บัญชามังกรเดือด บทที่ 400 ชอบคุณ
สิบเมืองเลยนะเนี่ย!
ใกล้จะเท่ากับปริมาตรของหนานเจียงหรือเป่ยเจียงแล้ว สีหน้าของทุกคนจึงเปี่ยมล้นไปด้วยความอิจฉา
ฉินเทียนนึกคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับว่า: “ไม่ต้องแล้วครับ”
“ห้าเมืองนั้นมอบให้ตระกูลจ้าวเถอะ ถือซะว่าเป็นของขวัญแสดงความยินดีที่เจ้าบ้านจ้าวรับลูกบุญธรรม”
จ้าวเทียนเผิงทั้งตะลึงทั้งมีความสุข
พูดได้เลยว่าของขวัญชิ้นนี้ไม่เล็กเลย!
แต่ทว่าเขารู้อยู่ว่าสาเหตุที่ฉินเทียนใจป๋าแบบนี้นั้น ไม่ได้ทำเพราะเขาจ้าวเทียนเผิง แต่เป็นเพราะหลิวชิงเหยา
เขาลังเลใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะมองหน้าหลิวชิงเหยาแล้วพูด: “เหยาเหยา ฉันว่าระหว่างเธอและคุณฉิน——”
หลิวชิงเหยาตัดบทพูดของจ้าวเทียนเผิงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “ระหว่างฉันและไอ้แซ่ฉินนั่น มีความแค้นที่ไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกันได้!”
“ไอ้แซ่ฉิน แกคิดว่าเสแสร้งมอบเมืองแค่ไม่กี่เมืองให้ฉัน แล้วฉันจะให้อภัยแกเหรอ?”
จู่ ๆ เธอก็พูดเสียงดังว่า: “ฉันขอประกาศ ณ ที่นี่!”
“ใครสามารถช่วยฉันฆ่าไอ้หมอนี่ได้ ฉันหลิวชิงเหยาก็จะแต่งงานกับคนคนนั้น!”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ที่เกิดเหตุก็ฮือฮาขึ้นมาทันที
นึกไม่ถึงเลยว่าเจตจำนงค์อันแน่วแน่ที่จะแก้แค้นของหลิวชิงเหยาจะหนักแน่นขนาดนี้
เมื่อมีการประกาศของรางวัลแบบนี้แล้ว เชื่อว่าต่อไปมันต้องสร้างปัญหาให้ฉินเทียนอย่างไม่หยุดหย่อนแน่นอน
ก่อนหน้านี้หลิวชิงเหยาเป็นเพียงสตรีแห่งเป่ยเจียง ก็ทำให้ตระกูลที่ยิ่งใหญ่อย่างตระกูลจ้าวถึงกับทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สมคบกับเธอ
ตอนนี้ ตัวตนของเธอก็เพิ่มมาอีกหนึ่งตัวตน นั่นก็คือสตรีตระกูลจ้าวแห่งอวิ๋นชวน!
เมื่อมีการเพิ่มอำนาจบารมีจากตัวตนสองตัวตนนี้ ทำให้เธอสูงศักดิ์ไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
ใครที่ได้แต่งงานกับเธอ ก็จะสามารถรับช่วงดูแลหนานเจียงและเป่ยเจียงทั้งสองเมืองต่อแล้วใช่ไหม?
แต่ทว่าหลังจากที่ได้พบเห็นรู้จักพลานุภาพของฉินเทียนในเมื่อกี้นี้แล้ว ทุกคนต่างก็ทราบเหมือนกันว่ารางวัลตอบแทนแบบนี้ มันไม่ได้ได้มาง่ายขนาดนั้น
ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว สีหน้าของทุกคนก็ดูแปลกประหลาด ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
จี้ซิงกระแอมทีหนึ่ง หัวเราะคิกคักแล้วพูด: “คุณหลิวชิงเหยาครับ ที่คุณพูดมาจริงหรือเปล่าครับ?”
หลิวชิงเหยากัดฟันตอบกลับว่า: “คำไหนคำนั้น!”
จู่ ๆ จี้ซิงก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าเขาก็พูดด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า: “พูดตามตรงเลยนะครับว่าตอนนี้ผมรู้สึกชอบคุณแบบแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูกแล้ว”
“เพราะฉะนั้น ผมขอรับภารกิจนี้ของคุณไว้แล้วนะครับ”
“ฉินเทียน นายฟังไว้ให้ดี เพื่อเป็นการได้ครอบครองหัวใจของคุณชิงเหยา ต่อไปนายจะตกเป็นเป้าหมายของฉัน”
“แต่ว่านายไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะท้าทายนายโดยตรง หากครั้งแรกล้มเหลว ก็จะท้าทายต่อเป็นครั้งที่สอง”
“ถ้าสองครั้งไม่ไหว ก็สามครั้ง”
“อย่างไรก็ตาม ชั่วชีวิตนี้ฉันจะรั้งอยู่กับตัวนาย”
นะนี่?
คุณชายน้อยตระกูลจี้บอกชอบหลิวชิงเหยาต่อหน้า แถมยังยินดีที่จะฆ่าฉินเทียนแบบไม่ตายไม่จบด้วยงั้นเหรอ?
นี่มันแปลกประหลาดเกินไปหรือเปล่า!
แต่ทว่าเมื่อเห็นลักษณะท่าทางของจี้ซิง ทุกคนก็รู้แล้วว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
ใบหน้าของฉินเทียนหม่นหมองลง แล้วตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์: “ถ้าไม่กลัวตายนายก็เข้ามาได้เลย!”
พูดจบ เขาก็พาเถียหนิงซวงและหม่าหงเทาจากไปด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว
หลิวชิงเหยาพูดโดยสัญชาตญาณ: “จี้ซิง นายยังไม่รีบไล่ตามไปอีกหรือ?”
“นายจะฆ่ามันไม่ใช่เหรอ?”
จี้ซิงหัวเราะแล้วตอบกลับ: “อย่ารีบสิ อย่ารีบ”
“ไอ้แซ่ฉินนั่นจัดการไม่ง่ายเลย ผมต้องพิจารณาตัดสินอย่างสุขุมรอบคอบ”
“อีกอย่างผมรู้สึกว่าเราควรจะคบค้าสมาคมก่อนหรือเปล่าครับ คุณชิงเหยา?”
หลิวชิงเหยาผงะไปชั่วขณะ: “คบค้าสมาคมอะไร?”
จู่ ๆ ใบหน้าของจี้ซิงก็แดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย: “คือว่า ผมชอบคุณเลยครับ แล้วคุณล่ะ?”
“ช่วยชอบผมกลับหน่อยได้ไหมครับ?”
หลิวชิงเหยาอ้าปากค้าง วินาทีต่อไปใบหน้าเธอก็แดงขึ้นมากะทันหัน
เธอโตมาจนป่านนี้แล้ว เหมือนกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ถูกคนอื่นสารภาพรัก…….ต่อหน้า
ในอดีต ไม่ใช่เพราะไม่มีคนชอบเธอเลย แต่เป็นเพราะคนเหล่านั้นเกรงกลัวพลังอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเธอ จึงไม่มีใครกล้าสารภาพรักต่อเธอ
และเธอก็รู้เช่นกันว่าความชอบแบบนั้น ไม่ใช่ความชอบแบบบริสุทธิ์ แต่เป็นชอบที่เห็นแก่ความมั่งคั่งของครอบครัวเธอ
ตอนนี้เธอสามารถสัมผัสได้ถึงความจริงจังของจี้ซิง
ในความชอบของเขาไม่มีปัจจัยอื่น ๆ ปนอยู่เลย มันคือความชอบแบบบริสุทธิ์ระหว่างหนุ่มสาว
เมื่อเผชิญหน้ากับดวงตาที่ใสสะอาดแบบนี้ จู่ ๆ จิตใจเธอก็ยุ่งเหยิงขึ้นมาในทันที
“รอนายฆ่าไอ้แซ่ฉินนั่นให้ได้ก่อนค่อยว่ากันอีกทีเหอะ!”เธอทำเสียงถุ้ยทีหนึ่ง แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์
จ้าวเทียนเผิงพิจารณาคำพูดและสังเกตสีหน้าของทั้งสอง ก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่น
“ทุกท่านครับ คุณฉินมีธุระและขอตัวกลับก่อนแล้ว งั้นเราก็ไม่ต้องไปสนใจเรื่องของเขาแล้วล่ะ”
“ผมขอประกาศเปิดงาน ณ บัดนี้ครับ!”
“วันนี้ไม่เมาไม่กลับ!”
“ใครบังอาจไม่ดื่ม ก็เท่ากับไม่ไว้หน้าตระกูลจ้าวของผม!”
“ได้เลย!”
“ไม่เมาไม่กลับ!”ผู้คนภายในงานกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ
จี้ซิงคอยตีสนิทอยู่ข้างกายหลิวชิงเหยา พลางหาเรื่องคุย
หลิวชิงเหยาพูดอย่างไม่สบอารมณ์: “ทำไมนายถึงเป็นคนแบบนี้เนี่ย? เอาแต่เดินตามฉันทำไม!”
“ในฐานะที่นายเป็นคุณชายตระกูลจี้ นายไม่เคยเห็นผู้หญิงมาก่อนเลยเหรอ?”
จี้ซิงกลืนน้ำลายหนึ่งอึกแล้วตอบกลับ: “เคยเห็นครับ แถมยังเป็นผู้หญิงสวย ๆ ทั้งหมดด้วย”
หลิวชิงเหยา: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วนายจะมาตื๊อฉันทำไม”
“แถมยังจะเอาเป็นเอาตายกับไอ้แซ่ฉินนั่นเพื่อฉันด้วย?”
“นายไม่กลัวไอ้แซ่ฉินนั่นมันฆ่านายเหรอ? มันเป็นคนที่ถ้าแตกหักกันแล้วก็จะไร้ความปราณีเลยนะ!”
จี้ซิงหัวเราะแล้วตอบกลับ: “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าเป็นเพราะอะไร คือว่าผมเคยเจอผู้หญิงสวย ๆ มาเยอะขนาดนั้น แต่ผมกลับรู้สึกหวั่นไหวเพราะคุณคนเดียว”
“บางทีนี่อาจจะเป็นพรหมลิขิตละมั้ง”
หลิวชิงเหยา: “งั้นนายก็ไปฆ่าฉินเทียนสิ!”
“ฆ่าฉินเทียน แล้วฉันจะแต่งงานกับนาย”
จี้ซิงยิ้มยิงฟัน: “รู้เรารู้เขาถึงจะรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งได้ไงครับ ผมอยากทำความเข้าใจผ่านคุณให้มาก ๆ ว่าฉินเทียนนั่นเป็นคนแบบไหนกันแน่”
“ผมได้ยินมาว่าเขาบุกเข้าไปในเป่ยเจียง ตัวคนเดียวพร้อมกับดาบเล่มเดียว ฆ่าล้างผ่านถนนยาวสิบไมล์ และบุกไปบนหอชงเซียว เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงไหมครับ?”
“แล้วก็ เขาฆ่าพ่อคุณยังไงครับ?”
หลิวชิงเหยาตอบกลับอย่างหงุดหงิด: “ตอนนี้ฉันยังไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้”
จี้ซิงพูดอย่างเร่งรีบ: “ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมก็ว่างและไม่มีอะไรทำเหมือนกัน ผมจะพักอาศัยอยู่ในอวิ๋นชวนนี่แหละ”
“ต่อไปยังมีเวลาอีกมาก คุณค่อย ๆ เล่าให้ผมฟังแล้วกัน”
หลิวชิงเหยารู้สึกหมดคำจะพูดขึ้นมาในทันที ไอ้หมอนี่มันไม่ยอมจากไปจากตนแล้วหรือ?
เธอยังไม่เคยเห็นคนที่“หน้าด้านไร้ยางอาย”ขนาดนี้มาก่อน!
……
มือสายฟ้าไท่เจี๋ยถูกฉินเทียนโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส ในขณะเดียวกัน โลกทัศน์ทั้งหมดของเขาก็พังทลายลงมาเช่นกัน
เขาสั่งการลูกน้องทั้งสองคน ขับรถซิ่งอยู่บนถนนอย่างบ้าระห่ำ นอกจากเติมน้ำมันไปแล้วหนึ่งครั้ง เขาก็ไม่เคยปล่อยให้เวลาสูญเปล่าไปแม้แต่นาทีเดียว
ในที่สุดก็มาถึงซีเป่ย
ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และสภาพภูมิอากาศของที่นี่ไม่ดีเลิศอย่างทิศใต้ แต่ทว่าลักษณะพิเศษของสภาพแวดล้อมและผู้คนที่ต่างกัน ย่อมก่อเกิดและหล่อเลี้ยงไว้ซึ่งวัฒนธรรมที่ต่างกัน
สภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแบบนี้ได้บ่มเพาะประเพณีพื้นบ้านที่กล้าหาญออกมา ด้วยเหตุนี้จึงมียอดฝีมือบังเกิดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายเช่นกัน
ทิศเหนือเคารพนับถือบู๊ ทิศใต้เชิดชูผลงานทางด้านวัฒนธรรมและการศึกษา
เพราะฉะนั้นเมื่ออยู่ภายใต้การเพิ่มเสริมจากกำลังบู๊ ตระกูลร่ำรวยและทรงอิทธิพลบางตระกูลในพื้นที่จึงไม่เคยเอาทิศใต้มาไว้ในสายตาเลย
ส่วนตระกูลฉินแห่งซีเป่ยนั้น เมื่อผ่านการตกตะกอนจากคนหลาย ๆ รุ่น ทำให้ยึดครองหลาย ๆ เมืองในตะวันตกเฉียงเหนือ เรียกได้เลยว่าเป็นยักษ์ใหญ่ที่สมกับคำกล่าวขาน
จากเมืองจำนวนมากในทิศใต้ ตระกูลจี้ในเมืองซื่อไห่ถือเป็นตระกูลที่เก่งกาจมาก ๆ แล้ว ทุกที่ที่คุณชายน้อยจี้ซิงไปถึง ก็จะมีเสียงประจบสอพลอดังขึ้นมาเป็นแถบ
แต่ทว่าในทิศใต้ นอกเหนือจากเมืองซื่อไห่แล้ว ยังมีเมืองอู่หูที่ฝีมือพอ ๆ กันด้วย
ตระกูลร่ำรวยและทรงอิทธิพลในเมืองอู่หู ได้รับเสมอกันกับตระกูลจี้
และจากเมืองทั้งหมดในซีเป่ยหรือตะวันตกเฉียงเหนือนั้น ไม่มีตระกูลใดที่สามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับตระกูลฉินได้
ตระกูลฉินแค่ส่งพลทหารออกไปหนึ่งคนโดยไม่คิดอะไรมาก ก็สามารถปั่นป่วนตระกูลยิ่งใหญ่อย่างตระกูลจ้าวในเมืองอวิ๋นชวนให้เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้าได้แล้ว
แค่เจี๋ยโกวกระจอก ๆ คนหนึ่งยังสามารถกำราบเมืองอวิ๋นชวนได้ ไม่เก็บผู้มีอิทธิพลจำนวนมากมาไว้ในสายตา
ด้วยเหตุนี้ก็พอจะเห็นแล้วว่าตระกูลฉินเป็นการคงอยู่แบบไหน
ณ เมืองฉิน
เมืองที่ตั้งชื่อมาจากแซ่ฉิน ตั้งอยู่ใจกลางเมืองจำนวนมากในซีเป่ย และเป็นฐานที่มั่นของยักษ์ใหญ่อย่างตระกูลฉินด้วย
“นายหญิงใหญ่!”
“ผมทำผิดพลาดครับ!”
ภายใต้การประคองจากลูกน้องทั้งสองคน ไท่เจี๋ยพุ่งตรงเข้าไปในห้องโถงอภิปรายผลตระกูลฉิน
อารมณ์ตื่นเต้นหวั่นไหว บวกกับเท้ายืนไม่มั่นคง เขาจึงล้มลงบนพื้นจนเสียงดังตึก
บทที่ 399 สิบเมือง