บทที่ 109 ดาร์ก เดม่อนอัญเชิญแสงแห่งจิตวิญญาณ
บทที่ 109 ดาร์ก เดม่อนอัญเชิญแสงแห่งจิตวิญญาณ
“จงส่องสว่าง แสงแห่งจิตวิญญาณ!”
…
ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น นิ้วของเทพธิดาแห่งจันทราก็คลายลูกศรศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงจันทร์ แล้วลูกศรก็พุ่งออกไป!
กวางตัวผู้ซึ่งเดิมเป็นของบุตรแห่งวีรบุรุษพลันเงยหน้าขึ้น และแสงสีขาวที่ปล่อยออกมาจากระหว่างเขาทั้งสองก็แข็งแกร่งมาก!
[ท่าไม้ตาย: แสงแห่งจิตวิญญาณ]!
ลูกศรศักดิ์สิทธิ์ถูกแสงสีขาวกลืนหายไปในชั่วพริบตา แต่อันที่จริงแล้วมันไม่มีทางแยกระหว่างทั้งสองออกได้เลย
ลูกธนูพุ่งตรงผ่านแสงสีขาวและยิงตรงไปที่หัวกวาง!
กวางถูกฆ่าตายทันที
แต่แสงแห่งจิตวิญญาณถูกปล่อยออกไปแล้ว และมันยังคงส่องไปยังเทพธิดา!
เทพธิดาแห่งจันทรากรีดร้องทันที
…
ดาร์กยืนหันหลังพิงกำแพงอยู่ตรงหัวมุม มือจับการ์ด [สัตว์อสูรมายา: กวาง] ไว้แน่น พลังเวทมนตร์ยังคงหลั่งไหลเข้าไปในการ์ดอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่าจะเป็นสัตว์อสูรมายาที่สร้างโดยบุตรแห่งวีรบุรุษ แต่เวอร์เธอร์ยังไม่ได้ค้นพบพลังที่ซ่อนอยู่ในการ์ดเวทมนตร์นี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อดาร์กคิดว่าสัตว์อสูรมายาของเขาคือกวาง เขาก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างพิเศษ
ท้ายที่สุด ในหนังสือต้นฉบับของ <โรงเรียนเวทมนตร์> ผู้พิทักษ์ของตัวเอกก็เป็นกวางตัวผู้ที่เปล่งประกาย!
ยิ่งไปกว่านั้น ท่าไม้ตายยังเป็นสกิลที่เรียกว่า ‘แสงแห่งจิตวิญญาณ’ ด้วย
ท่าไม้ตายของสปิริตไม่เคยถูกตั้งชื่อแบบสุ่ม
เนื่องจากถูกเรียกว่า ‘แสงแห่งจิตวิญญาณ’ มันก็ย่อมต้องเป็นการสำแดงพลังทางจิตวิญญาณ
และเมื่อพูดถึงพลังทางจิตวิญญาณ ใคร ๆ ก็ต้องนึกถึงจอมเวทสีชาด และการอัญเชิญพันธะวิญญาณของจอมเวทสีชาดทันที!
ดาร์กบังเอิญได้อ่าน ‘เคล็ดการอัญเชิญของจอมเวทสีชาด – ความแตกต่างระหว่างการอัญเชิญสปิริตกับการอัญเชิญเวทมนตร์อื่น ๆ’ จึงทำให้เขาพอจะเข้าใจเรื่องการอัญเชิญพันธะอยู่บ้าง
พื้นฐานของการอัญเชิญพันธะทางจิตวิญญาณคือ สิ่งที่เรียกว่า ‘โซ่ตรวน’
นั่นคือการเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณระหว่างจอมเวทกับสปิริตของพวกเขา!
…
ในที่สุด การสะสมความรู้ก็ประสบผลสำเร็จ!
และในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง ดาร์กก็สามารถใช้ ‘แสงแห่งจิตวิญญาณ’ เป็นสื่อกลางและสร้างการเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณกับ ‘รุกกี้เดวิมอน’ ได้อีกครั้ง
แม้ว่าดาร์กจะมองว่ารุกกี้เดวิมอนเป็นตัวทดลอง แต่วันแล้ววันเล่าที่ผ่านมา ความสัมพันธ์กลับกลายเป็นสิ่งที่ถูกสะสมไม่ต่างกับความรู้ และความไว้วางใจที่ตัดไม่ขาดก็กลายเป็นพันธะที่ผูกมัดพวกเขาไว้อย่างแน่นหนา
ผ่านการเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณ ดาร์ก ‘เห็น’ ว่า ‘รุกกี้เดวิมอน’ ในร่างของเดอะเลดี้กำลังนอนกอดเข่าและหลับใหลอยู่ในร่างของเทพธิดาแห่งจันทรา!
ดาร์กพยายามปลุกเธอว่า “หกโมงแล้วนะ”
มันเป็นประโยคที่ธรรมดามาก
แต่ ‘รุกกี้เดวิมอน’ ตัวสั่นไปทั้งตัวและลืมตาทั้งอย่างนั้น “หกโมงแล้ว ได้เวลาไปโรงอาหารเพื่อซื้ออาหารเช้าและหนังสือพิมพ์ให้นายท่านแล้ว”
และในตอนนั้นเอง
เทพธิดาแห่งจันทราพลันส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
…
‘รุกกี้เดวิมอน’ หรือพูดให้ถูกคือ ‘เดอะเลดี้’ ในตอนนี้
หลังจากตื่นขึ้น เดอะเลดี้ก็เริ่มต่อสู้กับเทพธิดาแห่งจันทราอีกครั้งเพื่อแย่งชิงสิทธิ์ในการควบคุมร่างกาย
จิตสำนึกของทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดในโลกวิญญาณ
ไม่ว่าจะมองมุมใด เดอะเลดี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพลังวิญญาณของดาร์กก็ไม่มีวันพ่ายแพ้ต่อเทพธิดาแห่งจันทรา ซึ่งฟื้นขึ้นมาจากจิตสำนึกที่หลงเหลืออยู่เท่านั้น
เมื่อการต่อสู้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผิวหนังของ ‘เดอะแองเจล’ ก็ดูบิดเบี้ยวและบวมมากขึ้น กระทั่งปีกสีขาวทั้งแปดคู่ของเธอก็ค่อย ๆ กลายเป็นสีดำ มือและเท้าของเธอเริ่มต่อสู้กันเอง
…
“อ๊า อ๊า อ๊า อ๊า!”
ผิวของ ‘เดอะแองเจล’ พลันปริแตกทุกตารางนิ้ว
มวลสีดำชอนไชออกมาจากผิวของเธอ และเกาะกลุ่มกลับขึ้นมาบนผิวของ ‘เดอะแองเจล’ ราวกับสไลม์
เทพธิดาแห่งจันทราไร้ซึ่งความสง่างามอีกต่อไป ร่างทั้งร่างค่อย ๆ งองุ้ม ขณะที่มือก็กุมหัวของเธอ
เพียงชั่วพริบตาเดียว ร่างของเธอก็ถูกฝังอยู่ในมวลสีดำอีกครั้ง
ดาร์กหลับตาแน่น เขายังคงรักษาสายสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณกับเดอะเลดี้
เพียะ!
มือขวาของเดอะเลดี้สะบัดตบแก้มขาวของเทพธิดาอย่างรุนแรง
เพียะ!
เทพธิดาแห่งจันทราตอบโต้ด้วยความโกรธ
ในโลกวิญญาณ เดอะเลดี้และเทพธิดาแห่งจันทรายังคงต่อสู้กันเอง ตั้งแต่การสบถใส่กันจนถึงการตบตีในปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายต่างเหนื่อยและหอบไม่น้อย
เดอะเลดี้ผู้ซึ่งพบว่าร่างของเทพธิดาเริ่มจะพังทลายแล้ว ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งทันที “เรือนร่างอันสูงส่งของข้า หาใช่สิ่งที่พวกชั้นต่ำเช่นเจ้าจะมาครอบครองได้หรือ?”
เพียะ!
นัยน์ตาของเทพธิดาแห่งจันทราแดงก่ำ “เป็นแค่ปีศาจ…”
เพียะ!
เดอะเลดี้ “ข้าคือเดอะเลดี้ผู้สูงศักดิ์ต่างหากล่ะ!”
เพียะ!
เทพธิดาแห่งจันทรา “ข้าขอท้าให้เจ้าต่อสู้กับข้าตัวต่อตัวในการประลอง!”
เพียะ!
เดอะเลดี้ “ผู้ชายของข้าหนุนหลังอยู่ เจ้ากล้าหรือ?”
เพียะ!
เทพธิดาแห่งจันทรา “บัดซบ! (〃>皿< ) อ๊า ๆๆ!”
เพียะ!
…
ต่างจากสงครามในโลกวิญญาณ เส้นทางลับนั้นตกอยู่ในความเงียบสงบอย่างแปลกประหลาด
หลังจากนั้นไม่นาน พลันมีนางฟ้าตัวน้อยที่มีปีกผีเสื้อบินเข้ามาทางกำแพงจากด้านบน
ศาสตราจารย์ดีดี้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าดาร์กอย่างเงียบงัน เธอลอยอยู่ข้างหน้าเขาเพียงครึ่งเมตร แต่ดาร์กที่หลับตาลงและจมดิ่งลงไปในจิตใจของเขากลับไม่ได้สังเกตเลย
ศาสตราจารย์ดีดี้มองดูเด็กชายที่ยืนนิ่งอย่างประหลาดเป็นเวลานาน จากนั้นจึงกระพือปีกและบินไปยังมวลสารที่เทพธิดาได้เปลี่ยนแปลงไป
เมื่อเห็นมวลสารที่เหมือนกับเนินเขาดิ้นไปมาอยู่ตลอดเวลา ศาสตราจารย์ดีดี้ก็รู้สึกปวดหัวมาก
เธอไม่เข้าใจว่ามันพัฒนามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
เทพธิดาที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้จะสามารถเติมเต็มความปรารถนาที่รอคอยมานานของเธอได้จริงหรือ?
แต่ในเมื่อเรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้ว มันก็ไม่อาจหยุดได้อีกต่อไป
เมื่อศาสตราจารย์ดีดี้ยกมือขึ้น นิ้วที่เรียวและซีดของเธอก็ค่อย ๆ ถูกชั้นสีเงินบางปกคลุม
จากนั้นเธอก็กางนิ้วทั้งห้าแล้วกระแทกเข้าใส่ก้อนสสารสีดำ
…
ในโลกวิญญาณ
ใบหน้าของเทพธิดาหยุดนิ่งไปในทันที
เพียะ!
มือของเดอะเลดี้ตบหน้านางอีกครั้ง แต่เทพธิดากลับยืนนิ่งเป็นหุ่นกระบอกในกรง และไม่ตอบสนองแต่อย่างใด
“?”
เมื่อเดอะเลดี้ยังคงสับสน เทพธิดาแห่งจันทราก็กลายเป็นแอ่งโคลนสีดำตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าไปแล้ว
หลังจากสูญเสียการสนับสนุนจากด้านใดด้านหนึ่ง โลกวิญญาณก็พังทลายลงทันที
“อะไรกัน!?”
ดาร์กลืมตาขึ้นทันที นิ้วของเขาหนีบการ์ด [สัตว์อสูรมายา: กวาง] ไว้ ขณะที่ใบหน้าซีดเซียวและอ่อนแรง
ก่อนที่จะทันได้คิดอะไร เขาก็วิ่งออกจากมุมนี้และหันไปมองสถานที่ที่เทพธิดาเคยอยู่
จึงบังเอิญได้เห็นมวลสารสีดำยุบตัวลง ราวกับสูญเสียพลังชีวิตไป และมันก็ไหลลงพื้นดินเหมือนกับโคลน
เมื่อมวลสารสีดำยุบลงจนหมด สิ่งที่ปรากฏในนั้นก็คือมอนสเตอร์โลกดิจิทัลที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ เธอกำลังกอดเข่าและขดตัวเป็นลูกบอล
เดอะเลดี้ลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ขณะที่โลกแห่งความจริงในดวงตาของเธอค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น ร่างที่คุ้นเคยและอบอุ่นก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอ
“รุกกี้เดวิมอน?”
“เดอะเลดี้ต่างหาก”
เธอเดินโซเซเข้ามาหาดาร์ก
แล้วกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเด็กชายผมบลอนด์ทันที
ขนนกสีขาวราวกับหิมะลอยลงมาตามการเคลื่อนไหวของเธอ และมันก็ค่อย ๆ จมลงไปในโคลน
…