งานเลี้ยงวันเกิดของคุณท่านโจวนั้นครื้นเครงอย่างยิ่ง ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างคึกคัก และต่างดื่มเหล้ากันจนหน้าแดงก่ำ
แต่เวลานี้กลับมีคนมาก่อกวน!
วันนี้คนที่มีคุณสมบัติมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของคุณท่านโจวล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลและวีรบุรุษ
คนเหล่านี้ ไม่ได้มาจากต้าเซี่ยเท่านั้น แต่ยังมีบุคคลสำคัญที่มาจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย กระทั่งมีมกุฎราชกุมารของประเทศเล็ก ๆ ด้วยเช่นกัน!
เพียงแค่ใครเพียงคนหนึ่ง ก็เป็นการดำรงอยู่ที่คนธรรมดาต้องจับจ้องแล้ว
แต่งานเลี้ยงเช่นนี้ แต่กลับมีคนที่มีตาแต่หามีแววไม่มาก่อกวน และเรียกชื่อของคุณท่านโจวโดยตรง!
ทุกคนตกตะลึง
ถูกต้อง ทุกคน
รวมทั้งคุณท่านโจวด้วย
บางคนตกใจจนแก้วเหล้าที่อยู่ในมือตกลงบนพื้นโดยไม่รู้ตัว
นึกไม่ถึงว่าจะคนมาก่อกวนในงานเลี้ยงวันเกิดอายุแปดสิบปีของคุณท่านโจวกระทั่งเรียกชื่อคุณท่านโจวโดยตรง!
คนดื้อรั้นมาจากไหน? ที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ มารนหาความตายเอง!
แม้แต่กษัตริย์พวกนั้น ก็ไม่เรียกชื่อคุณท่านโจวโดยตรง ซึ่งทุกคนล้วนให้ความเคารพเขา
ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ทรงอิทธิพลในโลกใต้ดิน เจ้าชาย เจ้าหญิงและชนชั้นสูง ทุกคนล้วนเรียกเขาว่า “ท่านโจว”?
เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้ กล้ามากำเริบเสิบสานที่นี่?
คนตระกูลโจวต่างแสดงสีหน้าดุร้าย แล้วมองเย่เซิ่งเทียนด้วยสายตาดุดัน
โจวฮงหรูเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วก็ไม่สนใจอีก และพูดคุยกับคนรอบตัวด้วยรอยยิ้ม
พวกเขาไม่เห็นเย่เซิ่งเทียนอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย พวกเขาเคยเห็นอันธพาลที่พยายามสร้างชื่อโดยการมาก่อกวนในสถานการณ์เช่นนี้มามากมายแล้ว และแน่นอนว่าเป็นหน้าที่ของลูกน้องที่จะจัดการคนพวกนี้
หากพวกเขาเป็นคนออกหน้าจัดการเรื่องแบบนี้ด้วยตนเอง มันจะเป็นการดูถูกสถานะตัวตนของพวกเขา
แม้แต่โจวเฟยหลงที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ แต่เขาก็เพิกเฉย
เพราะคนที่รนหาความตายเช่นนี้ ไม่มีคุณสมบัติที่เขาจะลงมือจัดการด้วยตนเอง
“มา ๆ ๆ ทุกคนดื่มกันต่อ อย่าให้เขามาทำลายความสุขของทุกคน”
หลายคนหัวเราะด้วยความตลก และมองว่าเป็นความบันเทิง
ไม่มีใครเห็นเขาอยู่ในสายตา
มาหาเรื่องตระกูลโจว?
คงจะเบื่อชีวิตแล้ว
อยากมีชื่อเสียงจนบ้าไปแล้ว!
ไม่เอาแม้แต่ชีวิตของตนเอง
“คนโง่เขลาแบบนี้ ตายไปก็เท่านั้น ไม่คู่ควรที่จะเห็นอกเห็นใจ ไม่จำเป็นต้องไปสนใจเขา”
คนมากมายมองว่าเป็นเรื่องตลก
ความจริงแล้ว สำหรับพวกเขาแล้วมันเป็นเรื่องตลก
“เด็กเปรตมาจากไหน? มารนหาความตาย! กล้ามาก่อกวนในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณท่านโจวแกคิดว่าตนเองมีกี่ชีวิต?”
“ยังสะพายดาบมาอีก? คนบ้ามาจากไหนเนี่ย”
“เจ้าหนุ่ม ผมขอแนะนำให้คุณคุกเข่าลง แล้วรีบขอโทษคุณท่านโจวจากนั้นตัดแขนตนเองหนึ่งข้าง ทำเช่นนี้เท่านั้นคุณถึงจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้”
คนที่นั่งในโต๊ะที่อยู่บริเวณประตู ต่างด่าและหัวเราะเยาะเย้ย
ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งใกล้โต๊ะของโจวเฟยหลง แต่คำพูดของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความเหนือกว่าและความรู้สึกเป็นเกียรติ เพราะเมื่อเทียบกับคนมากมายแล้ว พวกเขายังสามารถมาร่วมงานเลี้ยงได้
เถ้าแก่ถ่านหินคนหนึ่งพยายามที่จะแสดงตัวตนต่อหน้าโจวเฟยหลง แต่เขาไม่สามารถหาโอกาสได้
เมื่อเขาเห็นเย่เซิ่งเทียน ทำให้เขารู้สึกดีใจมาก ตอนนี้เป็นโอกาสดีแล้ว สวรรค์ช่วยเขาแล้ว!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาลุกขึ้นทันที ชี้ไปที่เย่เซิ่งเทียนและด่าว่า “ไอ้สารเลว แกอยากตายเหรอ? ใครให้ความกล้าแกมาก่อความวุ่นวาย? ได้ยินสิ่งที่พวกเราพูดเมื่อสักครู่ไหม? คุกเข่าลงแล้วกราบขอโทษคุณท่านโจว จากนั้นตัดแขนตนเองหนึ่งข้าง แล้วพวกเราก็จะไว้ชีวิตสุนัขอย่างแก!”
“รู้ไหม? ถึงแม้บรรพบุรุษของแกจะมาเอง ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะคุกเข่าให้คุณท่านโจววันนี้การที่แกสามารถคุกเข่าได้ ถือเป็นวาสนาที่บรรพบุรุษ 18 ชั่วโคตรของแกได้สั่งสมมาแล้ว และการตัดแขนของแกหนึ่งข้าง ถือเป็นบุญที่บรรพบุรุษของแกสั่งสมมาแล้ว”
เย่เซิ่งเทียนไม่แม้แต่จะมองเขา และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ปากเหม็นเกินไปแล้ว”
เพียะ
เฉินเทียนป้ายกมือขึ้นแล้วตบไปที่หน้าของเขา ทำให้เถ้าแก่ถ่านหินคนนั้นหมุนหลายรอบเหมือนลูกข่าง ก่อนที่เขาจะล้มลงบนพื้น
“เจ้าพลกล่าวว่า ปากของแกเหม็นเกินไป และถ้ากล้าปากเสียกับเจ้าพลอีก ตาย!”