Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 520 สิ้นหวัง
สิ้นเสียงของหลี่กั๋วหรง ก็มีชายชรารูปร่างผอมบางอายุอานามใกล้เคียงกับหลี่กั๋วหรงเดินออกมาอยู่ต่อหน้าของทุกคน
“ไอ้หลี่ แกก็ชักช้าอืดอาดอยู่ได้ ฉันให้แกจัดการตั้งนานแล้วใช่ไหม แกยังมาใจอ่อนเหยาะแหยะไปได้ ไม่เด็ดขาดสักที ดูสิตอนนี้โดนเอาเปรียบเลยเห็นไหม”
ใบหน้าของไอ้อู๋เผยให้เห็นความชั่วร้าย ดูก็รู้ว่าเขากับหลี่กั๋วหรงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถล้อเล่นแบบนี้ได้
“หลี่กั๋วหรง แกมันโหดเหี้ยมจริงๆ ในที่สุดหางจิ้งจอกของแกก็โผล่ออกมาสินะ!”
เมื่อเห็นชายชราคนนี้ เจี่ยงหมิ่นก็โกรธจนหัวเราะออกมา เธอไม่คิดว่าตัวเองผิดเลย ยังคงคิดว่าทั้งหมดเป็นความผิดของหลี่กั๋วหรง”เห็นแล้วใช่ไหม พวกแกเห็นกันแล้วใช่ไหมว่า ผู้นำตระกูลหลี่อย่างหลี่กั๋วหรง เพื่อที่จะใส่ร้ายลูกเมียของตัวเอง เขาถึงกับวางแผนสถานการณ์แบบนี้ออกมา ในที่สุดวันนี้ก็เผยให้เห็นธาตุแท้จนได้!ฉันว่าแล้ว แกมันแทบอยากจะฆ่าพวกเราให้ตาย!”
หัวเวิ่นยีไม่เคยเห็นคนหน้าไม่อายเช่นนี้มาก่อน เขาไม่ได้ที่กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า”แกมันนังอสรพิษ ไร้ยางอาย ฆ่าคนอื่นทั้งครอบครัวไม่พอ มาตอนนี้ยังผลักความผิดไปให้คนอื่นอีก?แกยังมีหน้าอยู่อีกหรอห้ะ?”
เจี่ยงหมิ่นพูดอย่างเหี้ยมโหดว่า”แล้วยังไงล่ะ?ฉันแค่เอาในสิ่งที่ฉันควรได้รับ!ฉันดูแลปรนนิบัติหลี่กั๋วหรงมาตั้งนานหลายปี เขาเอาแต่กีดกันฉันอย่างกับฉันเป็นโจร หรือว่าฉันเอาในสิ่งที่เป็นของฉันกลับมา มันผิด?”
“นังอสรพิษ หุบปากนะ!”
ในที่สุดหลี่กั๋วหรงก็ทนไม่ได้อีกต่อไป เขาคิดว่าความอดทนของตัวเอง สามารถแลกมาซึ่งความสงบสุขของครอบครัวได้ แต่ตอนนี้เขาคิดผิดไป ผิดจนไม่น่าให้อภัย
ความอดทนและใจกว้าง ไม่สามารถแลกมาซึ่งความซาบซึ้งได้ แลกมาได้แต่ความได้คืบเอาศอก!
“ไอ้อู๋ ลงมือซะเถอะ!”
หลี่กั๋วหรงเขาหันหลังกลับไป โดยที่ไม่อาจมองภาพความโหดร้ายนี้
หลี่เซียงไซว่ล้วงปืนออกมา แล้วเค้นรอยยิ้มออกมา”ไอ้แก่ แกลองก้าวมาข้างหน้าดู?ฉันจะคอยดูว่าแกจะสามารถต้านทานลูกกระสุนได้ไหม!”
“ไอ้หนุ่ม วิสัยทัศน์เล็กจังเลยนะ”
ใบหน้าของไอ้อู๋ยังคงรักษารอยยิ้มชั่วร้าย จู่ๆเขาก็หายแวบ ไปกับตา ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ที่ข้างหน้าของหลี่เซียงไซว่!
“เป็นไปไม่ได้ กะ แกเป็นคนหรือผีเนี่ย!”
หลี่เซียงไซว่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ยิงปืน เขาก็ถูกไอ้อู๋ตบกระเด็นแล้ว
“ไอ้หนุ่ม บอกแล้วไงว่าแกมันวิสัยทัศน์เล็ก ฉันเป็นถึงพญาบู๊เลยนะ จะกลัวปืนกระจอกของแกได้ยังไง?”
ไอ้อู๋พูดอย่างเนิบๆ รอยยิ้มยังคงประทับอยู่บนใบหน้า ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เปลี่ยน
“นี่เป็นวิธีการของแกหรอเนี่ย?หลี่กั๋วหรง?”
เมื่อดูถึงตรงนี้ เจี่ยงหมิ่นกลับสงบเงียบลง เธอเสียสติไปแล้ว”ไพ่ใบสุดท้ายของแกก็คือพญาบู๊งั้นหรอ?หึๆๆๆ……”
เจี่ยงหมิ่นหัวเราะ เสียงหัวเราะของเธอเหมือนกับถูกคนบีบเค้นเธอกรีดร้องออกมาว่า”งั้น พวกแกต้องตายให้หมด”
พูดจบ เธอก็ปรบมือ
มีชายวัยกลางคนร่างกายกำยำที่ไม่รู้มาจากไหนปรากฏขึ้นมาตรงหน้าประตู หลี่กั๋วหรงยังไม่ทันได้รู้สึกตัว ก็ถูกเขาบีบคอเข้าให้แล้ว
ชายวัยกลางคนสูงถึงสองเมตรกว่า หลี่กั๋วหรงถูกเขาจับเหมือนลูกไก่ในกำมือก็ไม่ปาน
การปรากฏตัวของเขา ทำให้หวางซีเหมือนมีเมฆบังเอาไว้ เธอรู้สึกกดดันอย่างที่ไม่สามารถจินตนาการได้
สีหน้าของไอ้อู๋ค่อยๆเปลี่ยนเป็นหนักใจ เขามองไปที่ชายหนุ่มวัยกลางคนอย่างระแวดระวัง
“ราชาบู๊ เป็นราชาบู๊ท่านหนึ่ง!”
หัวเวิ่นยีกล่าวอย่างเป็นกังวล คิดไม่ถึงว่าเจี่ยงหมิ่นนังอสรพิษคนนี้ จะเชิญยอดฝีมือแบบนี้มา
ไอ้อู๋ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาด้วยซ้ำ
“หลี่กั๋วหรง เป็นยังไงล่ะ?นี่ก็คือเซอร์ไพรส์ที่เซี่ยหมิงหลี่มอบให้แก ไม่พูดก็คงจะไม่ได้ ถือว่าเซี่ยหมิงหลี่รู้จักจิ้งจอกเฒ่าอย่าแกดี กลัวว่าแกจะไม่ตาย เลยจัดคนไว้รอ”
เจี่ยงหมิ่นมองไปที่หลี่กั๋วหรงอย่างเย้ยหยัน
“ปล่อยคุณตาของฉันนะ ไม่อย่างนั้นถ้าเซิ่งเทียนมา พวกแกต้องมีจุดจบไม่สวยแน่!”
ในตอนที่สิ้นหวังมากที่สุด หวางซีก็ลุกขึ้นมา
ตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือ ถ่วงเวลาเอาไว้ รอให้เซิ่งเทียนกลับมา
“ตอนนี้ ถ้าพวกแกออกไป ฉันจะบอกให้เซิ่งเทียนไม่เอาเรื่องพวกแก ปล่อยพวกแกไป!พวกแกก็รู้ว่า ตัวตนที่แท้จริงของเซิ่งเทียนคือใคร?”
หวางซีสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดออกมาทีละคำ”เซิ่งเทียน เป็นตัวแทนของเจ้าเทพ!”