เมื่อคนทั้งสองนั้นตกลงโอสถที่จะหลอมกันได้ทางชางหยงหนิงก็กล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะทำให้เจ้าได้รู้เองว่าท้องฟ้ามันกว้างแค่ไหน! ข้าจะให้เจ้าได้รู้ตัวเสียทีว่าตัวเจ้านั้นมันเป็นได้แค่กบในกะลา!”
คำพูดของเขานั้นมันแสดงถึงกำลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพันธมิตรโอสถ
สำหรับคนทั้งหลายแล้วโอสถทองระดับเก้านั้นมันเป็นเพียงแค่ตำนาน
แต่พันธมิตรโอสถนั้นกลับสามารถหลอมสิ่งที่เรียกว่าโอสถสวรรค์ระดับแท้ได้!
ความแตกต่างนี้มันยิ่งใหญ่เกินไป!
และตัวชางหยงหนิงคนนี้ยังเป็นเพียงแค่ส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น
เขานั้นเป็นแค่บุตรศักดิ์สิทธิ์ แล้วเช่นนั้นกำลังฝีมือของเหล่าผู้อาวุโสพันธมิตรโอสถจะเป็นอย่างไร?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าผู้นำพันธมิตรโอสถนั้นจะต้องเก่งกาจสักแค่ไหน
ไม่อาจคาดเดา!
ที่สำคัญไปกว่านั้นพันธมิตรโอสถนั้นยังควบคุมสมุนไพรสวรรค์และโอสถสวรรค์ของแทบทั้งทวีปพิรุณใสนี้สิ้น เช่นนั้นพวกเขาจะสามารถสร้างยอดฝีมือขึ้นมาได้มากมายแค่ไหนกัน?
คิดมาถึงตรงนี้คนทั้งหลายก็รู้สึกขนลุกชันขึ้นมา!
พร้อมๆ กันนั้นพวกเขาก็ได้แค่ไว้อาลัยให้แก่เย่หยวน
เย่หยวนนั้นเป็นยอดอัจฉริยะที่รุนแรงดั่งดาวหาง เรื่องนี้ไม่มีใครจะปฏิเสธแน่
แต่สิ่งที่เขาทำพลาดนั้นมันคือการไปท้าทายพันธมิตรโอสถ!
เวลานี้เขาคงมีแต่ต้องพบจุดจบของชีวิตลงตรงนี้แล้ว
ไม่มีใครคิดฝันว่าเย่หยวนนั้นจะเอาชนะได้ เพราะว่าคนทั้งหลายนั้นยังไม่เคยได้ยินถึงระดับแท้มาก่อนเสียด้วยซ้ำ
ไม่เคยได้ยินมาก่อนแล้วจะยังหลอมมันได้อย่างไร?
วินาทีที่ชางหยงหนิงลงมือนั้นมันก็ทำให้คนทั้งหลายต้องหน้าถอดสี
เพราะแต่ละการกระทำของเขานั้นมันกลับแฝงล้ำไปด้วยพลังแห่งยอดเต๋า
ที่ใดที่เขายืน มันจะเหมือนเป็นโลกที่แตกแยกออกไปจนหมดสิ้น!
คลื่นพลังจากร่างกายของเขานั้นมันพุ่งพล่านมาจนถึงตัวเย่หยวน
“แข็งแกร่งนัก! นี่หรือคือพลังฝีมือที่แท้จริงของพันธมิตรโอสถ?”
“วินาทีที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลงมือหลอมนั้นเขากลับดูแตกต่างจากนักหลอมโอสถสวรรค์ทั่วๆ ไปสิ้นเชิง! ใครเก่งใครอ่อนมันสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนกับตา!”
“วิชาการหลอมที่ผสานเต๋าเข้าเป็นหนึ่งเช่นนี้! หนึ่งโอสถนั้นมันคือหนึ่งโลก บุตรศักดิ์สิทธิ์นั้นกลับทำมันออกมาได้อย่างชัดเจน! เย่หยวนคงสิ้นท่าแล้วจริงๆ!”
…
การประลองของนักหลอมโอสถสวรรค์นั้นหลายๆ ครั้งมันสามารถบ่งบอกว่าใครชนะแพ้ได้ตั้งแต่เริ่ม ไม่ต้องรอให้ทำการหลอมโอสถเสร็จสิ้นลงไป
วินาทีที่ชางหยงหนิงลงมือนั้นคนทั้งหลายต่างก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นมา
บ้างนั้นหลอมโอสถด้วยสัญชาตญาณ
บ้างนั้นหลอมด้วยประสบการณ์นานปี
แต่บ้างนั้นกลับใช้พลังความรู้ที่เหนือล้ำในการหลอมโอสถออกมา!
นักหลอมโอสถสวรรค์ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นสองประเภทแรก
แต่นักหลอมโอสถสวรรค์สองประเภทแรกนั้น ไม่ว่าจะมีสัญชาตญาณที่เหนือล้ำแค่ไหน ต่อให้จะมากประสบการณ์สักเพียงใด สุดท้ายมันก็จะรู้สึกเหมือนปลาที่อยู่ในบ่อโคลนไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้ดั่งใจนึก
พวกเขานั้นแค่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องทำเช่นนั้น
แต่ประเภทที่สามนั้นจะลงมือด้วยแผนการที่เหนือล้ำได้เปรียบคนอื่นๆ พวกเขานั้นจะมีเป้าหมายและรู้ถึงสิ่งที่ตัวเองทำอย่างถ่องแท้
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงแทบจะไม่เคยหลอมโอสถผิดพลาดและสามารถหลอมให้มันมีคุณภาพสูงล้ำได้เสมอ
คนประเภทที่สามนั้นเป็นเหมือนดั่งแม่ทัพที่ช่ำชองสนาม แต่ละย่างก้าวที่พวกเขาทำในการหลอมนั้นต่างมีเป้าหมายมิใช่แค่ทำลอกเลียนแบบชาวบ้าน
การหลอมโอสถของคนประเภทนี้มันจะไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น
บุตรศักดิ์สิทธิ์นั้นเองก็เป็นหนึ่งในคนประเภทนี้
เย่หยวนเองก็สัมผัสได้ถึงพลังของชางหยงหนิงเพียงแค่ว่าเขาไม่คิดสนใจ
ยิ่งศัตรูแข็งแกร่งเท่าใดมันก็ยิ่งทำให้เขานั้นมีใจสู้มากขึ้นเท่านั้น
เขานั้นสงบจิตใจลงก่อนจะยกมือขึ้นประกบเผยให้เห็นตราแปดทิศขึ้น
คลื่นพลังแห่งยอดเต๋าปะทุขึ้นมาพร้อมๆ กับการปรากฏของมันนั้นทำให้ยอดเต๋าของบุตรศักดิ์สิทธิ์ถูกกดดันกลับไปทันที!
ชางหยงหนิงมีสมาธิมากล้นแต่เมื่อเผชิญกับคลื่นพลังของยอดเต๋าอันรุนแรงนี้เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะผงะไป
เขานั้นไม่นึกฝันว่าเย่หยวนนั้นกลับจะมีวิชาการโอสถที่เหนือล้ำได้ถึงขั้นนี้
แต่วินาทีนี้เขากำลังหลอมโอสถ เขาย่อมจะไม่มีเวลามาสนใจใดๆ เย่หยวนมากมายนัก
พวกเขานั้นไม่อาจจะประมาทได้แม้แต่เสี้ยววินาที
จากนั้นทั้งสองก็จึงเริ่มลงมือหลอมโอสถไปอย่างดุเดือดจนทำให้คนที่ได้เห็นแทบหยุดลมหายใจ
วินาทีที่เย่หยวนลงมือนั้นมันก็ทำให้เกิดเสียงโห่ร้องขึ้นมาเช่นกัน
เพราะพวกเขานั้นไม่นึกฝันว่าเย่หยวนเองก็จะสามารถทำได้ไม่ด้อยไปกว่าตัวบุตรศักดิ์สิทธิ์นั้นเลย!
คนทั้งสองนั้นต่างขับเคี่ยวการประลองโอสถไปอย่างยากเย็น
ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้เลยว่าผลที่ออกมามันจะเป็นอย่างไร
การประลองโอสถเช่นนี้มันไม่ได้มีการออกกระบวนท่ารุนแรงล้ำใดๆ แต่มันก็ยังทำให้เลือดลมของผู้พบเห็นไหลเวียนรุนแรงได้
มันราวกับว่าเวลานี้มีสองปรมาจารย์กำลังต่อสู้กันอยู่อย่างดุเดือดเลือดพล่านก็ไม่ปาน
หลังจากผ่านไปได้หลายชั่วโมงในที่สุดคนทั้งสองก็หลอมลงเสร็จแทบจะพร้อมๆ กัน
บุตรศักดิ์สิทธิ์นั้นหันมามองหน้าเย่หยวนพร้อมขมวดคิ้วแน่น
ความดื้อรั้นของเจ้าเด็กคนนี้มันเหนือล้ำกว่าที่เขาคิดไปมาก
เขานมั่นใจว่าวิชาโอสถของเขานั้นมันเหนือกว่าเย่หยวนแน่นอน
และพลังบ่มเพาะของเขาเองก็ยังเหนือล้ำกว่าเย่หยวนไปด้วย!
ชางหยงหนิงเป็นถึงนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสาม!
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่พอใจกับผลลัพธ์เช่นนี้มาก
“เปิดหม้อ! ดูสีหน้าเจ้าแล้วมันคงไม่ใช่ระดับแท้แล้ว?” เย่หยวนถามขึ้น
ชางหยงหนิงนั้นตอบกลับมาด้วยใบหน้าดำมืด “เด็กน้อย จะเอาชนะเจ้านั้นมันไม่ต้องใช้ระดับแท้ใดๆ หรอก! หากเจ้าหลอมได้ไม่ถึงระดับเก้าขั้นสุดแล้วเจ้าก็จะแพ้อยู่ดี!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “อ่า เช่นนั้นหรือ? เช่นนั้นข้าคงทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว!”
ชางหยงหนิงนั้นไม่คิดสนใจกล่าวตอบมา “เปิดหม้อหลอมเถอะ!”
คนทั้งสองนั้นดึงพลังปราณเทวะของตัวออกมาส่งมันเข้าหม้อหลอมไปพร้อมๆ กัน
สองแสงสีทองสว่างจ้าสาดส่องออกมาจากหม้อหลอมทำให้เกิดเสียงโห่ร้องขึ้นมาจากคนรอบๆ
วินาทีที่พวกเขาลงมือมันก็กลายเป็นโอสถทองระดับเก้า!
คนทั้งสองนี้ช่างมีฝีมือที่เหนือล้ำอย่างบ้าคลั่ง
เรื่องของบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งพันธมิตรโอสถนั้นคนทั้งหลายย่อมจะไม่คิดแปลกใจ
แต่พวกเขานั้นก็ไม่นึกฝันว่าเย่หยวนนั้นกลับจะไม่ได้ด้อยกว่าศัตรูระดับนี้ไปแม้แต่น้อย
ชางหยงหนิงนั้นหัวเราะขึ้นมา “เด็กน้อย เจ้าอย่าเพิ่งได้ใจไป! ต่อให้มันจะเป็นระดับเก้าขั้นสุดเหมือนกันแต่มันก็ยังมีข้อแตกต่างกันไปได้! ผลลัพธ์ของมันนั้นจะต้องใช้ศิลามารดาก่อเมฆาวัดดูกันอีกทีหนึ่ง! ไม่ต้องสงสัยหรอก บุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้หลอมได้ระดับเก้าขั้นสุดอย่างไรข้อบกพร่องใด ส่วนตัวเจ้านั้น หึๆ…”
ชางหยงหนิงไม่ต้องกล่าวให้จบคนทั้งหลายก็เข้าใจดีว่าเขาคิดจะสื่ออะไรออกมา
เขานั้นไม่คิดว่าเย่หยวนจะหลอมโอสถสวรรค์ได้ถึงระดับขั้นของตัวเขา
คุณภาพของโอสถสวรรค์นั้นมันย่อมจะแบ่งแยกย่อยๆ ไปในความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ได้อีก
โอสถสวรรค์แบ่งระดับคุณภาพออกเป็นเก้าระดับ แต่นั่นมันก็แค่คุณภาพระดับกว้างๆ
แท้จริงแล้วแม้จะเป็นระดับเก้าขั้นปลายเหมือนๆ กันแต่คุณภาพของโอสถมันก็ยังแตกต่างกันไปแล้วแต่คนหลอม
แน่นอนว่าความแตกต่างน้อยนิดนี้คนทั้งหลายย่อมจะไม่มีใครคิดสนใจมันให้มากมายนัก
แต่เมื่อสองยอดฝีมือที่เทียบเคียงกันได้มาประลองกันเช่นนี้ ความแตกต่างน้อยๆ นั้นแหละที่มันจะกลายเป็นตัวตัดสิน
ความแตกต่างเล็กน้อยนี้มันไม่อาจจะสัมผัสได้มีแต่ต้องทำการวัดด้วยศิลามารดาก่อเมฆาเท่านั้นที่จะสามารถแยกออกได้
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ยักไหล่ตอบกลับไป “ขยะมันเอาอะไรมามั่นใจนักหนา? เลิกพูดมากแล้ววัดๆ กันให้จบเถอะ!”
ชางหยงหนิงนั้นหัวเราะเย้ยก่อนจะส่งโอสถสวรรค์ในมือพุ่งลงมาวางบนศิลามารดาก่อเมฆา
เข็มชี้คุณภาพของมันนั้นพุ่งทะยานขึ้นไปจนถึงระดับสุดของที่สุดอย่างไม่เหลือช่องให้ขยับอีก!
ฮือ!
เกิดเสียงโห่ร้องขึ้นมาจากกลุ่มคนที่มุงดูนั้น
เรื่องนี้มันแสดงถึงอะไร?
มันย่อมจะแสดงถึงว่าโอสถสวรรค์ที่ชางหยงหนิงหลอมขึ้นมานั้นมันเป็นระดับเก้าขั้นสุดที่สมบูรณ์แบบ!
ดั่งที่เขาว่า ไร้ซึ่งข้อผิดพลาดใด!
“มันจบแล้ว! บุตรศักดิ์สิทธิ์คงชนะแน่แล้ว!”
“อย่างน้อยๆ บุตรศักดิ์สิทธิ์ก็ยืนอยู่ในจุดที่จะไม่พ่ายแพ้แน่แล้ว!”
“อย่างมากที่สุดเย่หยวนก็คงทำได้แค่เสมอแต่ข้าว่าแค่เสมอมันก็ยาก! บุตรศักดิ์สิทธิ์มีกำลังฝีมือที่เหนือล้ำที่สุดของระดับเก้าขั้นสุดและสามารถหลอมมันได้ถึงระดับแท้! แต่โอสถสวรรค์ของเย่หยวนนั้นอย่างน้อยๆ มันก็คงมีจุดบกพร่องอยู่บ้างแน่!”
…
คนทั้งหลายต่างส่ายหัวออกมาตามๆ กันเพราะผลลัพธ์นี้มันชัดเจนแล้ว
นี่มันคือการแข่งขันหลอมโอสถสวรรค์ระดับเก้าขั้นสุด เว้นเสียแต่ว่าเย่หยวนจะหลอมระดับแท้ขึ้นมาได้
ไม่เช่นนั้นเขาก็ทำได้เพียงแค่เสมอไม่มีวันชนะ
แต่แค่จะเสมอมันก็ยากเย็นแค่ไหนแล้ว?
ชางหยงหนิงหัวเราะขึ้นมาก่อนจะยื่นศิลามารดาก่อเมฆาไปให้เย่หยวน “เด็กน้อย ตาเจ้าแล้ว! แค่นึกภาพของเจ้าที่นอนดิ้นทุรนทุรายด้วยพลังของคำสาปวิญญาณดั่งเดิมข้าก็รู้สึกสะใจขึ้นมาแล้ว! ฮ่าๆๆ…”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปแต่ก็ไม่คิดจะเถียงใดๆ เขาทำเพียงแค่วางโอสถสวรรค์ลงบนศิลามารดาก่อเมฆา