“เหวินเฉิงพูดถูก!”
“ผมไม่เชื่อว่ายัยพิการนี่ จะสร้างชื่อเสียงอะไรได้”
“และก็หยางยู่หลัน ที่ไม่มีชื่อเสียงนานแล้ว”
“งานวันมะรืน ต้องไม่มีคนไปแน่ พวกเราดูเรื่องตลกดีกว่า”ได้ยินคำพูดของซูเหวินเฉิง ซูหนานก็รีบเสริม
พวกเขากำลังคุยกันอย่างดีใจ ทำลายงานอย่างไร ทำให้ซูซูอับอายอย่างไร
ในขณะเดียวกัน ในคฤหาสน์ของตระกูลอู๋ ใบหน้าของอู๋เฟยดูดุร้าย
“ไอ้เลว!”เขาเขวี้ยงแจกันอันล้ำค่าบนขอบหน้าต่างจนแตกด้วยความโกรธ
“ไอ้ซูซู มือใครยาวสาวได้สาวเอา เอาโรงงานไป มีอย่างนี้ที่ไหนกัน!”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็อย่าโทษว่าผมไม่เกรงใจ!”
เขากัดปากพูดว่า:“พ่อบ้าน โทรหาเภสัชกรเหล่านั้น ให้พวกเขามาพบผมเดี๋ยวนี้”
“ครั้งนี้ ผมจะร่วมมือกัน ให้บทเรียนไอ้สารเลวนี่อย่างดี!”
……
เวลาผ่านไป ซูซูกับหยางยู่หลัน ก็เริ่มประหม่าขึ้นมา
แม้ว่าจะส่งคำเชิญไปจำนวนมาก แต่พูดตามตรงแล้ว อีกฝ่ายจะเข้าร่วมจริงๆ หรือไม่ พวกเธอไม่มีความมั่นใจเลย
มีแค่ฉินเทียน ที่มองไปแล้วอารมณ์ดีมาก
เขาพูดปลอบด้วยรอยยิ้ม:“ไม่ต้องห่วง ผมเชื่อว่า คนดีผีคุ้ม”
ในที่สุด ก็ถึงวันนี้
เช้าตรู่ ฉินเทียนขับรถ พาซูซูกับหยางยู่หลัน มาที่โรงแรมรีกัล
แม้จะเป็นพิธีเปิด ก็ต้องจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ และต้องป่าวประกาศ
สองวันนี้ ซูซูยังคงนั่งอยู่บนรถเข็น ไม่ต่างอะไรจากเมื่อก่อน
ดังนั้นหยางยู่หลันจึงไม่รู้เลยว่าคืนนั้น ที่จริงพวกเขากำลังรักษา แต่คิดว่าเป็นแบบที่เธอคิดอยู่
“ประธานหยาง ประธานซู!”
“พวกคุณมาแล้วหรือ!”
หน้าโรงแรม ซูเป่ยฉีเข้ามาด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น
ในมือเขาถือไม้เท้าไว้ แต่ว่ามองไปแล้วเดินเหมือนลม ไม้เท้าไม่จำเป็นต้องมีก็ได้
ซูซูรีบพูดว่า:“คุณปู่รอง ขอบคุณนะคะ”
“ดูแลสุขภาพด้วย”
ซูเป่ยฉีพูดอย่างตื่นเต้น:“ผมรู้!ตอนนี้ยังทิ้งไม้เท้าไม่ได้!”
สำหรับเรื่องที่ฉินเทียนรักษาอาการป่วย พวกเขาเลือกที่จะไม่เปิดเผยเหมือนกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
เพราะถ้าพูดเรื่องนี้ออกไป จะต้องทำให้ฉินเทียนเจอปัญหามากมายแน่
เข้าไปในงาน ก็เห็นการตกแต่ง ที่ยิ่งใหญ่มากๆ
รอบๆ ก็มีพนักงานเสิร์ฟสวยๆ ยืนเต็มไปหมด และพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ดูกระตือรือร้น
เพียงว่านอกจากพวกนี้แล้ว ก็เหลือแค่พนักงานเก่าเพียงไม่กี่คนที่ซูเป่ยฉีเรียกมาช่วยจากโรงงาน
ก็ไม่มีคนอื่นแล้ว
“พวกคุณไม่ต้องห่วง ตอนนี้ยังมีเวลาอยู่ พวกแขกน่าจะอีกสักพักถึงจะมา”
ซูเป่ยฉีมองความไม่สบายใจในดวงตาของซูซูและหยางยู่หลันออก จึงพูดปลอบด้วยรอยยิ้ม
ก็แค่ รอยยิ้มนั้นอึดอัดเล็กน้อย ชัดเจนมากว่า ในใจเขาไม่แน่ใจ
ตอนนี้เอง ด้านนอกก็มีเสียงบีบแตรรถ รถเบนซ์สีดำสามคัน ขับมาอย่างเร็ว
“มีคนมาแล้ว!”
ซูเป่ยฉีร้องเชียร์ออกมา รีบหมุนไม้เท้า แล้วพุ่งเข้าไป
หยางยู่หลันปรับอารมณ์ และเข้ามาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
รถเบนซ์สามคัน จอดตรงหน้าประตูอย่างเป็นระเบียบ
ประตูรถคันแรกเปิดออก ซูเป่ยซานเดินลงมาด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง
“ทำไมถึงเป็นคุณ?”ซูเป่ยฉีที่เดิมทีมีรอยยิ้มทั่วใบหน้า เตรียมจะรับแขก รอยยิ้มที่ใบหน้าก็ชะงักลง
มือที่เขายื่นออกไป ค่อยๆ เก็บลง
“ตาแก่พิการ คุณมีอนาคตดีเชียว!”
“ไม่รู้จักคิดเลยว่า หลายปีนี้ใครเลี้ยงดูคุณ คิดไม่ถึงว่าคุณจะกอบโกยผลประโยชน์เข้าตนเอง สมรู้ร่วมคิดกับคนนอก แย่งโรงงานของพวกเราไป”
ในรถคันด้านหลัง ซูเหวินเฉิงลงมา พอเห็นซูเป่ยฉี ในดวงตาเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ
ซูเป่ยฉีอยากจะพูดอะไร ในรถอีกคัน ก็มีซูหนานลงมา
“เขาว่ากันว่าป้อนอาหารให้หมาอย่าป้อนมันจนอิ่มไป เป็นความจริงจริงๆ ด้วย”
“ตอนนี้มันกัดได้แม้แต่เจ้าของ”คำพูดของเธอ บาดใจเป็นอย่างมาก
ซูเป่ยฉีหน้าแดง โกรธจนพูดไม่ออก
“คุณป้า ได้ยินว่าป้าเปิดบริษัทกับซูซู ยินดีกับพวกป้าด้วยนะ!”
“ผมกับคุณปู่ และก็เหวินเฉิง มาแสดงความยินดีทั้งนั้น”
“ทำไม ไม่ต้อนรับหรือ?”
หยางยู่หลันกัดฟันไม่พูด ชัดเจนมากว่า พวกผู้ชายเหล่านี้ มาเพื่อทำลายงาน
“แม่ ซูซู มีแขกมา ให้พวกเขาเข้ามา”ในห้องโถงด้านหลัง มีเสียงของฉินเทียนเข้ามา
หยางยู่หลันกับซูเป่ยฉี ได้แต่เปิดทางให้
“คุณปู่ ฉันรู้เรื่องโรงงานแล้ว คุณปู่ต้องไม่พอใจแน่”
“ที่ฉันกล้าเชิญพวกปู่มา ก็เพราะไม่ได้ผิดอะไร”
“ฉันทำตามขั้นตอนปกติ ถ้าฉันไม่ลงมือ โรงงานก็จะตกไปอยู่ในมือของคนอื่น”
“และก็ เพื่อแสดงความจริงใจ ฉันจะรับผิดชอบหนี้สิบล้านแทนพวกปู่”
“ยังไงเราก็เป็นคนในครอบครัว ฉันไม่อยากให้เข้าใจผิดกัน”ซูซูอธิบายอย่างอดทน
จริงอยู่ ถ้าโรงงานถูกคนอื่นซื้อไป ค่าสินค้าสิบล้านที่ตระกูลซูติดครอบครัวเพาะปลูก ก็ต้องคิดไปที่พวกเขา
สีหน้าซูเป่ยซานดูแย่
เขารู้ตัวเองดี พูดไม่ออก
“พี่ซูซู ขอบคุณมากที่พี่ช่วยเหลือตระกูลซูให้ผ่านความยากลำบากในช่วงวิกฤต”
“ครั้งนี้ที่ฉันกับคุณปู่มา เพราะอยากขอบคุณเธอ”
“เธอดูสิ พวกเราเตรียมของขวัญมาด้วย”
ซูเหวินเฉิงพูดไป ก็โบกมือ แล้วลูกน้องด้านหลัง ก็ยื่นกล่องเรียวยาวอันหนึ่งมาให้
นี่คืออะไร?
มองไปแล้วเหมือนใส่กีตาร์ แต่ก็ไม่ค่อยเหมือนมาก
จนพวกเขาเปิดออก ทุกคนก็เปิดตาโต
ดันเป็น ไม้เท้า!
“พี่ พี่เป็นเถ้าแก่ นั่งรถเข็นจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานได้ ไม้เท้าอะลูมิเนียมอัลลอยด์นี้ ผมทำเพื่อน้ำหนักตัวพี่เลย”
“พอมีมัน พี่ก็จะได้เดินเร็วเหมือนกับบิน ฮ่าๆๆๆ”
พูดไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง
“อยากตายหรือ!”ฉินเทียนโมโห ตะโกนไปอย่างเยือกเย็น จะลงมือ
นี่มันหยามกันเกินไปแล้ว!
“หยุดนะ!”คิดไม่ถึงว่า ซูซูกลับใจเย็นมาก
“เหวินเฉิง สิ้นเปลืองเปล่าๆ”มองไปแล้ว เธอไม่โกรธนัก
“ไม่ต้องเกรงใจ!”ซูเหวินเฉิงเอาไม้เท้าทั้งสองข้างตบไปบนตรงกลางโต๊ะ จนเสียงดังออกมา
“ฉันก็เตรียมของขวัญไว้เหมือนกัน”
“ร่มรุ่นลิมิเต็ด”
“พี่ซูซู ไม่ว่าพี่จะเจอความยากลำบากอะไร ก็จะผ่านพ้นไปได้เสมอ”พูดไป เธอก็โบกมือ แล้วเอาร่มสีดำโยนไปบนโต๊ะ
วันมงคลแบบนี้ ทำไมถึงเอาร่มมาให้ล่ะ?และยังเป็นสีดำด้วย
คำว่าร่มพ้องเสียงกับความหมายว่ากระจัดกระจาย ไม่เป็นมงคลเลย
พนักงานบริการเหล่านั้น พากันซุบซิบ
ซูซูยังอดทนอยู่ เธอกัดฟัน มองไปที่ซูเป่ยซาน
เพื่อตระกูลซูแล้ว เธอยอมรับหนีกว่าสิบล้าน เธอรู้สึกว่า ตัวเองทำมากพอแล้ว
คนอื่นไม่เข้าใจ แล้วซูเป่ยซานล่ะ?เขาไม่เพียงแต่เป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นคุณปู่แท้ๆ ของเธอด้วย!
ซูเป่ยซานลังเลเล็กน้อย พูดว่า:“ฉันก็เตรียมของขวัญมาให้แกด้วย”
เขาหยิบกลอนมงคลอันหนึ่งออกมา จากในกระเป๋า ให้พนักงานเสิร์ฟวางไว้บนโต๊ะ
ลายมือถือว่าเรียบร้อย เขียนไว้ว่า:เคารพบรรพบุรุษเป็นส่วนสำคัญของระบบศักดินาแซ่
“นี่ฉันเขียนเองกับมือ คำสอนของบรรพบุรุษที่แขวนไว้บนหอบรรพบุรุษพวกเรา ซูซู แกน่าจะยังจำได้ใช่ไหม?”
“ฉันจำได้ค่ะ”ซูซูพยักหน้า:“ปู่เคยพูดไว้ว่า นี่คือคำสอนของบุคคลที่มีคุณธรรมและปัญญาของบรรพบุรุษตระกูลซูพวกเราทิ้งไว้ให้”
“หวังว่าพวกเราคนตระกูลซูจะไม่ลืม และระลึกไว้เสมอ”
ใบหน้าของซูซู ปรากฏความปลาบปลื้ม เธอรู้สึกว่า ในที่สุดคุณปู่ก็เห็นถึงน้ำใจของตัวเอง เห็นถึงเรื่องที่ตัวเองทำเพื่อตระกูลซูแล้ว
ใครจะไปรู้ ซูเป่ยซานกลับพูดอย่างเร่งรีบ:“แกรู้ก็ดี!”
“ซูซู เอาโรงงานมาให้ปู่!”
“ครั้งนี้แกทำดีเพื่อตระกูลซู ปู่จะไม่ปฏิบัติต่อแกอย่างไม่ยุติธรรม!”
“ปู่จะให้แกเป็นผู้จัดการโรงงาน!”
“ว่าไง?”