ตอนที่ 335 พี่น้องแยกบัญชีอย่างชัดเจน
ตอนที่ 335 พี่น้องแยกบัญชีอย่างชัดเจน
“เจ้าหก พวกเราเป็นพี่น้องกันนะ!” พี่สามจ้าวหยิบยกความสัมพันธ์ทางครอบครัวออกมา
จ้าวเหวินเทากล่าวอย่างจริงจัง “พี่สาม เป็นเพราะพวกเราเป็นพี่น้องกันนี่แหละผมถึงได้ยอมให้พี่มาเป็นเพื่อนบ้าน ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นผมคงไม่ยอมหรอก สาเหตุก็เป็นเพราะพี่น้องแท้ ๆ ผมถึงไม่อยากให้พี่เอาหมูของพี่มารวมกับของผมไง ถ้าพูดให้ไม่น่าฟังสักหน่อยก็คือหากทุกอย่างเป็นไปด้วยดีก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาคงได้ทำร้ายความรู้สึกกัน พี่สาม ผมยังเป็นห่วงพี่นะ”
จ้าวเหวินเทาในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ชอบทำตัววู่วาม ตอนนี้ขอแค่บรรลุเป้าหมายของตัวเอง พูดคำพูดดี ๆ สักหน่อยก็ไม่มีอุปสรรคอะไร
นี่เป็นสิ่งที่ขัดเกลามาจากการออกไปค้าขายข้างนอกในสองปีมานี้
คำพูดนี้ทำให้พี่สามจ้าวรู้สึกดีที่ได้ยิน แม้อีกฝ่ายจะปฏิเสธเขา แต่อ้างจากการที่อีกฝ่ายเห็นว่าเขาเป็นพี่ชาย เขาจึงไม่ได้โกรธ แต่กลับพยักหน้ายอมรับ กล่าวว่า “เจ้าหก นายพิจารณาได้ครอบคลุมมาก เป็นเพราะฉันคิดง่ายเอง เอาแบบนี้ ขยะนี้จะจัดการยังไงฉันเองก็ยังไม่รู้ นายช่วยหน่อยแล้วกันนะ”
จ้าวเหวินเทายิ้ม “พี่สาม อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ พี่ควรมุ่งมั่นอยู่กับการทำเต้าหู้ของพี่ เรื่องอื่นพี่ไม่ต้องไปสนใจหรอก การทำเต้าหู้นี่แหละที่เป็นพรสวรรค์ที่แท้จริงของพี่!”
พี่สามจ้าวถูกชมก็แอบรู้สึกเขิน “ฉันทำจนชินแล้ว นายก็อย่าพูดแบบนี้เลย”
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมพูดสักหน่อย นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็ยอมรับต่างหาก” จ้าวเหวินเทาพูดถึงตรงนี้ ก็เปลี่ยนน้ำเสียง “เอาแบบนี้แล้วกัน พี่สาม เรื่องสุขอนามัยในโรงเต้าหู้ของพี่ผมคงดูแลไม่ไหว ผมจะดูแลสุขอนามัยรอบ ๆ ให้แล้วกัน พี่แยกขยะออกมา ของที่ใช้ประโยชน์ได้อย่างกากเต้าหู้ ของเสียที่เหลืออยู่อะไรพวกนั้น พี่ขนไปเป็นอาหารหมู ไก่แล้วก็กระต่าย อย่าทิ้งให้เสียดาย ถ้าขนกลับไปไม่ได้ พี่ก็เรียกให้คนขนไปไว้ที่บ่อเก็บปุ๋ยของผมทางฝั่งนั้น ผมขอไม่มากหรอก ปีละสิบหยวนก็แล้วกัน ถึงยังไงการจัดการขยะก็เป็นเรื่องยุ่งยากมาก ผมคงต้องจ่ายเงินไปจ้างให้คนมาทำ”
พี่สามจ้าวได้ยินจ้าวเหวินเทาพูดก็รู้สึกสบายไปทั้งตัว เมื่อได้ยินว่าขอสิบหยวนต่อปี ดู ๆ ไปแล้วก็ไม่ได้เยอะอะไร จึงพยักหน้าตอบตกลง
“จริงสิ พี่สาม ขยะนี้รวมถึงหินอะไรพวกนั้นที่พี่ใช้สร้างบ้านด้วยนะ ถ้าพี่ไม่เอา ผมจะช่วยจัดการให้” จ้าวเหวินเทากล่าว “เป็นเพราะตอนนี้พี่จะสร้างบ้านแล้ว เรื่องกินดื่มขับถ่ายอะไรพวกนี้ก็เป็นขยะทั้งนั้น ผมจะดูแลจัดการให้ตอนนี้เลย”
พี่สามจ้าวหันไปมองคนที่เตรียมตัวจะสร้างโรงเต้าหู้เหล่านั้น ดูเหมือนว่าจะใช่ คนเหล่านี้คงสร้างขยะกันทุกวัน แถมต้องจ่ายเงินอีกมากด้วย
จ้าวเหวินเทาเปิดใบเสร็จให้เขา จากนั้นจึงกล่าวว่า “พี่สาม สร้างให้สวยหน่อยนะ ทำให้คนเห็นแล้วจำได้ทันทีว่าเป็นโรงเต้าหู้ของพี่!”
พี่สามจ้าวพยักหน้ารัว ๆ “ได้ ๆๆ!” และเดินไปหาคนเหล่านั้นเพื่ออธิบายว่าจะให้สร้างบ้านขึ้นมาอย่างไร
จ้าวเหวินเทาก็เดินไปกำชับทุกคน บอกว่าห้ามทิ้งขยะสุ่มสี่สุ่มห้า ให้วางกองไว้ด้วยกัน ถึงเวลานั้นเขาจะเรียกให้คนมาจัดการ พูดจบก็เดินออกไป
ตอนที่กลับมาถึง บ้านจ้าวเหวินเทาก็คุยกับภรรยา เย่ฉูฉู่พูดด้วยความประหลาดใจ “พี่สามให้เงินคุณจริง ๆ เหรอคะ?”
จ้าวเหวินเทาหยิบเงินสิบหยวนออกมาจากกระเป๋า “ผมเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะใจถึงขนาดนี้ ตอนนั้นคิดว่าพี่สามคงคิดว่ามากไปแน่ ๆ ผมเลยคิดไว้ว่าจะรับไว้ห้าหยวน คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ”
จ้าวเหวินเทาเองก็สับสนเช่นกัน
เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “พี่สามคงถูกคุณพูดใส่จนมึนไปหมด รอได้สติกลับมาก่อนเถอะแล้วจะทำยังไง”
จ้าวเหวินเทาส่งเสียง ‘ชิ’ ออกมา “สายไปแล้ว! เจรจาเรื่องราคาในตอนนั้น ทำธุรกรรมเสร็จแล้วเพิ่งจะมาเสียใจภายหลัง มีใครทำแบบนั้นกัน เขาทำค้าขายนะ ไม่มีทางที่จะไม่รู้เหตุผลนี้ อีกอย่าง ต่อให้เป็นสิบหยวน คนที่ได้เปรียบก็คือเขาอยู่ดี ผมไม่ได้แค่ช่วยเขาจัดการขยะนะ ยังต้องช่วยเขาใช้เส้นสายอีก หลังจากนี้เขาคงต้องให้ผมช่วยอีกเยอะเลย!”
“คุณช่วยพี่สามเรื่องเส้นสายยังไง?” เย่ฉูฉู่ไม่เข้าใจ
จ้าวเหวินเทาถอนหายใจ “เปิดโรงเต้าหู้ก็เหมือนฟาร์มกระต่ายนั่นแหละ ต้องไปลงทะเบียนที่ว่าการอำเภอ หลังจากนี้ก็คงมีคนอีกไม่น้อยที่มาตรวจสอบ ถึงเวลานั้นก็ต้องให้สินน้ำใจอีก พี่สามขี้งกขนาดนั้น คุณยังหวังว่าเขาจะให้สินน้ำใจด้วยตัวเองเหรอ ผมกล้าพูดได้เลย ให้มากสุดก็เต้าหู้ไม่กี่ก้อนนั่นแหละ!”
เย่ฉูฉู่หัวเราะพรืด เธอจินตนาการภาพของพี่สามจ้าวที่นำเต้าหู้สามสี่ก้อนออกมาให้คนตรวจสอบ สีหน้าเหล่านั้นของผู้ตรวจสอบน่าขบขันเกินไปแล้ว
“ถึงเวลานั้นคุณจะให้สินน้ำใจแทนพี่สามเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม
“จะทำแบบนั้นได้ไง!” จ้าวเหวินเทากล่าว “ธุรกิจของเขา เขาได้เงิน เขาไม่ออกจะให้ใครออกให้ ผมช่วยเขาออกหน้าก็ถือว่าไม่เลวแล้ว”
เย่ฉูฉู่นึกถึงสิ่งที่ชาวบ้านทำในยุคสมัยนั้นของเธอ โดยเฉพาะการค้าขาย เหล่าเจ้าหน้าที่เอาเปรียบหนักมาก ถ้าไม่มีเส้นสายก็ล้มละลายกันหมด ไปจนถึงบ้านแตกสาแหรกขาด ในยุคนี้ดูเหมือนจะไม่เหมือนกัน แต่ก็ยังน่าเป็นกังวลอยู่ดี
“คงไม่ได้ยุ่งยากมากหรอกมั้ง?” เย่ฉูฉู่เอ่ยถาม
จ้าวเหวินเทาฟังออกถึงความเป็นกังวลของภรรยา จึงรีบพูดว่า “ไม่เป็นไร ภรรยา คุณไม่ต้องห่วง ตอนที่จ่ายกระแสไฟฟ้ากับเปิดฟาร์มกระต่าย ผมกับเลขาเข้าไปในตำบลมาหลายครั้งแล้ว คุ้นเคยกับหัวหน้าของแต่ละแผนกแล้ว วันตรุษจีนผมก็เอาของไปให้นิด ๆ หน่อย ๆ แล้วด้วย แม้จะไม่ใช่ของแพงอะไร แต่ก็เป็นสินน้ำใจได้”
เย่ฉูฉู่ถอนหายใจ “ค้าขายใหญ่โตได้เงินมาก ก็มีเรื่องเยอะตามไปด้วย”
“ภรรยา คนเรามีชีวิตจะไม่มีเรื่องให้ทำได้ยังไงล่ะ จริงไหม? คุณทำนาก็มีเรื่องให้ทำ” จ้าวเหวินเทากล่าว “ดังนั้นนะ ห้ามกลัว เพราะถ้ากลัวคงไม่สามารถมีชีวิตได้แล้ว!”
การมองโลกในแง่ดีของสามีทำให้เย่ฉูฉู่รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยแล้ว
ทางฝั่งพี่สามจ้าวหลังจากสั่งงานเสร็จก็กลับมากินข้าวที่บ้าน เขาจ้างคนมาสร้างโรงเต้าหู้โดยไม่ได้ดูแลเรื่องอาหารการกินให้ ไม่ใช่ว่าเขากลัวเรื่องยุ่งยาก ต่อให้ประหยัดเงินแลกกับยุ่งกว่านี้เขาก็ไม่กลัว แต่เขาไม่มีเวลา ตอนนี้เขากำลังยุ่งอยู่กับการทำเต้าหู้อยู่!
ก่อนกลับบ้านเขาแวะไปดูเต้าหู้ของพี่สะใภ้รองจ้าวและพี่สะใภ้สี่จ้าวก่อน เพื่อดูว่าแช่เป็นอย่างไรบ้าง หลังจากมอบหมายงานเสร็จ ตอนที่กลับถึงบ้านก็มืดค่ำพอดี
“วันเวลาสั้นลงเรื่อย ๆ แล้ว!” พี่สามจ้าวถอดรองเท้าขึ้นมานั่งบนเตียงเตา “พวกเด็ก ๆ ล่ะ?”
พี่สะใภ้สามจ้าวกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารด้านนอกห้อง “เพิ่งทำการบ้านเสร็จ ออกไปเล่นแล้ว”
“แม่มเอ๊ย ฉันทำงานอยู่ข้างนอกเหนื่อยแทบตายแล้ว พวกมันยังมีเวลาไปเล่นอีก!” พี่สามจ้าวรู้สึกไม่พอใจเอาเสียเลย
“พอเถอะ ลืมไปแล้วเหรอว่าลูกก็เลือกถั่วให้คุณช่วงกลางดึกเหมือนกัน?” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดพลางย้ายโต๊ะขึ้นมาวางบนเตียง หลังจากจัดถ้วยและตะเกียบแล้ว ก็ไม่ลืมที่จะยืนตะโกนหน้าประตูบ้าน “หม่าต้านกลับมากินข้าวได้แล้ว! เอ้อร์หยา กลับมากินข้าว!”
พี่สามจ้าวเห็นว่ามื้อค่ำคือบะหมี่แป้งข้าวโพด นี่เป็นบะหมี่แป้งข้าวโพดที่แปรรูปพร้อมกับถั่วแปรรูปเมื่อไม่กี่วันก่อน ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ได้กิน ราดด้วยน้ำพะโล้ไข่ไก่ใส่หัวหอม ผักเป็นเส้นผักดองเค็มและผักกาดขาวดองเค็มหนึ่งจาน
พี่สะใภ้สามจ้าวราดน้ำพะโล้ลงบนเส้นบะหมี่ยื่นให้พี่สามจ้าว จากนั้นก็ตักให้ลูกอีกสองถ้วย และสุดท้ายก็ตักให้ตนเองหนึ่งถ้วย
“บะหมี่แป้งข้าวโพดกินคู่กับผักกาดดองถึงจะอร่อย” พี่สามจ้าวหยิบตะเกียบขึ้นมาเริ่มกินพร้อมกับพูด
“ผักกาดดองยังไม่เปรี้ยวเลย ถ้าเปรี้ยวฉันคงเอามาทำเป็นซุปพะโล้ผักกาดดองแล้ว” พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว
ในเวลานี้เด็กทั้งสองคนก็วิ่งกลับมา
พี่สามจ้าวก่นด่า “พอจะกินข้าวถึงจะโผล่หัวกลับมา ทีบอกให้พวกแกทำงานกลับหายหัวไม่เห็นแม้แต่เงา!”
เด็กทั้งสองไม่ได้ส่งเสียงพูด ขึ้นเตียงเตาหยิบตะเกียบคีบอาหารคำโต
พี่สามจ้าวด่าอยู่ครู่หนึ่งก็พูดถึงเรื่องโรงเต้าหู้ขึ้นมา ตอนที่บอกว่าจะจ่ายเงินค่าจัดการขยะให้จ้าวเหวินเทาปีละสิบหยวน พี่สะใภ้สามจ้าวได้ยินก็ถึงกับตกตะลึง แพงขนาดนี้เลย! เขาเองก็เพิ่งจะรู้ตัว ดูเหมือนว่า…จะแพงไปหน่อยแฮะ!
…………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ไม่แพงหรอกพี่สาม อย่าลืมว่าสิบหยวนนี่มันไม่ใช่แค่จ้างคนเก็บกวาดขยะนะ มันต้องมีค่าคนกลางค่านู่นนี่ด้วย
ไหหม่า(海馬)