“เซิ่งเทียน จะไม่มีเรื่องอะไรจริงๆหรือ?”
หลี่หลานสองแม่ลูกที่ถูกเย่เซิ่งเทียนดึงมา เอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ
พวกเธอถึงกับบื้อไปแล้ว
เย่เซิ่งเทียนได้จัดงานฝังศพให้กับพ่อตาของเขาอีกครั้งจริงๆ
แถมยังเป็นที่หลุมศพบรรพบุรุษตระกูลหวาง
คนตระกูลหวางจะยอมตกลงได้ยังไงกัน
“คุณ คุณอย่าล้อเล่นนะ เรื่องแบบนี้ล้อเล่นขึ้นมาไม่ใช่เรื่องดีแน่”
หวางซีเอ่ยอย่างเป็นกังวล
“พวกคุณไม่ต้องห่วง ฉันจัดการทุกอย่างเอาไว้แล้ว คุณพ่อของเราจะถูกฝังในหลุมศพบรรพบุรุษวันนี้ และคนในตระกูลหวางก็จะกลับมาที่งานฝังศพด้วยตนเอง”
ใบหน้าของเย่เซิ่งเทียนแฝงความลึกลับ
เมื่อเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ ได้เดินมาถึงจุดนี้แล้ว หลี่หลานก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรอีก
เธอกัดฟันและพูดว่า “ฉันจะเชื่อคุณสักครั้ง แต่ฉันบอกคุณเลยนะว่า ถ้าพ่อนายไม่ได้ฝังลงไปจริงๆและต้องกลายเป็นเรื่องตลก ฉันไม่จบกับคุณแน่”
“แม่ คุณคอยดูเถอะ”
ทีมงานฝังศพเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว เย่เซิ่งเทียนเข้าร่วมตระกูลหวางก็กลายเป็นคนตระกูล
เขาก็คือลูกชาย
เย่เซิ่งเทียนถือขี้เถ้าของพ่อตา ขณะที่หวางซีถือภาพเหมือนของเขา
หลี่หลานเดินอยู่ตรงกลาง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา
เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่านายหญิงใหญ่ใจแข็งมากขนาดไหนกันแน่ ถึงได้ไม่ยอมให้ฝังลูกชายของตัวเองในหลุมศพของบรรพบุรุษ!
นายหญิงใหญ่ลำเอียง เรื่องนี้เธอสามารถเข้าใจได้
นายหญิงใหญ่ไม่ถือว่าพวกเธอสองแม่รู้เป็นคนตระกูลหวาง เธอก็เข้าใจได้
อย่างไรก็ตาม การที่นายหญิงใหญ่ทำกับลูกชายตัวเองแบบนี้ เธอไม่เข้าใจเลยสักนิด
ตนอยากจะถามนายหญิงใหญ่จริงๆ ว่าคนอย่างเธอสมควรเป็นแม่คนหรือไม่?
ทีมงานฝังศพมาถึงที่ที่ดินบรรพบุรุษกันพร้อมหน้าแล้ว
คนตระกูลหวางเองก็มารอกันอย่างเคร่งครัดเป็นพิธีนานแล้วเช่นกัน
พวกเขาทั้งหมดแต่งกายด้วยชุดสีดำ บนอกมีดอกไม้สีขาวเล็ก ๆ และกำลังยืนอยู่ด้านข้างด้วยความเคารพ
“อีกเดี๋ยวหากรถของเจ้าเทพมาถึงแล้ว พวกคุณทุกคนควรแสดงท่าทีเคร่งขรึมเอาไว้ให้ฉันด้วย ถ้าใครกล้าแสดงท่าทีอย่างอื่นและทำให้เจ้าเทพไม่พอใจ ฉันจะหักขาคนนั้น!”
นายหญิงใหญ่หวางสั่งอย่างเย็นชา
แต่ถึงเธอจะไม่พูด คนในตระกูลหวางก็ไม่กล้าเช่นกัน
“ขบวนรถมาถึงแล้ว รีบตั้งสติกันเดี๋ยวนี้”
หวางหงเอ่ยเสียงต่ำ
เจ้าเทพดูแลตระกูลหวางขนาดนี้ ตนย่อมไม่อาจทำให้เจ้าเทพต้องผิดหวัง
เจ้าเทพจะฝังผู้อาวุโสของเขาในสุสานบรรพบุรุษของตระกูลหวาง นี่หมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่าเจ้าเทพกำลังดูแลตระกูลหวางอยู่!
หากไม่ใช่เพราะกำลังดูแลตระกูลหวาง หรือว่าอาศัยสถานะอย่างเจ้าเทพ เขาจะหาที่ดินที่มีฮวงจุ้ยดียิ่งกว่านี้ไม่ได้งั้นหรือ?
ฉันจะต้องแสดงออกให้ดี และทำให้เจ้าเทพมองเห็นความสำคัญของฉันขึ้นมาให้ได้
หวางหงสูดลมหายใจเข้าลึก เขาจ้องมองไปที่ขบวนรถซึ่งขับเข้ามาอย่างช้าๆอย่างประหม่าอยู่บ้าง
เมื่อทีมงานฝังศพมาถึง หวางหงก็หันหน้าแล้วพูดว่า “ทุกคนคุกเข่าลง”
พูดจบ ตนก็คุกเข่าลงก่อนทันที
คนในตระกูลหวางที่เหลือก็รีบคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว
ขอแค่ให้ความเคารพต่อผู้อาวุโสของเจ้าเทพอย่างเพียงพอ พวกเขาเชื่อว่าเจ้าเทพจะให้ความสำคัญกับตระกูลหวางมากขึ้น
หากเจ้าเทพให้ความสำคัญขึ้นมา ไม่ไกลแล้ว ตระกูลหวางก็จะกลายเป็นตระกูลชั้นหนึ่งในเมืองเฉียนถัง!
หัวใจของหวางหงเต็มไปด้วยความคาดหวัง ราวกับว่าเขาได้เห็นตนเองเป็นหัวหน้าตระกูลชั้นหนึ่งไปแล้ว
ราวกับว่าเขาได้เห็นฉากที่ตระกูลหวางมีทรัพย์สินมากกว่าหนึ่งหมื่นล้าน และเทียบเท่ากับตระกูลใหญ่ทั้งสี่ตระกูล
ไม่
หากมีการดูแลของเจ้าเทพ ก็จะยิ่งเก่งกาจกว่าสี่ตระกูลเสียอีก
สี่ตระกูลบ้าบออะไรกัน? ขอแค่มีความสัมพันธ์กับเจ้าเทพ ไม่ช้าก็เร็วตนจะต้องเหยียบตระกูลทั้งสี่ลงได้ และบางทีก็อาจนั่งอยู่ในระดับเดียวกับตระกูลหมิงได้!
นายหญิงใหญ่หวางก็ตั้งหน้าตั้งตารอเช่นกัน
เป็นเธอเอวที่ขอให้คุกเข่าลง
จุดประสงค์ก็เพื่อให้เจ้าเทพยิ่งให้ความสำคัญกับตระกูลหวางมากขึ้น!
ความหวังของตระกูลหวางที่จะกลายเป็นตระกูลชั้นหนึ่งก็คือในวันนี้ คือการแสดงออกของตระกูลหวางในตอนนี้!
อีกทั้งตนเองก็อายุมากขนาดนี้แล้ว หากเจ้าเทพเห็นว่าตนคุกเข่าลงจะต้องยิ่งซาบซึ้งมากขึ้นแน่!
ในเวลานี้รถบรรทุกอัฐิก็หยุดลง
เย่เซิ่งเทียนลงจากรถพร้อมกับอัฐิของพ่อตา ตามมาด้วยหวางซีถือรูปอาลัย และหลี่หลานในชุดกี่เพ้าสีดำ
“เจ้าเทพ ตระกูลหวางของเรา…”
หวางหงพูดถึงตรงนี้ คำพูดก็ราวกับถูกตัดตอนไปทั้งอย่างนั้น เขากรีดร้องถามขึ้นราวกับเห็นผี “เย่เซิ่งเทียน ทำไมถึงเป็นแกอีกแล้ว?!”