แม่บ้านได้สติคืนมา ก็รีบเรียกพวกบอดี้การ์ดของที่นี่มาทันที ให้พวกเขาไปสืบหาตัวคนยิงมา และสำหรับเนติ พวกเขาก็ช่วยกันพยุงลุกขึ้นมาอีกครั้ง เตรียมที่จะพาเธอหลบออกไปก่อน
แต่ในเวลานี้เอง โทรศัพท์ของเนติก็ดังขึ้นมา
“ฮัลโหล?”
“เป็นอย่างไรบ้าง? คิดดีหรือยัง? คืออยากชนะคดี? หรืออยากเก็บชีวิตคุณไว้?”
เสียงของหญิงสาวลอยผ่านออกมาทางโทรศัพท์ ไม่ร้อนไม่หนาว เรียบเฉยจนเหมือนกับว่ากำลังคุยเรื่องทั่วไปธรรมดาเรื่องหนึ่งกับเธออยู่
แม่บ้านได้ยิน ก็เข้าใจในทันที
“เส้นหมี่? ที่แท้เป็นฝีมือของคุณใช่ไหม?!!”
“ใช่ เป็นอย่างไรบ้าง? คุณนายของพวกแกยังโอเคอยู่ไหม? ใช่แล้ว ลืมบอกพวกแกไปเลย หลบ คือหลบไม่พ้นหรอก ครั้งนี้ที่ฉันจ้างไป ไม่ใช่แค่มือปืนไรเฟิลแค่คนเดียว แต่เป็นสิบคน แกลองคิดดูดีๆ ก็แล้วกัน”
ใครก็คิดไม่ถึงว่า เมื่อก่อนนี้หญิงสาวตัวน้อยผู้แสนอ่อนโยนในสายตาพวกเขา กลับมีอีกด้านที่น่ากลัวได้ขนาดนี้
เธอเหมือนเป็นดั่งปีศาจ เสียงของเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป ยังคงนุ่มนวลน่าฟัง แต่ ในตอนนี้ ทุกคำที่ออกมา ดังอยู่ในหูของผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์
ซึ่งกลับเหมือนจอมปีศาจที่มุดทะลุออกมาจากนรก
แม่บ้านกลัวจนไม่กล้าขยับตัวแล้ว
“คุณนาย…..”
“อีคนชั่วนี่!!”
เนติก็เข้าใจแล้ว ทันใดนั้น เธอที่นอนอยู่ตรงนั้นร่างกายเต็มไปด้วยเลือดก็เอ่ยปากด่าขึ้นมา
จากนั้น ด่าก็ส่วนด่า ตอนนี้มีกระบอกปืนคอยจ้องยิงเธออยู่ในจุดที่เธอมองไม่เห็น ถ้าหากเธอจะรักษาชีวิตเอาไว้ เธอก็ไม่มีช่องว่างให้เธอได้ดิ้นรนอีกต่อไป!
“เส้นหมี่ ฉันจะไม่ปล่อยแกไว้แน่!” เธอจ้องมองที่โทรศัพท์ พูดแต่ละคำแต่ละวรรค ด้วยท่าทีร้ายกาจ
เส้นหมี่หัวเราะเยาะ ไม่สนใจแม้แต่น้อย
“ตามสบาย แต่ ทางที่ดีตอนนี้คุณก็รีบจัดการเรื่องนี้ให้ฉัน ไม่อย่างนั้น วินาทีถัดไป คนที่จะตายก็คือคุณ”
จากนั้น เธอก็วางสายโทรศัพท์ไป
หลังจากนั้นไม่กี่นาที คนของแผนกกฎหมายต่างก็พุ่งพรวดออกมาจากห้องรับรองจริงๆ ด้วย
“คุณนาย ข่าวดีครับ พวกเขาทางนั้นเพิ่งจะไปยอมรับสารภาพผิดกับผู้พิพากษาแล้ว คดีในครั้งนี้ พวกเราไม่ต้องต่อสู้คดีแล้ว”
“……”
ดังนั้นพูดได้ว่า บางครั้งเรื่องราวมันก็ดูง่ายอย่างนี้เอง
เส้นหมี่เดินถือกระเป๋าออกไปแล้ว อย่างที่คิดไว้ คราวนี้ เธอเจอกับคณาธิปอีกครั้ง เพียงแต่ สีหน้าของเขา ที่ดูความสุขเหมือนตอนที่เธอเจอตอนแรกนั้นกลับหายไปอย่างสิ้นเชิง
“คุณพูดอะไรกับแม่ของผม?”
“เปล่า ฉันก็แค่บอกเขาว่า ฆ่าคนแล้ว ก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต ทำความผิด ก็ต้องได้รับโทษ!”
เส้นหมี่มองดูเขาอย่างเย็นชา พูดประโยคนี้ให้เขาฟังอย่างชัดเจนที่สุด
ทันทีที่พูดจบ ทันใดนั้น ผู้ชายที่ท่าทีก้าวร้าวใส่เธอเมื่อตอนที่เจอเธอแล้ว ก็ลดความเย่อหยิ่งของเขาลงไป ร่องรอยความซีดขาวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันได้รูปของเขาแทน
ถูกต้อง เขาฆ่าคนแล้ว!
ถึงแม้ว่า ไม่ใช่เขาที่ลงมือฆ่าเอง แต่ คนคนนั้น ก็ตายเพราะเขาเอง
สุดท้ายคณาธิปจ้องมองดูด้านหลังที่กำลังจากไปของผู้หญิงคนนี้ สีหน้าเต็มไปด้วยความขาวซีด
——
เส้นหมี่กลับมาถึงบริษัท
เธอยังคงต้องการสืบหาตัวภารานินเป็นสิ่งแรก เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เธอกังวลใจมากที่สุด
แต่หลังจากที่เธอกลับมาถึงห้องทำงานแล้ว ก็ยังไม่ทันที่จะได้โทรศัพท์ไปหาคนที่เธอว่าจ้างนั้น ผู้ดูแลเจนที่อยู่ด้านนอก จู่ ๆ ก็เข้ามา
“ผู้อำนวยการ ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว คุณรู้ข่าวหรือยัง? ท่านประธานกลับมาแล้วค่ะ”
“คุณพูดจริงเหรอ?”
เธอรู้สึกดีใจในทันที แม้แต่โทรศัพท์ที่เพิ่งหยิบขึ้นเมื่อสักครู่ก็ยอมวางลงไป
ผู้ดูแลเจนพยักหน้า : “ใช่ค่ะ ฉันก็ได้ฟังเขาพูดมา แต่ เหมือนจะเกิดอะไรขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้เขาอยู่ที่โรงพยาบาล”
เส้นหมี่ : “……..”
ทันใดนั้นก็หน้าซีด หมุนตัววิ่งออกไปในทันที
โรงพยาบาล?
เขาอยู่ที่โรงพยาบาล นี่หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?
เส้นหมี่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะบ้าคลั่ง
ขับรถด้วยความเร็วสูงตลอดเส้นทางมาจนถึงโรงพยาบาล หลังจากที่จอดรถแล้ว เธอก็รีบไปที่ห้องฉุกเฉินทันที
ในหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้ อันที่จริงเธอไม่รู้เลยว่าผู้ชายคนนี้ไปทำอะไรกันแน่? เธอโทรศัพท์ติดต่อเข้าไม่ได้ เขาก็ไม่เคยติดต่อมาหาเธอ หรือบอกเธอว่าตัวเองไปทำอะไรที่ไหน?
ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ เธอช่างรู้สึกทรมานเสียจริงๆ
โดยเฉพาะตอนที่เธอรู้ว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับภารานิน ความรู้สึกนั้น ก็ยิ่งเพิ่มความทุกข์ทรมานมากยิ่งขึ้น
แต่ สิ่งที่เธอคิดไปต่างๆ นานา กลับไม่เคยคิดเลยว่า หลังจากที่เธอเข้ามาในห้องฉุกเฉินนี้แล้ว สิ่งที่เห็นคือผู้ชายคนนี้นั่งอยู่ในห้องนี้ราวกับหุ่นไม้แกะสลัก
แต่ข้างหน้าเขา กลับเป็นคนหนึ่งที่ถูกคลุมหน้าด้วยผ้าสีขาวนอนอยู่
เส้นหมี่ : “……..”
ในทันใดนั้น ก็รู้สึก “ตึกตึก” ขึ้นในใจ ลางสังหรณ์ไม่ดี ก็ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจของเธอ
นี่ใครกัน?
คือ…….ใครตายแล้ว?
เธอค่อยๆ เดินเข้าไป ภายในใจก็กลัว เมื่อเธอไปยืนอยู่ด้านหลังของเขาแล้ว ก็ไม่กล้าเอ่ยปากเรียกเขาอยู่สักพักใหญ่
“พี่ชาย?”
“……”
ไม่มีเสียงตอบ แน่นอนว่า ผู้ชายคนนี้นั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนราวกับว่าไม่รับรู้ต่อการเคลื่อนไหวต่างๆ รอบตัวเขาเลย
ความรู้สึกไม่สบายใจในใจเส้นหมี่นั้นก็ยิ่งมีมากยิ่งขึ้น
เธอเดินเข้ามา ค่อยๆ ไปยืนอยู่ข้างเขาอย่างระมัดระวัง
ถึงพบว่า เขามีท่าทีคอตก ดวงตาหมองคล้ำ เสื้อผ้าบนร่างกาย ก็สกปรกเลอะเทอะเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเธอตาฝาดไปหรือเปล่า เธอเหมือนจะเห็นเป็นรอบแดงเข้มบนเสื้อผ้าของเขา
มันดูไม่ค่อยชัดมากนัก และยังได้กลิ่นคาวเลือดอีกด้วย