บทที่ 437 ขุนหลวงถูกทุบตี
เมื่อเห็นการมาถึงของรถพิเศษ เย่ห้าวที่เกือบจะตกใจตาย ในที่สุดก็ดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา และกล่าวว่า “อดีตจอมพลมาแล้ว เย่เซิ่งเทียน แม้แต่ขุนหลวงก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้แล้ว”
“แล้วยังไง?”
เย่เซิ่งเทียนมองไปที่เย่ห้าวอย่างสนุกสนาน
เย่ห้าวตกตะลึง เขาไม่นึกเลยว่า ลูกชายตัวเองคนนี้ จะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
แม้แต่กขุนหลวงเองก็ยังต้องเข้าไปทักทายเขาด้วยตัวเอง แต่เย่เซิ่งเทียนกลับยังคงสงบอยู่
“คุกเข่าลงและยอมรับความผิดในที่สาธารณะ ทำลายการปลูกฝังด้วยตัวเอง ทิ้งลูกสาวของคุณไว้ในตระกูลเย่ แล้วคุณก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้”
เย่ห้าวสงบลงมาก เขารู้สึกว่าเย่เซิ่งเทียนมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วในขณะนี้ “ถ้าเจ้ายังดื้อรั้นขนาดนี้ มันก็มีเพียงทางตายทางเดียวแล้วเท่านั้น”
“โอ้? จริงเหรอ?”
เย่เซิ่งเทียนจ้องมองที่เย่ห้าวอย่างเฉยเมย
และในเวลานี้ ชายชราผมขาว แต่ดูแข็งแรงเป็นพิเศษก็ได้เดินลงจากรถพิเศษ
ทุกคนต่างดูเคร่งขรึม และเต็มไปด้วยความเคารพ แม้แต่เหล่าพวกจ้าวกั๋วจู้ ก็ยังทำตัวเชื่อฟังจนเหมือนเป็นเด็กคนหนึ่งเลย!
อดีตจอมพล เป็นถึงเทพสงครามคนแรกในรุ่นที่สองของประเทศต้าเซี่ยเลยทีเดียว!
กลุ่มพวกหร่วนซื่อสงและกัวปิง ต่างพากันตามหลังขุนหลวงหยางทาว ไปต้อนรับอดีตจอมพล
สายตาของหยวนเวินจินซับซ้อน เขามองหน้ากับเฉิงเทียนกุ้ย และเหลือเพียงรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวเท่านั้น
ตอนนี้มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นถึงรู้ว่า ตัวตนที่แท้จริงของเย่เซิ่งเทียนคือเจ้าเทพ มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นถึงตระหนักได้ว่า ยิ่งบุคคลที่ตระกูลเย่เรียกมาในเวลานี้มีตัวตนสูงส่งเพียงใด ก็จะต้องอย่างอนาถมากยิ่งขึ้นเท่านั้น!
การเรียกอดีตจอมพลมา มันก็เป็นได้เพียงเครื่องเร่งจบชีวิตให้ตระกูลเย่เย่เท่านั้น!
แต่ทั้งสองไม่กล้าพูด และก็ไม่มีโอกาสได้พูด
คนที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ คือขุนหลวง ทั้งสองไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดเลย
“อดีตจอมพลมาถึงแล้ว และทุกอย่างก็กำลังจบลงในที่สุด”
“เย่เซิ่งเทียนไอ้ลูกนอกสมรสคนนี้ ถึงแม้จะต้องตายในเวลานี้ ก็รู้สึกภูมิใจได้แล้ว ด้วยกำลังของตัวเอง จะให้คนผู้ยิ่งใหญ่มากมายออกตัวทีละคน มันถือเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย”
มีคนพูดด้วยความสงสารว่า “น่าเสียดายจริงๆ เย่เซิ่งเทียนมีความสัมพันธ์เช่นนี้ แต่กลับไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดี ถ้าเขาตกลงตามคำขอของคุณท่านเย่ และกลับไปที่ตระกูลเย่ บางทีเขาอาจได้รับคุณค่าจากตระกูลเย่ แต่เขากลับเลือกที่จะใช้ไข่ไปกระแทกกับหิน ไม่กลัวตายเลยจริงๆ”
มีคนเยาะเย้ยว่า “ตระกูลเย่ นั่นคือสิ่งที่เย่เซิ่งเทียนสามารถสั่นคลอนได้หรือไม่? แม้แต่ขุนหลวงก็ยังเกรงกลัวอยู่บ้าง”
“อดีตจอมพล คุณต้องออกหน้าแทนตระกูลเย่ของเราด้วย”
ทันทีที่อดีตจอมพลลงจากรถ หลิวว่านจวินก็รีบวิ่งเข้ามา คุกเข่าต่อหน้าอดีตจอมพลโดยตรง คว้ากางเกงของอดีตจอมพลแล้วร้องไห้อย่างผู้หญิงปากตลาด
“ลูกชายของฉันถูกเย่เซิ่งเทียนไอ้ลูกนอกสมรสคนนั้นฆ่าตายแล้ว และตอนนี้เย่เซิ่งเทียนก็จะฆ่าเย่ห้าวสามีของฉันอีก เหล่าพวกขุนหลวงก็เข้าข้างไอ้ลูกนอกสมรสคนนั้น ทุกคนต่างพากันมารังแกตระกูลเย่ของเรา อดีตจอมพลคุณต้องออกหน้าแทนตระกูลเย่ของเราด้วยนะ!”
“แผ่นป้ายของอดีตเทพสงครามถูกไอ้ลูกนอกสมรสคนนั้นทุบทิ้งไปแล้ว แต่ไม่มีใครพูดอะไรเลย หรือว่าตระกูลเย่ของเราไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่หรือ? หรือว่าเกียรติยศของอดีตเทพสงครามไม่ถือเป็นอะไรเลยเหรอ? หรือว่าคำมั่นสัญญาที่ตระกูลเย่จะอยู่ยงคงกระพันพร้อมประเทศนั้นเป็นเพียงคำพูดเปล่าประโยชน์งั้นเหรอ? อดีตจอมพลท่านเป็นศิษย์สายตรงของอดีตเทพสงคราม และเป็นศิษย์พี่ของพ่อฉัน ขุนหลวงและคนอื่นๆ ต่างก็พูดแทนไอ้ฆาตกร หรือว่าท่านก็จะทอดทิ้งตระกูลเย่เหรอ?”
การปรากฏอย่างกะทันหันของฉากนี้ ทำให้เหล่าพวกหยางทาวสีหน้ามืดมน
แม้แต่เย่จิงหง ก็ตกตะลึงไปเลย แต่แล้วเขาก็ดีใจมากขึ้นมา
คำพูดบางคำพูดเขาพูดไม่ได้ แต่หลิวว่านจวินสามารถพูดได้ อีกอย่างเมื่อหลิวว่านจวินพูดออกมาด้วยท่าทางแบบผู้หญิงปากตลาด ก็ยิ่งรู้สึกน่าสงสารเข้าไปอีก——ตระกูลเย่ตกต่ำจนถึงจุดที่ต้องให้ผู้หญิงคนหนึ่งออกมารับหน้าแทนแล้วเหรอ
ตามที่คิด เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าของอดีตจอมพลผมขาว ก็ดูน่าเกลียดอย่างยิ่ง เขายกมือขึ้นและตบเข้าที่ใบหน้าหยางทาว และชักถามว่า “แผ่นป้ายของอาจารย์ข้าถูกทุบ หยางทาว เจ้ารู้ไหมว่านี่มันหมายถึงอะไร? ไม่จะเป็นเพราะเหตุผลใด ไม่ว่าจะเป็นใคร กล้าที่จะทุบแผ่นป้ายนั้น มันจะถือเป็นโทษกบฏ โทษต้องประหารอย่างเดียว!”
หยางทาวยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงดังปัง และมีคนคนหนึ่งก็กระแทกอยูที่เท้าของอดีตจอมพลโดยตรง!
มันคือเย่ห้าว!
เย่เซิ่งเทียน ได้กระแทกตัวเย่ห้าวไปที่เท้าของอดีตจอมพลโดยตรง!