ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 973 สถานภาพ
“แกอยากจะบอกอะไรกันแน่?”
ในที่สุดแสนรักก็ไม่สามารถอดทนอดกลั้นได้ไหว เขาพุ่งเข้าไปคว้าชายวัยกลางคนที่กำลังบ้าคลั่งอย่างรวดเร็ว แล้วยกเขาขึ้นอย่างแรง
ประพิศถูกกักตัวไว้ ใบหน้าของเขากลายเป็นสีม่วงทันใด!
“พูดว่าอะไรนะ? แก…ไม่อยากฟังไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่ว่า…เรื่องพวกนี้มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับแกไม่ใช่รึไง? 5555…”
เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
เพียงแต่ครั้งนี้เขาไม่ได้หัวเราะนาน หมัดหนักๆก็ตรงเข้าหน้าเขาอีกครั้ง!
“โอ๊ย–”
เขาร้องออกมาอย่างอนาถทันที แว่นตากรอบทองที่เขาสวมอยู่ก็กระเด็นหลุดออกไป ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวไปด้านข้าง เลือดสีแดงสดก็ไหลออกจากปากของเขาทันที
“ผมจะขอเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้าย ทางที่ดีอย่ามาเล่นลูกไม้อะไรกับผม ไม่งั้นผมจะไม่เพียงฆ่าคุณ แต่ผมจะไม่ปล่อยลูกชายอีกคนของคุณด้วย!”
แสนรักจ้องเขาด้วยสายตาที่เย็นชาและคมกริบราวกับดาบ น่ากลัวสุดๆราวกับว่าเขาปีนขึ้นจากนรก
ลูกชายอีกคน?
ประพิศตัวสั่นอย่างแรง ในที่สุดเขาก็หันหน้ามาด้วยความหวาดกลัว ไม่หัวเราะอีก
“แก…แกรู้ได้ยังไง?”
“ทำไมผมจะไม่รู้? ผมจะบอกให้ว่า ทรัพย์สินทั้งหมดของคุณอยู่ในกำมือผม หากคุณยังคิดจะเล่นตุกติก? คิดจะแตะต้องตระกูลเทวเทพ ไม่เป็นไร ผมจะให้คุณตายไปเป็นเพื่อนเป็นคนแรก!”
แสนรักจ้องเขาจากด้านบน เขาไม่โกรธอีกต่อไป แต่ทิ้งคำพูดน่าขนลุกไว้ให้ราวกับปีศาจ
พูดจบ ประพิศที่อยู่ในมือเขาก็ตัวสั่นกว่าเดิม
ลูกชายอีกคนของเขา ขนาดคนทั้งไวท์ พาเลซยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก ตอนนั้นเขารักกับแฟนสาว แต่สุดท้ายก็ถูกครอบครัวจับให้แยกทางกัน จึงจำต้องแต่งงานกับภรรยาคนปัจจุบัน
หลังจากแต่งงานแล้ว เดิมทีเขาคิดว่าจบกันในชาตินี้เถอะ
แต่ไม่คิดเลยว่าแฟนเก่าเขาจะตั้งท้องหลังจากแยกทางกับเขา จากนั้นก็แอบให้กำเนิดลูกโดยไม่บอกเขา
ตอนที่เขารู้นั้น ภรรยาของเขาเองก็ให้กำเนิดลูกชายอีกคนหนึ่งพอดี ซึ่งก็คือปาเวซ เพียงแต่เด็กคนนี้เกิดมาพร้อมกับความพิการแต่กำเนิด แพทย์ยืนยันว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงสามสิบปี
ตอนนั้นเขาเศร้ามาก คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีข่าวดีเช่นนี้เกิดขึ้นพอดี
ดังนั้นเขาจึงปกป้องสองแม่ลูกอย่างลับๆ หรือพูดได้ว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในฐานะผู้นำระดับสูงสุดที่สง่าผ่าเผย ไม่มีใครรู้เลยว่าจริงๆแล้วเขามีสองครอบครัว!
คนหนึ่งเปิดเผย อีกคนหนึ่งกลับถูกปิดบังไว้
“แก…แกอย่าแตะต้องเขา แกอยากรู้อะไร? ฉันจะบอก” ในที่สุดประพิศก็พ่ายแพ้ด้วยใบหน้าซีดเผือด ยอมอ่อนข้อรับปากจะบอกทุกอย่าง
แสนรักถึงจะยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วปล่อยเขา
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาหาเรื่องใส่ตัวเอง
ถ้าหากวันนี้เขาไม่เรียกตัวเขาแสนรักมาหาก็คงไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ดังนั้นเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ใกล้จะตายอยู่แล้วยังจะคิดทำบาปก็จะหนีบาปตัวเองไม่พ้น
“เมื่อกี้ที่พูดหมายความว่ายังไง? ยังมีใครอยู่เบื้องหลังคุณอีก?”
“ใช่!”
“ใคร?”
“ถ้าฉันรู้ ฉันจะมีสภาพตกต่ำอย่างวันนี้เหรอ?”
ทันใดนั้นชายวัยกลางคนที่หน้าซีดก็กระตุกมุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้มเยือกเย็น
แสนรักขมวดคิ้ว
คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่เขาก็ยังไม่รู้?
เขาเป็นถึงอดีตผู้นำระดับสูงสุด!!
ในที่สุดสีหน้าของแสนรักก็เปลี่ยน จังหวะลมหายใจของเขาก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก
“งั้นเมื่อกี้ที่คุณพูดมันหมายความว่ายังไง? ทำไมพอได้ยินว่าม็อกโกยังคงเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเทวเทพ? ถึงดีใจแบบนั้น?”
“เพราะม็อกโกรับมือง่าย แกไม่รู้หรอ? อันที่แล้วฉันเป็นแค่คนที่ถูกยกมาถ่วงดุลกับตระกูลเทวเทพตั้งแต่แรกแล้ว พูดง่ายไปก็คือ พวกเราทั้งสองตระกูลเป็นหมากบนกระดานของคนอื่น ไชยันต์มีความสามารถทางด้านการทหารเป็นเลิศ เพื่อที่จะควบคุมเขา ฉันถึงได้ขึ้นมารับตำแหน่ง ตอนนี้ฉันหมดอำนาจแล้ว แกคิดว่าไวท์ พาเลซจะยอมให้ตระกูลเทวเทพของพวกแกเป็นใหญ่ตระกูลเดียวเหรอ?”
“…”
เป็นเวลากว่าสิบวินาทีที่แสนรักยืนอยู่ในห้องนี้ จ้องมองไปที่ชายวัยกลางคนที่มีท่าทีเสียดสีโดยไม่พูดอะไรสักคำ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ฟังเรื่องการต่อสู้แย่งชิงอำนาจ
และยังถูกจุดชนวนโดยอำนาจสองแกนหลักใจกลางวงกลมนี้
เขาไม่ค่อยรู้เรื่องการเมือง
แต่ตอนนี้หลังจากที่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ ในใจเขากลับมีความรู้สึกเดียว ก็คือคนที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมเล่นกลอำนาจนั้นน่าขยะแขยงยิ่งกว่าพวกคนที่ใช้เล่ห์กลในโลกที่เขาอยู่ธุรกิจสิบเท่าร้อยเท่า!
เพราะสิ่งที่เขาเล่นคือเงิน
แต่คนตรงหน้าเหล่านี้กลับเล่นกับความสงบสุขของประเทศและผลประโยชน์ของประชาชน!!
สุดท้ายแสนรักยกเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆมาทุบจนแหลกต่อหน้าคนคนนี้!
“ผมจะบอกให้นะคุณประพิศ ทางที่ดีคุณควรเอาประโยคนี้ไปบอกคนคนนั้น น้ำสามารถพยุงเรือให้ลอยได้ก็สามารถคว่ำเรือให้จมได้ เหตุผลที่ไชยันต์สามารถอยู่ในกองทัพได้หลายปีโดยไม่ล้ม ไม่ใช่เพราะเขาใช้เล่ห์เหลี่ยมเล่นกลอำนาจ แต่เป็นเพราะเขาสามารถสร้างความมั่นคงให้กับประเทศได้หลายสิบปี ถ้าเขาล้ม งั้นก็ถึงเวลาที่คนอย่างพวกคุณต้องจบได้แล้ว!”
เขาโกรธสุดขีด สุดท้ายเขาชี้ไปที่จมูกประพิศแล้วพูดทิ้งท้ายลอดไรฟันออกมาทีละคำๆอย่างเน้นย้ำ
จากนั้นก็กระแทกประตูออกไป
นี่เป็นคุณงามความดีที่ไชยันต์สมควรได้รับการยกย่อง