บัญชามังกรเดือด บทที่ 469 เหนือฟ้า
“เอางั้นก็ได้”
จูกว่างจื้อถอนหายใจและพูดด้วยความสนอกสนใจ “ฉันตั้งหน้าตั้งตารอคอย บนโลกนี้จะมีคนที่บอสของเราจ้างงานไม่ได้หรือเปล่า”
“ถ้าหากว่าผู้นำแห่งวิหารเทพของเรานั้นไม่สามารถเชื้อเชิญเขาได้ งั้นซาโรผู้นี้ก็จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง”
ฉินเทียนมองออก เฮียหมูผู้นี้กำลังรอหัวเราะเยาะตน เขาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันไม่ใช่เทพเจ้า”
“ใช่แล้ว ราชินีงูเหลิ่งหยุน ช่วงนี้ได้มาขอเงินจากนายบ้างไหม?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ จูกว่างจื้อนั้นดูมีความสุข
“บอส ศิษย์น้องคนนี้ของนาย ไม่สิ ราชินีงูผู้นี้ รับมือได้ยากเสียจริง”
“โดยปกติแล้วองค์กรงูของพวกเขารับภารกิจมากมายและหาเงินได้มากโข ไม่เพียงไม่มอบอะไรให้เลยแถมยังบังคับให้ฉันมอบเงินค่าใช้จ่ายจิปาถะห้าสิบล้านให้พวกเขาในทุกเดือนด้วย”
“ถ้าฉันไม่ให้ เธอก็จะไล่ล่าตามฆ่าจนถึงเหนือฟ้าและโยนฉันลงไปในทะเล”
“ไม่รู้เลยจริงๆว่าเธอในฐานะหญิงสาวคนหนึ่งจะต้องการเงินมากมายขนาดนั้นไปทำอะไร”
“เหนือฟ้า?” เถียหนิงซวงถามด้วยความสงสัย “สถานที่นั้นคือที่ไหน?”
“เถ้าแก่จูอาศัยอยู่บนฟ้างั้นหรือ?”
จูกว่างจื้อพูดอย่างจริงจัง “ใช่แล้วน้องสาว พวกเรานั้นไม่ใช่คนธรรมดา”
“อันที่จริงพวกเราน่ะเป็นเทวดาจุติลงมาเกิด โดยปกติแล้วจะท่องเที่ยวกัน พอตกดึกก็กลับไปนอนบนฟ้า”
“จริงเหรอ?” เถียหนิงซวงรู้ว่านี่ไม่สามารถเป็นเรื่องจริงได้เลย แต่เมื่อเห็นท่าทีที่จริงจังของจูกว่างจื้อ เธอก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีงงงวยเหมือนกับเด็กสาวตัวน้อย
“อืม จริง”
“ไม่เชื่อเธอก็ถามพี่เทียนดูสิ”
เถียหนิงซวงรีบหันไปทางฉินเทียนด้วยท่าทีคาดหวัง ความหมายคือ เมื่อไรพี่จะพาฉันไปเล่นบนฟ้าบ้าง
ใบหน้าของฉินเทียนมืดมนและเอ่ย “อย่าไปฟังเขาพูดไร้สาระ”
“เหนือฟ้านั้นเป็นเกาะขนาดเล็กเกาะหนึ่งที่ฉันซื้อมา เป็นสำนักงานใหญ่ของวิหารเทพด้วย”
“หากมีโอกาส เธอก็ลองไปดูได้”
“จริงเหรอ? งั้นก็เยี่ยมไปเลย!” เถียหนิงซวงเอ่ยด้วยสีหน้าตื่นเต้น
จูกว่างจื้อลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “บอส ก่ ก่อนหน้านี้บอสได้พูดเอาไว้ สักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว วิหารเทพจะต้องกลับคืนสู่ภูมิลำเนาเดิม กลับไปยังอาณาจักรมังกร”
“ตอนนี้มีแผนการแล้วหรือไม่?”
“เมื่อไรจะย้ายงั้นหรือ?”
ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าฐานทัพของวิหารเทพของเขานั้นจะอยู่ต่างประเทศ เขารวมถึงสิบสองราชา โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นคนอาณาจักรมังกร
ภายในใจต่างครุ่นคิดว่าสักวันจะได้กลับบ้านเกิด
แต่ทว่า หลังจากที่เขากลับมา ในช่วงครึ่งปีมานี้ ได้รับความเข้าใจใหม่สำหรับสถานการณ์ภายในประเทศ
สามารถกล่าวได้ว่าภายในประเทศไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก ล้วนแต่มีพลังอำนาจที่ซับซ้อนอยู่
เขาคิดอยากจะย้ายวิหารเทพสิ่งที่มีขนาดมหึมาเช่นนี้กลับไปนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
“ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้เลย”
“เอาไว้ค่อยคุยเถอะ”
“รับทราบ” จูกว่างจื้อไม่พูดสิ่งใดอีก เดินออกจากห้องรับรองพร้อมกับฉินเทียน
เขาทิ้งคนขับรถไว้คนหนึ่ง บอดี้การ์ดคนหนึ่งให้คอยดูแลและคุ้มกันฉินเทียน ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวด เขาก้าวขึ้นเครื่องบินพิเศษของเขาและกลับไปยังเหนือฟ้า
ฉินเทียนและเถียหนิงซวงได้ขึ้นรถ Mercedes-Benz แบบกันกระสุนที่ถูกดัดแปลงมา คนขับรถนั้นคุ้นเคยกับถนนหนทาง เขาขับออกไปจากสนามบินและมุ่งตรงไปยังเมืองขนาดเล็กติดริมทะเลที่ซาโรอาศัยอยู่
พระอาทิตย์สีทองอร่าม สะท้อนชายฝั่งเป็นแสงสีทองระยิบระยับ
เถียหนิงซวงเปิดหน้าต่าง ปล่อยให้ลมทะเลชื้นนั้นพัดผมที่ยาวสลวยของเธอ ดื่มด่ำในบรรยากาศที่เงียบสงบและสวยงามแปลกตาแห่งนี้
ฉินเทียนนั้นไร้กะจิตกะใจที่จะชื่นชมสิ่งเหล่านี้ จนกระทั่งตอนนี้ สำหรับซาโรศาสตราจารย์แห่งสถาปัตยกรรมระดับนานาชาติผู้นี้ เรื่องราวของคนผู้นี้เขาแทบจะไม่รู้อะไรเลย
ครั้งนี้ เขาจะสามารถเชื้อเชิญปรมาจารย์ผู้นี้ได้หรือไม่นั้นเขาเองก็ไม่มีความมั่นใจใดๆเลย
สิ่งสำคัญคือหากต้องการให้เขาออกแบบผลงานที่ดี เช่นนั้นแล้วก็ต้องทำด้วยความเต็มใจ
ถ้าหากมีแรงกดดันเข้ามาแทรกแซง ต่อให้ซาโรฝืนตอบตกลงไป แต่ไม่มีผลงานที่ดีออกมา เช่นนั้นก็ไร้ประโยชน์
ดูเหมือนว่าทำได้เพียงแค่รอดูซาโรเท่านั้น หากเห็นโอกาสที่ดีก็ต้องรีบคว้าไว้
เรื่องแบบนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตา
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาเชื่อ นั่นก็คือเมื่อใจมีความมุ่งมั่นและศรัทธาสิ่งที่ปรารถนาก็จะบรรลุผล
…..
ในขณะเดียวกัน เมืองจิ่นหู
ตระกูลหยางตั้งใจแน่วแน่ที่จะคว้าที่ดินหรูอี้มาให้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้ติดต่อแอนโทนี่ไว้นานแล้วและได้กลายเป็นพันธมิตรร่วมมือกัน
เช่นนั้นจึงทำให้ฉินเทียนไม่สามารถรับมือได้ทันการ
ในระหว่างวัน หยางคุนได้พาแอนโทนี่ไปยังสถานที่เพื่อทำการพินิจพิเคราะห์ ผสมผสานสภาพแวดล้อมโดยรอบรวมถึงความต้องการของผู้นำรัฐบาล
ในวันนั้นแอนโทนี่นำเสนอแนวคิดหลายอย่างและขอให้นักออกแบบของสตูดิโอเขาสเก็ตช์ภาพ
ดูเหมือนว่าในปัจจุบันนี้ ระยะเวลาภายในสิบวันตามที่ผู้นำรัฐบาลร้องขอ การสร้างผลงานตามแนวคิดนั้นไม่มีปัญหา
สำหรับการเขียนแบบก่อสร้างโดยรวมนั้นเป็นโปรเจกต์ขนาดใหญ่ หลังจากกำหนดความต้องการแล้วก็ต้องนำไปให้ทางทีมค่อยๆออกแบบอีกครั้ง
เมื่อมองเห็นชัยชนะอยู่ตรงหน้า พ่อลูกตระหยางต่างก็ดีอกดีใจ
หยางหยวนชิ่งนั้นออกหน้าด้วยตนเองจัดงานเลี้ยงให้แก่แอนโทนี่
ในระหว่างงานเลี้ยง หยางคุนเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “พ่อ วันนี้คุณไม่ได้เห็นสีหน้าของฉินเทียน ในตอนนี้เขาคงจะล้มเลิกความตั้งใจและยอมแพ้ไปแล้ว!”
“ฮ่าๆๆๆๆ!”
“รู้สึกดีชะมัด!”
“ปล่อยให้มันมีชีวิตที่ดีไปก่อนสักสองสามวัน สิบวันหลังจากนี้ พวกเรายึดที่ดินผืนนั้นมาได้ ฉันจะทำให้มันต้องอับอายขายหน้า!”
“และต้องแก้แค้นให้กับปีศาจดำ ฉันต้องการให้มันชดใช้ด้วยเลือด!”
หยางหยวนชิ่งครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะและเอ่ย “ครั้งนี้ทางรัฐบาลนับได้ว่าเห็นแก่หน้าฉัน”
“ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน แต่ทว่าพวกเขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงกฎให้แก่พวกเรา นั่นไม่ได้แตกต่างไปจากการมอบที่ดินให้แก่เราโดยตรงเลย”
“แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราไม่สามารถประมาทฉินเทียนได้”
“จากที่ฉันรู้ คนแซ่ฉินนั้นไม่ใช่คนที่จะยอมศิโรราบได้อย่างง่ายดาย หยางคุน แกรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไร?”
แอนโทนี่ยิ้มและเอ่ย “เถ้าแก่หยาง คุณวางใจเถอะ”
“คนแซ่ฉินนั้นกล่าวว่าจะไปเชื้อเชิญปรมาจารย์อะไรนั่น นี่ไม่ใช่เป็นการนำความอัปยศอดสูมาสู่ตนเองหรอกเหรอ?”
“ปล่อยให้เขาไป!”
“เขาย่อมรู้ดี ปรมาจารย์ที่เขาหาได้นั้นเมื่อเทียบกับผมแล้วก็เป็นเพียงแค่ขยะ”
“ไปหาปรมาจารย์?” หยางหยวนชิ่งขมวดคิ้วและเอ่ย “รู้หรือเปล่าว่าเขาไปหาใคร?”
หยางคุนชะงักงันจากนั้นเอ่ย “เรื่องนี้ไม่แน่ชัด พ่อ มันสำคัญด้วยเหรอ?”
“ก็เหมือนกับที่แอนโทนี่พูด ไม่ว่าฉินเทียนจะหาใครมาก็ตามอย่างไรเสียมันก็ไร้ประโยชน์”
“แอนโทนี่เป็นนักออกแบบที่มีฝีมือและเก่งกาจที่สุดของโลก”
หยางหยวนชิ่งนั้นยังไม่วางใจ ฉับพลันเขาโทรศัพท์ เช็คประวัติการเดินทางของฉินเทียน
“ออสเตรเลีย?” เขาขมวดคิ้วและเอ่ย “คุณแอนโทนี่ ที่นี่มีนักออกแบบที่มีชื่อเสียงอยู่หรือเปล่า?”
“คุณกำลังจะกล่าวว่าฉินเทียนและลูกน้องคนสวยคนนั้นของเขาไปออสเตรเลียงั้นเหรอ?” นัยต์ตาของแอนโทนี่ปรากฏความกลัว
หยางคุนก็มีปฏิกิริยาเช่นกัน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก
“ซวยแล้ว!”
“แอนโทนี่ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้คุณเคยบอกว่าอาจารย์ของคุณซาโรใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษริมชายทะเลออสเตรเลียหรอกเหรอ?”
“ฉินเทียนคงจะไม่ได้ไปเชื้อเชิญเขาหรอกใช่ไหม!”
สีหน้าของหยางหยวนชิ่งเปลี่ยนไป ชื่อเสียงและสถานะปัจจุบันของแอนโทนี่เป็นเพราะการพึ่งพาซาโรผู้เป็นอาจารย์
ถ้าหากว่าฉินเทียนสามารถเชื้อเชิญซาโรมาได้จริง เช่นนั้นแอนโทนี่จะไปเทียบอะไรได้
แผนการคำนวณทั้งหมดของเขาก็คงจะไร้ประโยชน์
นัยต์ตาของแอนโทนี่ปรากฏความร้ายกาจขึ้น เขากัดฟันและเอ่ย “คนแซ่ฉินผู้นี้ช่างหัวแข็งและดื้อรั้นนัก!”
“แต่ทว่าพวกคุณไม่ต้องกังวล อาจารย์ของผมนั้นวางมือจากการออกแบบไปนานแล้ว เขาเคยกล่าวไว้จะไม่ออกแบบผลงานให้ใครและองค์กรใดอีกแล้ว”
“ฉินเทียนไปก็คงจะไม่มีประโยชน์!”
แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ทว่าหยางหยวนชิ่งก็ยังคงเป็นกังวลเล็กน้อย
“หยางคุน แกก็อยู่ดื่มเป็นเพื่อนคุณแอนโทนี่ไปก่อน ฉันจะไปข้างนอกหน่อย”
เขาเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าที่แปลกไปเล็กน้อย