เย่เซิ่งเทียนปรากฏตัวที่สำนักงานของเถียนปิน
เถียนปินตกตะลึง เขาไม่เคยเห็นเย่เซิ่งเทียนมาก่อน ก็เลยไม่รู้จัก
หลังจากที่ตอบสนองแล้ว ก็โบกมืออย่างเป็นกันเองมาก “ช่วงปีนี้ คนบ้าๆบอๆอะไรกันต่างก็มาอวดดีต่อหน้าฉัน คนของบริษัทหัวหยวนใช่ไหม? พวกแกหักขาทั้งสองของหลิวเผิง ดีมาก็ดีตอบ หักแขนหักขาของไอ้โง่คนนี้ และพาไปที่บริษัทหัวหยวน!”
เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างติดตลก “แกตามหาฉันมาตลอดไม่ใช่หรือไง? วันนี้ฉันก็มาแล้วไง”
เถียนปินเพิ่งจะรู้ ว่าที่แท้คนที่อยู่ตรงหน้าก็คือเย่เซิ่งเทียนนั่นเอง!
ทันใดนั้นก็พูดอย่างโหดเหี้ยมว่า “แม่งเอ๊ย ที่แท้แกก็คือไอ้เด็กผีคนนี้เอง กล้ามาถึงที่ ไม่ต้องหักแขนหักขาแล้ว ฆ่าเขาเลย และนำศพไปที่บริษัทหัวหยวน ให้หวางซีดู!”
แต่ทว่า เถียนปินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่มีใครเข้ามาเลยสักคนเดียว
เย่เซิ่งเทียนพูดเบาๆว่า “สุนัขรับใช้ของแกพวกนั้น กลายเป็นศพไปหมดแล้ว หากแกตายตอนนี้ ก็ไปนรกด้วยกันกับพวกเขาได้เลย”
เหงื่อเย็นๆบนหน้าผากของเถียนปินไหลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากจะเชื่อว่า พวกอันธพาลที่เขาฝึกฝนมาอย่างดี ยังไม่ใช่คู่ปรับของเย่เซิ่งเทียน
ยังไม่ทันไร ก็ถูกจัดการทั้งหมดเลยเหรอ?
อีกอย่างแม้แต่การเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆก็ไม่ได้ยินเลย?
ความกลัวเล็กๆน้อยๆค่อยๆแผ่กระจายในหัวใจของเถียนปิน มองดูเย่เซิ่งเทียน ราวกับมองปีศาจร้ายตนหนึ่ง ตกใจกลัวจนก้าวถอยหลังไปสองก้าว และพูดว่า “เย่เซิ่งเทียน แกคิดจะทำอะไร? ฉันขอเตือนแกไว้เลยนะ อย่าทำอะไรมั่วซั่ว! ฉันยังมีผู้มีอำนาจในรัฐบาลกลางอยู่เบื้องหลัง แกกล้าลงมือกับฉัน ชีวิตของทั้งครอบครัวแกก็อย่าหวังว่าจะมีเลย!”
“งั้นเหรอ?”
เย่เซิ่งเทียนกระดิกนิ้ว ขาทั้งสองข้างของเถียนปินก็หักพร้อมกัน ล้มลงกับพื้นดังปัง
เถียนปินร้องโหยหวนเหมือนผีสางด้วยความเจ็บปวด กรีดร้องและพูดว่า “เย่เซิ่งเทียน แกกล้าฆ่าฉันเหรอ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของฉันไม่มีทางปล่อยแกไปแน่!”
เย่เซิ่งเทียนพูดเบาๆว่า “คนที่ไม่ปล่อยฉันไปก็มีเยอะแล้ว จะเยอะอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป”
เถียนปินเพิ่งจะรู้สึกตัวว่า ตัวเองยั่วยุคนแบบไหน พูดด้วยความหวาดกลัว “เย่เซิ่งเทียน มีอะไรก็คุยกันดีๆ แกฆ่าฉัน มันก็ไม่ดีสำหรับตัวแก ฉันรับปากแก ฉันจะไปจากเฉียนถัง ถ้าแกฆ่าฉัน มันจะนำมาซึ่งปัญหาที่ใหญ่หลวง คนที่อยู่เบื้องหลังฉันมีพลังที่มหาศาล ที่เหนือจินตนาการของแก อีกอย่างถ้าแกฆ่าฉันแล้ว สุดท้ายความซวยก็ตกไปอยู่ที่ครอบครัวของพวกแกแน่นอน แกต้องใจเย็นๆ พวกเรามีอะไรก็คุยกันได้”
เย่เซิ่งเทียนพูดเหอะด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันเย่เซิ่งเทียนกับเส้นทางที่ผ่านมา ฉันไม่เคยกลัวคำข่มขู่ใดๆมาก่อน”
จากนั้น ไม่เห็นว่าเย่เซิ่งเทียนลงมืออะไร ขาข้างหนึ่งของเถียนปินก็หักแล้ว
เถียนปินรู้สึกกลัว และเริ่มอ้อนวอน “เย่เซิ่งเทียน ไว้ชีวิตฉัน คนที่อยู่เบื้องหลังฉัน แกยั่วยุพวกเขาไม่ได้จริงๆ แม้ว่าเป็นขุนหลวงกับเจ้าเทพ ก็คำนึงถึงความสมดุล หากแกฆ่าฉัน ก็เป็นการทำลายสมดุลนี้ แกรับผิดชอบไม่ไหวหรอก”
“งั้นเหรอ? ฉันในฐานะที่เป็นเจ้าเทพ ทำไมแกไม่รู้ว่าฉันเคยคิดรักษาสมดุลผลประโยชน์ของคนเลวเหล่านั้น?”
เย่เซิ่งเทียนค่อยๆกล่าว “ฉันกลับอยากดูว่า คนที่อยู่เบื้องหลังแกจะมีพลังมหาศาลแค่ไหน! ฉันเย่เซิ่งเทียนเป็นเจ้าเทพ เพื่อการแก้แค้น เพื่อการตอบแทนบุญคุณและความแค้น ถ้าถูกผูกมัด จำเป็นต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนเลวอย่างพวกแก ฉันก็ไม่เป็นเจ้าเทพนี่แล้ว!”
ได้ยินคำนี้ เถียนปินสั่นสะท้านไปทั้งตัว “แก แกคือเจ้าเทพจริงๆเหรอ? อย่าฆ่าฉันเลย อย่าฆ่าฉันเลย ให้ฉันได้โทรศัพท์หน่อย เรื่องทั้งหมดตกลงกันได้ ระหว่างเราคุยกันได้ ฉันมาจากตระกูลเถียนแห่งเมืองหลวง ฉันไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวแทนของตระกูลเถียนเท่านั้น แถมยังตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์อีกด้วย ขุนหลวงต้องการรักษาผลประโยชน์ให้สมดุล ถ้าแกฆ่าฉัน ความสมดุลนี้ก็ถูกทำลายแล้ว ขุนหลวงก็จะไม่รับปาก อย่าฆ่าฉันเลย ระหว่างเราสามารถแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันได้ ขอให้ฉันได้โทรศัพท์ก่อนเถอะ”
เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างเฉยชา “โทรสิ ฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกัน ใครจะทำให้ฉันหยุดฆ่าแกได้!”
เถียนปินเจ็บปวดจนแทบจะหมดสติแล้ว เขากัดฟันแน่น รีบโทรออกอย่างรวดเร็ว และพูดกับอีกฝ่ายอย่างเร่งรีบ
เย่เซิ่งเทียนมองดูอยู่ข้างๆอย่างสงบ และไม่ได้ห้าม
สิ่งที่เขาต้องการ ก็คือให้เถียนปินโทรศัพท์ เรียกคนเหล่านั้นออกมาให้หมด
มิเช่นนั้นไปหาทีละคน เขาก็จะไม่มีเวลา
เถียนปินกล่าวด้วยใบหน้าซีดเผือด “ผู้นำตระกูลของพวกเราต้องการเจรจากับแก”
เย่เซิ่งเทียนรับโทรศัพท์มา พูดเพียงแค่ว่า “เถียนเฟิงผู้นำตระกูลเถียนใช่ไหม? ฉันจะฆ่าเถียนปิน จะล้างบางฮุยเถิง กรุ๊ป แกห้ามไม่ได้หรอก แกเตรียมตัวรอไว้เลย ไม่นานฉันก็จะฆ่าแก!”
เมื่อได้ยินคำนี้ เถียนปินตกใจกลัวแทบแย่อยู่ตรงนั้น!