดยเฉพาะหนังสงครามที่ใช้ปืน ฉันเคยดูหนังที่หมู่บ้านอยู่เรื่องหนึ่ง เป็นหนังสงครามใช้ปืน ไม่เลวเลยจริง ๆค่ะ
ภาพยนตร์ที่ฉายในตอนนี้โดยปกติแล้วจะเป็นธีมสงครามยิงปืนรักชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้จ้าวเหวินเทาก็เคยดูมาก่อน
แต่เขารู้สึกว่ายังไม่ได้ติดงอมแงมขนาดนั้น เป็นภาพยนตร์บุกโจมตีข้าศึก ทั้งเรื่องก็บุก ๆ ๆ แล้วก็จบ เขาชอบภาพยนตร์ที่แสดงถึงความเก่งกาจของคน ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีหรือไม่
แต่เป็นเรื่องยากที่ภรรยาจะชอบดู ถึงเวลานั้นเขาคงต้องเหมาภาพยนตร์หลาย ๆ รอบเสียหน่อยแล้ว
ภรรยา คุณพูดมาอีกสิ นอกจากหนังสงครามยิงปืนแล้วคุณยังชอบอะไรอีก? จ้าวเหวินเทาจูบภรรยาพลางเอ่ยถาม
เย่ฉูฉู่ครุ่นคิด งิ้วล่ะมั้งคะ ฉันคิดว่าคุณพ่อกับคุณแม่น่าจะอยากดู
เขามองดูภรรยาของตัวเอง ไม่ว่าจะตอนไหน ก็ยังมีน้ำใจต่อพ่อแม่สามีเสมอ
จ้าวเหวินเทารู้สึกได้ถึงจุดนี้ ภรรยาของเขาดีกว่าพี่สะใภ้คนอื่น ๆ เสียอีก!
แต่ก็นะภรรยา เรื่องนี้คุณพูดผิดแล้วล่ะ พ่อกับแม่ผมชอบดูหนังสงครามใช้ปืนมากที่สุด จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่ฉูฉู่รู้สึกเหนือความคาดหมาย จริงเหรอคะ? พ่อกับแม่คุณก็ชอบดูหนังสงครามใช้ปืนด้วย? ไม่ใช่ว่าคนแก่ ๆ ชอบดูงิ้วกันหรอกเหรอ?
พวกเขาก็ชอบดูงิ้วเหมือนกัน แต่ชอบดูหนังสงครามมากกว่า จ้าวเหวินเทากล่าว รอให้ถึงตอนที่หนังฉายแล้ว ผมจะขับรถไปรับพ่อตาแม่ยายให้มาดูด้วยกันนะ
แม่ของฉันคงมาไม่ได้ค่ะ พี่สะใภ้สามใกล้คลอดแล้ว แม่เลยจะเตรียมตัวไปอยู่ดูแลพี่สะใภ้สามช่วงอยู่ไฟที่นั่น เย่ฉูฉู่คำนวณเวลา อีกไม่กี่วันนี้แหละ อันที่จริงแม่บอกว่าจะไปล่วงหน้าสักสามสี่วัน แต่เป็นเพราะมัวแต่ทำชุดบุนวมของหลานก็เลยล่าช้าน่ะค่ะ
จ้าวเหวินเทาชะงัก พี่สะใภ้สามจะคลอดแล้ว เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
คุณทำงานจนลืมไปแล้วสินะคะ นี่มันผ่านมากี่เดือนแล้ว? เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่เขา
จ้าวเหวินเทายุ่งจนลืมจริง ๆ หนึ่งปีนี้มีเรื่องมากมาย โดยเฉพาะเจ้าตัวเล็กที่เพิ่มมาอีกคน
ไม่ได้ยุ่งมากหรอก ไม่งั้นจะมีลูกชายได้ไงล่ะครับ! จ้าวเหวินเทายิ้มให้ภรรยา
เย่ฉูฉู่ตำหนิเขาผ่านสายตาด้วยท่าทางน่ารัก…ช่างไม่เอาจริงเอาจังอยู่เรื่อยเลย
จ้าวเหวินเทาทำให้เธอได้รู้ว่าอะไรคือการไม่เอาจริงเอาจัง เขาขึ้นไปบนเตียงโดยที่ไฟยังเปิดอยู่ ภายใต้บรรยากาศที่มีแสงสว่างประหนึ่งกลางวัน เขาก็ได้ทำเรื่องไม่เอาจริงเอาจังจนทำให้เธอขึ้นสวรรค์ทะยานลงสู่ผืนปฐพี
มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถบรรยายได้ นอกจากนี้ยังมีคำพูดเหล่านั้นของเขาที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ด้วย เขาทำให้เย่ฉูฉู่ถึงกับเขินอาย ชีวิตของเธอแทบจะถูกคนๆ นี้พรากไปจริง ๆ
ไม่ว่าคนอื่นจะมองเรื่องดูหนังฟังงิ้วว่าอย่างไร วันรุ่งขึ้นจ้าวเหวินเทาและจ้าวเหวินอู่ก็เดินทางมาที่อำเภอด้วยกันแล้ว
จ้าวเหวินเทาให้จ้าวเหวินอู่ไปที่ศูนย์วัฒนธรรมก่อน ส่วนตัวเองไปโทรศัพท์หาเย่หมิงเป่ย เขาบอกพี่ภรรยาสามว่าไฟฟ้าเข้าถึงที่บ้านแล้ว พวกเขาสองคนคุยกันครู่หนึ่ง หลังจากพูดถึงเรื่องที่ภรรยาของเขาเป็นกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของพี่สะใภ้สามแล้ว จ้าวเหวินเทาจึงวางสายและมาหาจ้าวเหวินอู่ที่ศูนย์วัฒนธรรม
ศูนย์วัฒนธรรมเป็นตึกขนาดเล็กสองชั้น ชั้นแรกคือห้องโถงการแสดง ด้านในนั้นมีเสียงร้องเพลงดังอยู่ จ้าวเหวินเทาจึงเข้าไปดู
ทันทีที่เข้ามาก็พบว่าจ้าวเหวินอู่กำลังยื่นมองอยู่ตรงนั้นด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็มองตามสายตาของอีกฝ่ายด้วย
บนเวทีตรงหน้ามีหญิงสาวร่างสูงกำลังยืนอยู่ หล่อนอยู่ในชุดงิ้วพร้อมเครื่องประดับบนศีรษะ กำลังกรีดนิ้วขณะร้องเพลงคู่กับเพื่อนร่วมงาน เสียงของหล่อนทั้งกังวานและนุ่มนวลราวกับนกไนติงเกล
ร้องได้ไม่เลวเลยนะ จ้าวเหวินเทากล่าว
จ้าวเหวินอู่ที่กำลังจมอยู่กับบทเพลงได้ยินถึงกับตกใจ เขาหันมาเห็นจ้าวเหวินเทา จึงหัวเราะเสียงทุ้ม สวยด้วย
ใบหน้าที่ดูทะลึ่งนั้นทำให้จ้าวเหวินเทารู้สึกขบขันมาก ระวังเมียของนายมาได้ยินแล้วจะถูกจัดการนะ!
หล่อนไม่รู้สักหน่อย! จ้าวเหวินอู่ทำท่าทางราวกับไม่ได้ใส่ใจ จากนั้นก็ตั้งใจฟังต่อไป
จ้าวเหวินเทากวาดตามองลานแห่งนี้จนทั่ว แถวด้านหน้ามีคนอยู่สี่ห้าคน ส่วนเก้าอี้ตัวอื่น ๆ ยังว่างอยู่ ซึ่งเขาแอบไม่เข้าใจเหมือนกัน ในเมื่อร้องเพลงเพราะแบบนี้ ทำไมถึงไม่มีคนเลยล่ะ? เมื่อคิด ๆ ดูแล้วจึงเดินตรงเข้าไป
จ้าวเหวินอู่เห็นว่าเขาเดินตรงเข้าไป ก็เดินตามไปด้วย ทั้งสองคนมาถึงแถวด้านหน้าสุด การแสดงก็สิ้นสุดลงพอดี จ้าวเหวินอู่คือคนแรกที่ปรบมือ ทั้งยังผิวปากด้วย
เยี่ยม ๆ ๆ น้องสาวร้องเพลงเพราะมากจริง ๆ! จ้าวเหวินอู่ตะโกนชมเสียงดัง
ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าคนๆ นั้นที่อยู่บนเวทีจะกระทืบเท้า ก่อนจะไหวกายแล้วหันมาพูดกับจ้าวเหวินอู่อย่างไม่สบอารมณ์ นายนี่ตาถั่วชะมัด ใครคือน้องสาว ฉันเป็นผู้ชายทั้งแท่งโว้ย!
เมื่อได้ยินเสียงทุ้มห้าวนั้น จ้าวเหวินอู่ก็ถึงกับอ้าปากค้างจนสามารถยัดไข่ไก่เข้าไปได้ทั้งฟอง
ฮ่า ๆๆ! จ้าวเหวินเทาหัวเราะเสียงดังโดยไม่ได้รู้สึกอาย
คนเหล่านั้นที่อยู่ข้าง ๆ ก็หัวเราะเช่นกัน
ผู้ชายทั้งแท่งคนนั้นเดินลงมาจากเวทีขณะที่พูด จากนั้นก็คุยกับคนเหล่านั้น หัวหน้าศูนย์ พวกเขาเป็นใครเนี่ย?
จ้าวเหวินเทาหูดี เมื่อได้ยินว่าหัวหน้าศูนย์ เขาก็รีบหันไปมอง จึงพบกับชายชราร่างเล็กคนนั้น เขารีบพูดอย่างกระตือรือร้นว่า คุณคือหัวหน้าศูนย์ของศูนย์วัฒนธรรมสินะครับ?
ชายชราคนนั้นชะงัก ก่อนจะพยักหน้าตอบ ใช่ ฉันเอง นายคือ?
ผมมาจากข้าวซานถุน ชื่อจ้าวเหวินเทา ส่วนนี่จ้าวเหวินอู่ลูกพี่ลูกน้องของผม จ้าวเหวินเทาแนะนำตัวเองก่อน จากนั้นก็พูดถึงวัตถุประสงค์ที่มาที่นี่
หัวหน้าศูนย์เข้าใจได้ ทว่ากลับพูดด้วยความลำบากใจ แต่พวกเราเตรียมตัวจะไปแสดงในจังหวัดแล้ว ไม่มีเวลาไปที่หมู่บ้านหรอก
จ้าวเหวินอู่ไม่ได้สนใจความอายเมื่อสักครู่ เขาชะโงกหน้าเข้ามาพูด หัวหน้าศูนย์ ใช้เวลาไม่กี่วันคงไม่ได้ทำให้งานของพวกคุณล่าช้าหรอก วันเดียวก็ได้นะครับ พวกเราสามารถเหมาภาพยนตร์ได้อีกสองสามรอบด้วย พนักงานฉายหนังมีเวลาใช่ไหม
หัวหน้าศูนย์ย่อมอยากได้เงินอยู่แล้ว เขาหยุดคิดแล้วถามว่า พนักงานฉายหนังมีเวลา พวกนายอยากเหมากี่วันล่ะ?
จ้าวเหวินอู่หันมามองจ้าวเหวินเทา
จ้าวเหวินเทาคิดแล้วตอบไปว่า เจ็ดวันแล้วกันครับ
ดวงตาของจ้าวเหวินอู่เป็นประกายในทันที เจ็ดวัน นิสัยของจ้าวเหวินเทาเมื่อได้ลงมือแล้วก็ใจกว้างจริง ๆ!
หลังจากนั้นจ้าวเหวินเทาก็พูดถึงราคาเกี่ยวกับการเหมาภาพยนตร์กับหัวหน้าศูนย์ ได้ความว่าการแสดงงิ้วเหมาสองรอบจะใช้เวลาสองวัน แบบนี้ก็ไม่ทำให้ตารางการแสดงที่ในเมืองของพวกเขาล่าช้าด้วย
หลังจากคุยกันเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็เดินออกมา พี่ชายนักแสดงที่เป็นชายทั้งแท่งคนนั้นก็เดินตามออกมาด้วย พวกเขาจึงได้ทราบว่าการแสดงเมื่อสักครู่เป็นแค่การซักซ้อม
ขอโทษด้วยนะครับ จ้าวเหวินอู่ขอโทษด้วยรอยยิ้มร่าเริง
พี่ชายนักแสดงที่เป็นชายทั้งแท่งก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาโบกมือเพื่อแสดงออกว่าไม่ได้ถือสาอะไร
ตอนนี้เองก็มีนักแสดงสวมชุดสาวใช้เดินออกมา แต่จ้าวเหวินอู่ดันปากเสียพูดไปว่า นี่คงเป็นน้องสาวสินะ?
ผลลัพธ์ที่ได้คือหญิงสาวคนนั้นพลันถลึงตา ทั้งยังพูดด้วยเสียงแหลมสูงแต่เป็นเสียงผู้ชายอย่างไม่ต้องสงสัยว่า ฉันเป็นผู้ชาย!
เชี่ย! จ้าวเหวินอู่อดไม่ได้ที่จะสบถคำหยาบออกมา
จ้าวเหวินเทาขำจนแทบตายอยู่แล้ว หมอนี่ดูผิดไปสองครั้งแล้ว สายตาไม่ดีเลยจริง ๆ!
พวกพี่อย่าไปใส่ใจเลย ลูกพี่ลูกน้องของฉันดูผิดแปลว่าพวกพี่แต่งตัวได้เนียนมากไง! จ้าวเหวินเทารีบอธิบายด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองคนจึงหัวเราะออกมา พวกเขาคือนักแสดงแต่งตัวข้ามเพศ จึงถูกเข้าใจผิดเป็นประจำ และคุ้นชินไปแล้ว
จ้าเหวินเทามองท้องฟ้า กล่าวว่า นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว ให้ฉันเลี้ยงข้าวพวกพี่ดีไหม ถือว่าเป็นการชดเชยความผิด
จ้าวเหวินเทาไม่ได้มีงานอดิเรกในการเชิญคนอื่นรับประทานอาหารตามอำเภอใจ เขาเห็นว่าทั้งสองคนนี้แต่งตัวเหมือนผู้หญิงขนาดนี้ จึงถือโอกาสตีสนิทให้มากขึ้น ถึงเวลานั้นค่อยถามดูว่าสามารถเล่นเรื่องเทพธิดาฉางเอ๋อเหินสู่จันทราได้หรือไม่ แบบนี้ก็ช่วยโฆษณาเรื่องกระต่ายให้กับเขาได้พอดีเลย
ในศูนย์มีโรงอาหาร แต่อาหารภายในโรงอาหารจะสู้อาหารที่มีคนเลี้ยงได้อย่างไร ทว่าถึงอย่างนั้นก็เป็นการรับประทานอาหารเปล่า ๆ ทำให้พวกเขาทั้งสองคนนึกเกรงใจอยู่เหมือนกัน
จ้าวเหวินอู่กลับมาหน้าหนาอีกครั้ง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า ในเมื่อพวกพี่เป็นผู้ชายทั้งแท่ง แล้วจะเหนียมอายไปทำไม!
ทั้งสองคนถูกกระตุ้นแบบนี้ จึงตอบตกลงทันที และให้อีกสองคนรอพวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าสักครู่ จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปด้านใน
จ้าวเหวินอู่หัวเราะออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายจะแต่งตัวเป็นผู้หญิงได้เหมือนขนาดนี้!
พวกเขาอาศัยเรื่องนี้ในการประทังชีวิตนะ! จ้าวเหวินเทาหัวเราะ ขืนแต่งไม่เหมือน ป่านนี้คงไม่มีข้าวให้กินแล้ว!
เพียงไม่นานทั้งสองคนก็เดินกลับมา เมื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและล้างเครื่องสำอางออกแล้ว คนทั้งคู่ก็กลับมาอยู่ในสภาพเดิมของตัวเอง คนหนึ่งตัวสูงส่วนอีกคนตัวเล็ก แถมทั้งสองคนต่างมีหน้าตาที่ดีมาก!
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เหวินอู่ปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อสองตัวเลย ทั้งตัวพระตัวนางในงิ้วใช้ผู้ชายล้วนแสดงจ้า ผู้หญิงมีหน้าที่ดูแลเสื้อผ้าหน้าผมนักแสดงอยู่หลังฉาก
เหวินเทาคิดการใหญ่มาก กะเหมาหนังเป็นอาทิตย์แล้วใช้งิ้วประชาสัมพันธ์ธุรกิจของตัวเองเลยทีเดียว
ไหหม่า(海馬)