ตอนที่ 163 บางคนช้ำใจ บางคนซาบซึ้งใจ (4)
แท้จริงแล้ว คำพูดเช่นนั้นสามารถให้มารดาของนางเป็นคนคุยกับเฟิงซิ่วอวิ๋นได้ มันอาจจะมีน้ำหนักมากกว่า ทว่านางไม่ทำ นางยอมไปพูดด้วยตัวเอง เหตุเพราะนางคิดว่า สำหรับเฟิงซิ่วอวิ๋นแล้ว คำพูดของตนเองน่าเชื่อถือกว่าคำพูดของมารดา อย่างไรก็ตาม อนาคตก็จะได้อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว พวกนางสองพี่น้องจะต้องทำงานร่วมกันและมีสามีคนเดียวกัน
ทว่าผ่านไปสักพัก เฟิงซิ่วอวิ๋นก็ค่อยๆ พยักหน้า แล้วพูดขึ้น “ซิ่วอวิ๋นยอมทำตามสิ่งที่ท่านแม่และท่านพี่จัดเตรียมเอาไว้เจ้าค่ะ”
เฟิงซื่อพยักหน้าด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ “ข้าจะบอกกับท่านแม่ ไม่มีทางทำให้น้องสาวไม่ได้รับความเป็นธรรม”
“ขอบคุณท่านพี่ที่รักและเป็นห่วงเจ้าค่ะ” เฟิงซิ่วอวิ๋นคลี่ยิ้มบางๆ แล้วกล่าวคำขอบคุณด้วยเสียงแผ่วเบา ภายในใจกลับรู้สึกหม่นหมองและเฉยชา เรื่องที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมที่สุดในทั่วพิภพนี้ก็ผ่านมาแล้ว แล้วยังมีอะไรที่นางยังทนรับไม่ไหวอีก
อารมณ์ทั้งบ่ายของเฟิงซิ่วอวิ๋นนิ่งสงบ นางเคยชินกับการควบคุมอารมณ์ของตนเองมาตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การเชื่อฟังและทำตามเป็นทางเลือกที่นางมักเลือกจนเคยชิน และก็เกิดขึ้นตั้งแต่เด็กจนโต
แต่ว่าตอนที่ได้เจอกับเหยาเยี่ยนอวี่ตอนก่อนจะขึ้นรถม้า สติปัญญาของนางก็หายไปทันที
หากไม่ใช่เพราะว่าเหยาเยี่ยนอวี่ช่วยชีวิตของพี่สาวบุตรีเอกกลับมา นางจะแต่งเข้าไปในจวนติ้งโหวด้วยฐานะที่เป็นเพียงอนุภรรยาที่สูงศักดิ์ได้อย่างไร ทีแรกนางสามารถนั่งเกี้ยวเจ้าสาวเข้าไปในจวนติ้งโหวอย่างทรงเกียรติและเปิดเผยบริสุทธิ์ แล้วกลายเป็นนายหญิงในเรือนชิงผิงโหว อนาคตจะได้สะสางงานบ้านงานเรือน และควบคุมดูแลจวนโหว ช่วยเหลือสามีและสั่งสอนบุตร และได้กลายเป็นสตรีชั้นเก๊ามิ่ง[1]
ตอนนั้น ความเคียดแค้นท่วมฟ้าสื่อออกมาผ่านสีหน้า นางแทบจะพุ่งเข้าไปเหยียบย่ำคนที่ทำลายความฝันที่นางจะได้มีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองให้จมดินจนกลายเป็นโคลนตม
แต่ว่าตอนที่เหยาเยี่ยนอวี่ขึ้นรถม้าและหันมามอง คนคนนั้นกลับคลี่ยิ้มอ่อนๆ เหมือนผ้ายันต์ที่ทำให้นางหยุดอยู่ตรงนั้น ขยับไปไหนไม่ได้
เหยาเยี่ยนอวี่นั่งพิงอยู่ในรถม้ากลับจวนโดยที่ตนเองไม่รู้เลยว่าได้สร้างศัตรูเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่งแล้ว
เพราะเหนื่อยมาเป็นหนึ่งวันเต็มจึงนอนหลับพักผ่อนเร็วหน่อย หลังจากนอนหลับตื่นขึ้นมาก็ได้ยินข่าวคราวที่ดีอยู่เรื่องหนึ่ง สมุนไพรซานชีที่นางปลูกในเรือนกระจกออกดอกแล้ว!
“สั่งให้คนเตรียมรถม้า ข้าจะไปดู” เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินคำพูดนี้จึงรีบเปิดผ้าห่มบนเรือนร่างแล้วลุกขึ้นจากเตียง หลังจากที่เข้าสู่เหมันต์ฤดู นางก็ไม่ได้ตื่นนอนอย่างมีความสุขเยี่ยงนี้มานานแล้ว ชุ่ยเวยที่อยู่ข้างๆ เห็นจึงอดหัวเราะไม่ได้ “สมุนไพรซานชีเหล่านั้นเป็นหัวแก้วหัวแหวนของคุณหนูจริงๆ”
“แน่นอน สมุนไพรซานชีเป็นสิ่งที่ล้ำค่า ความล้ำค่าไม่ได้ด้อยไปกว่าโสมเลย” เหยาเยี่ยนอวี่สวมใส่เสื้อผ้าไปด้วยและเร่งชุ่ยผิงให้เร็วไปด้วย “ไปดูว่าอาหารเช้าเสร็จหรือยัง หากเสร็จแล้วก็รีบตั้งโต๊ะอาหารเถอะ พวกเรากินข้าวเสร็จก็ไปกัน”
ชุ่ยเวยตอบกลับ “คุณชายรองให้บ่าวบอกคุณหนู เมื่อวานฮูหยินผู้เฒ่าแห่งจวนอัครเสนาบดีสั่งให้คนมาส่งจดหมายเชิญชวน บอกว่าเชิญคุณหนูไปนั่งเล่นที่จวนเจ้าค่ะ”
เหยาเยี่ยนอวี่ครุ่นคิด แล้วส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้น “หาข้ออ้างปฏิเสธไปเถอะ กฎระเบียบของจวนอัครเสนาบดียิ่งซับซ้อนกว่าเยอะ หากให้นั่งกินอาหารกับฮูหยินผู้เฒ่าเฟิง…เหอะ! ข้าคงไม่อยากไปหาเรื่องให้ตนเองทรมาน”
ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงต่างก็หันหน้ายิ้มใส่กัน ต่างคนต่างส่ายหน้า การกินอาหารกับฮูหยินอัครเสนาบดีเป็นเรื่องที่ทรมาน? บนทั่วพิภพนี้เกรงว่าจะมีเพียงคุณหนูของตนเองที่พูดเยี่ยงนี้ บุตรีของคนอื่นเป็นตั้งมารดาแห่งแผ่นดิน และเป็นตั้งแม่ยายของฮ่องเต้เชียวแน่ะ!
เหยาเยี่ยนอวี่รีบทานมื้อเช้าเสร็จก็จะออกเดินทาง หลังจากเดินผ่านเรือนหลังมาตรงระเบียงเรือนหน้า ก็บังเอิญเจอกับเหยาเหยียนอี้ ด้วยเหตุนี้เหยาเหยียนอี้จึงเอ่ยถาม “เร่งรีบเยี่ยงนี้จะไปไหนหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่รีบหยุดฝีเท้าลง แล้วตอบกลับ “ไปบ้านสวนวัวจวูเจ้าค่ะ”
“ทางฝั่งจวนอัครเสนาบดี…” ตระกูลเหยาและจวนอัครเสนาบดีไม่เคยญาติดีกันตลอดมา อีกอย่างครั้งนี้ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนเชิญชวนด้วยตนเอง บอกว่าแค่เชิญเหยาเยี่ยนอวี่คนเดียวเท่านั้น ดังนั้นเหยาเหยียนอี้จึงไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ
“ไม่มีเวลาไปเจ้าค่ะ” เหยาเยี่ยนอวี่หันไปมองสาวใช้และผัวจื่อที่อยู่ข้างๆ เพียงชั่วพริบตา แล้วเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวพลางพูดด้วยเสียงต่ำ “ฮ่องเต้ให้ข้าไปทำสูตรยาอีกหนึ่งอย่าง บอกว่าสรรพคุณของยาใกล้เคียงกับยาตัวก่อนหน้านี้ คิดว่าจะเอาไปทำระเบิดควัน เวลาเร่งรีบเยี่ยงนี้ หากครั้งหน้ายังมีการเชิญชวนไปเฉลิมฉลองตรุษจีนอีก ท่านพี่ไม่สามารถปฏิเสธกลับไป ก็ให้ท่านไปเองเถอะ”
“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปเถอะ” เหยาเหยียนอี้พยักหน้าทันที มีเรื่องอะไรจะสำคัญเท่าพระราชโองการของฮ่องเต้ล่ะ
จากนั้น เหยาเยี่ยนอวี่ก็พักอาศัยอยู่ในบ้านสวนวัวจวูจริงๆ ทั้งยังพักอาศัยเป็นเวลาสิบกว่าวัน และเทศกาลหยวนเซียวก็มาถึงในชั่วพริบตา
ช่วงนี้ คุณชายรองแห่งตระกูลเหยาก็มาเยือนอยู่หนึ่งครั้ง หลังจากที่เดินชมพวกพืชพันธุ์ในกระถางในเรือนกระจกอย่างตกตะลึงแล้ว ก็ได้อยู่ทานอาหารที่ปลูกและเลี้ยงเองในบ้านสวนไปหนึ่งมื้อด้วยความพึงพอใจ แล้วค่อยจากไป จากนั้นก็ไม่ได้กลับจวน กลับขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังพื้นที่กันดารผืนนั้นที่เขาได้ดูไว้เพื่อเป็นสถานที่ผลิตยา ซึ่งเขาซื้อมาในราคาที่สูงกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้เป็นจำนวนห้าสิบหกตำลึงเงิน
เช้าตรู่ของวันที่ 15 เดือน 1 ในวันนี้ เหยาเหยีนนอี้ส่งรถม้ามาที่สวนวัวจวู เพื่อรับเหยาเยี่ยนอวี่กลับ
นี่ก็เทศกาลหยวนเซียวแล้ว เหล่าสตรีในเมืองหลวงอวิ๋นต่างก็ชวนกันไปดูโคมไฟ ต่อให้เหยาเหยียนอี้อยากจะหาเงินมากเพียงใด ก็ไม่สามารถไม่ละเลยน้องสาว
เหยาเยี่ยนอวี่คิดว่าตนเองคงไม่กลับไป และกลัวว่าหันหมิงชั่นและซูอวี้เหิงจะมาในตอนเช้าของวันพรุ่งนี้ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงเก็บสิ่งที่ตนเองเขียนและวาดในหลายวันมานี้ ใส่เข้าไปในห่อผ้าแล้วนำกลับไปเมืองหลวง
ดั่งที่คาด รถม้าของเหยาเยี่ยนอวี่เพิ่งจะไปถึงตรงหน้าประตูจวนตระกูลเหยา ก็เห็นคนของจวนองค์หญิงใหญ่หนิงหวานำจดหมายมาเคาะประตู
เถียนหลัวเดินเข้าไปเอ่ยถาม คนคนนั้นก็หันมาอธิบายเหตุผลที่มาเยือน ที่แท้หันซังเกอพวกเขาสามพี่น้องมาเชิญชวนเหยาเหยียนอี้สองพี่น้องไปทานอาหารที่เรือนจุ้ยเซียนตอนเที่ยงนี้ เหยาเยี่ยนอวี่รู้ว่าปฏิเสธกลับไปไม่ได้ เลยรับจดหมายเชิญชวนจากคนคนนั้น “เจ้ากลับไปบอกท่านซื่อจื่อของพวกเจ้า ข้ากับพี่รองจะไปเยือนให้ตรงเวลา”
พอเห็นคนของจวนองค์หญิงใหญ่ตอบกลับ แล้วหันหลังเดินจากไป เหยาเยี่ยนอวี่เลยมองจดหมายเชิญชวนสีม่วงอักษรทองมีลายลักษณ์อักษรอันงดงามของหันซังเกออยู่ นางจึงถอนหายใจเบาๆ “วันนี้มีเรื่องยุ่งอีกแล้ว”
ชุ่ยเวยเงยหน้าขึ้นแล้วมองสีของท้องฟ้า จากนั้นก็คลี่ยิ้ม “คุณหนูรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นประเดี๋ยวจะไม่ทันเอา”
บนชั้นสามของเรือนจุ้ยเซียน ในห้องอาหารส่วนตัวติดระเบียง
สองสามีภรรยาหันซังเกอ หันซังเย่ว์ แล้วยังมีหันหมิงชั่น พวกเขาทั้งสี่คนได้ไปถึงแล้ว
ปกติแล้วเฟิงเซ่าอิ่งมัวแต่สะสางงานในจวนเจิ้นกั๋วกง ยากมากที่จะมีเวลาว่าง จึงนั่งจิบชากับสองสามีภรรยาหันซังเกอบนตั่งไม้เตี้ยในห้องอาหารส่วนตัว ส่วนหันหมิงชั่นก็ดึงพี่รองไปชมบรรยากาศอันสนุกสนานตรงหน้าต่าง
ข้างล่างมีการแสดงเชิดสิงโตเดินผ่านตรงหน้าเรือนจุ้ยเซียนพอดี และร้านค้าที่ทำการค้าเหล่านั้น วันนี้อย่างไรก็คงต้องตบรางวัลให้กับเหล่านักแสดงพวกนี้ไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว
เรือนจุ้ยเซียนทำการค้าได้ดี เฒ่าแก่จึงตบรางวัลให้กับเหล่านักแสดงหกสิบตำลึงเงิน เหล่านักแสดงพวกนี้จึงรู้สึกปลื้มปริ่มยินดี พวกเขาเลยแสดงและร่ายรำได้ดีกว่าเดิม
สิงโตสีเหลืองหนึ่งคู่กำลังเต้นอยู่ด้วยกัน และมีลูกบอลแพรปักหนึ่งลูกล้อมรอบอยู่ ต่างคนต่างแย่งลูกบอลนั้นไปมา ท่าทางดูมีชีวิตชีวายิ่งนัก
เหล่าแขกเหรื่อที่จะกินอาหารในเรือนจุ้ยเซียนต่างก็รู้สึกเพลิดเพลิน แขกเหรื่อที่อยู่ชั้นล่างก็วิ่งออกไปเอ่ยชม แขกที่อยู่บนตึกต่างก็โยนเงินออกจากหน้าต่าง
หลังจากที่ใบหน้าของหันหมิงชั่นไม่ทิ้งรอยแผลเป็นใดๆ แล้ว นางก็ดูร่าเริงขึ้นเยอะ ก่อนหน้านี้ หากมีสถานการณ์เหมือนวันนี้เกิดขึ้น โดยส่วนมากแล้วนางแค่นั่งจิบชาอยู่อย่างเงียบๆ วันนี้กลับวิ่งไปดูบรรยากาศที่ครึกครื้นตรงหน้าต่าง แม้กระทั่งยังเอาเงินทรงดอกเหมยออกจากถุงบุหงา แล้วโยนลงไปในตะแกรงไม้ไผ่ที่เหล่านักแสดงถือไว้
แน่นอนว่าส่วนมากเงินที่โยนไปก็ไม่เข้าตะแกรงอยู่แล้ว พอโยนลงไปบนพื้น ก็ทำให้เหล่าสามัญชนที่มุมดูได้แสวงหาประโยชน์ไปด้วย ทว่าคุณหนูรองแห่งตระกูลหันก็โยนอย่างมีความสุข จนเงินในถุงบุหงาราวๆ ยี่สิบกว่าชิ้นก็ถูกโยนจนหมดไปในพริบตา ทั้งนี้ นางก็ยังรู้สึกไม่พอ จนต้องหันไปมองพี่รองของนาง
[1] ชั้นเก๊ามิ่ง เป็นสตรีบรรดาศักดิ์อันได้แก่ภรรยาของขุนนางระดับ 1 ถึงระดับ 5