บัญชามังกรเดือด บทที่ 535 ติดปีกก็หนีไม่พ้น
“คุณชาย!”
“ผมไร้ความสามารถเอง ประเมินฉินเทียนต่ำไป”
“ฉินเทียนเขา เจอกับลิเว่ยจงแล้ว อีกทั้งอยู่กันตามลำพังไม่กี่นาที”
“ผมไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน เพื่อความปลอดภัยในตอนนี้ คุณว่า พวกเราควรเร่งลงมือมั๊ย?”
หวางโปมาด้านนอก คุกเข่าลงตรงหน้าลิเหลียง เอ่ยด้วยความหวาดกลัว
ลิเหลียงยิ้มให้กับจุยเฟิงที่เตรียมความพร้อมอยู่ไกล ๆ กระซิบกับหวางโปว่า: “คุณแค่บอกลิเว่ยจงว่า ลูกสาวของเขาอยู่ในมือฉัน”
“เขาจะรู้เองว่าควรทำยังไง”
“ครั้งนี้ผมเลินเล่อเอง นึกไม่ถึงว่าลิฉุนจะมา แล้วยังพาฉินเทียนมาด้วย”
“หวางโป คุณเป็นคนเก่าแก่ในตระกูล พรุ่งนี้ เป็นวันสำคัญที่สุดของผม”
“ต้องดูลิเว่ยจงให้ดี อย่าให้เกิดความผิดพลาดอีก”
“ครับ!”
“ถ้าผิดพลาดขึ้นมา คุณชายตัดหัวผมได้เลย” หวางถอยออกไปด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ลิเหลียงจับมือกับจุยเฟิง เรียกเขามาปลอบด้วยรอยยิ้มเอ่ยว่า: “สกัดฉินเทียนไว้ไม่อยู่ผมรู้ว่าคุณต้องโทษตัวเอง”
“แต่คุณก็อย่าเอาไปใส่ใจ ดูถูกศักยภาพของฉินเทียนไม่ได้เลยจริง ๆ”
“วางใจได้ เขาสามหาวได้อีกไม่นานหรอก”
สายตาจุยเฟิงฉายความอยากฆ่าอย่างรุนแรงกัดฟันเอ่ยว่า: “ผมแค่เกลียดที่ไม่ได้ฆ่าเขาด้วยตัวเอง!”
“ผมไม่สนว่าคุณจะให้ใครฆ่าเขา ก่อนเขาจะตายผมขอแค่แขนสองข้างของเขา!”
“ข้างหนึ่งเป็นเงินต้น อีกข้างเป็นดอกเบี้ย!”
ลิเหลียงหัวเราะเอ่ยว่า: “วางใจได้!”
“เมื่อถึงเวลาฉันจะมอบเขาให้นายจัดการ!”
“ถ้านายไม่หายแค้น จะตัดขาสองข้างของเขาก็ยังได้”
“คนของตระกูลจี้ก็น่าจะมาถึงแล้ว ไป เราไปรวมตัวกันที่จวี้อี้ถังปรึกษากันหน่อย”
จวี้อี้ถัง เมื่อไม่กี่วันก่อน ยังเป็นโรงแรมระดับห้าดาวของเมืองจิ่นหู
คุณชายตระกูลลิมีคำสั่งให้เคลียร์พื้นที่ทันทีทำเป็นสถานที่ประชุมพรรค “ผู้ผดุงคุณธรรม” ชั่วคราว
ในเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วันก็รวบรวมคนได้เป็นหลักร้อย
หนึ่งในพวกเขา นอกจากผู้มีอำนาจตระกูลน้อยใหญ่จากเจ็ดเมืองทางใต้แล้ว ยังมีจอมยุทธยอดฝีมือ และวีรชนทั่วยุทธภพ
คนเหล่านี้ ปกติเป็นนายของตัวเอง ไม่ขึ้นตรงต่อใคร แต่ว่า การกระทำของฉินเทียนกระตุ้นความโกรธให้สาธารชน
7 หัวเมืองใต้ไม่เคยมีปรากฏการณ์ความสามัคคีเช่นนี้
และกระดูกสันหลังของพวกเขาก็คือลิเหลียงผู้ที่ขึ้นชื่อว่าคุณชายที่หนึ่ง
พอเห็นลิเหลียงพาจุยเฟิงเข้ามา ฝูงชนก็ล้อมวงทันที
“คุณชาย คนมากันมากพอแล้ว เชิญคุณชายสั่งการมาว่าต่อไปจะทำยังไง”
“ถ้าให้ผมดู ก็ไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้แล้ว เราคนมากขนาดนี้จะฆ่าลำพังฉินเทียนแค่คนเดียวไม่ได้เลยเหรอ?”
“ขอแค่คุณชายสั่งการ พวกเราก็จะไปฆ่าตอนนี้!”
“ให้ฉินเทียนเลือดสาดคาที่!”
“ฆ่าล้างโคตรฉินเทียน พิทักษ์วิชาบู๊!”
“ฆ่าฉินเทียน กำจัดภัยมวลชน!”
คนนับสิบเป็นแกนนำร้องตะโกน พลังเสียงกึกก้อง
เห็นอย่างนี้ลิเหลียงก็ยิ้มอย่างพอใจ
ทว่า เขากวาดตามองไปรอบ ๆ ก็อดคิ้วขมวดไม่ได้
“ลุงเจี่ยง ตระกูลจี้ยังไม่มาเหรอ?”
ตระกูลจี้เป็นกำลังสำคัญแกนหนึ่งในวิชาบู๊แห่งเจ็ดเมืองทางใต้ ในแผนการของลิเหลียง ก็เป็นตัวเอกสำคัญในการฆ่าล้างฉินเทียน
จากนิสัยของฉินเทียน ต้องไม่ยอมให้ถูกจับแน่ พอโกรธขึ้นมา ต้องตายกันไปข้าง
เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็จะออกมาเก็บกวาดสถานการณ์
พอไม่มีฉินเทียนกับตระกูลจี้ มองไปทั่วทั้งเจ็ดเมืองทางใต้ก็ไม่มีใครที่จะมีกำลังต่อต้านเขาแล้ว
เจี่ยงเส้าเอ่ยเสียงขรึมว่า: “ตระกูลจี้เพิ่งจะส่งข่าวมา พวกเขาต้องจัดงานศพให้คุณชายน้อยวันนี้จึงมาไม่ได้”
“ทว่า พวกเขารับรองว่า การประชุมใหญ่สังหารมารร้ายวันพรุ่งนี้จะมาถึงที่หมายตรงเวลาแน่นอน”
“ยังมีหลินหลงแห่งเป่ยเจียง อันกว๋อแห่งหนานเจียง จ้าวเทียนเผิงแห่งอวิ๋นชวน พวกเขาบอกว่า พรุ่งนี้ก็จะมาถึงที่หมายตรงเวลา”
ลิเหลียงถึงวางใจเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า: “อย่างนี้ก็ดี”
“ลุงเจี่ยง รบกวนลุงช่วยแจ้งพวกเขาว่า ขอให้พรุ่งนี้มาถึงเวทีเซวียนหยวนในเวลา 10 โมงเช้าก็พอ”
เวทีเซวียนหยวน ว่ากันว่าเป็นโบราณสถานมหาสงครามสมัยโบราณที่หลงเหลืออยู่ อยู่ตำบลเซวียนหยวนที่ห่างจากเมืองจิ่นหูประมาณ 50 กิโลเมตร
การที่ลิเหลียงเลือกจัดประชุมเลือกตั้งผู้นำ และประชุมสังหารมารที่นี่ด้วย
“ดี!”
“ผมจะรีบไปยืนยันกับพวกเขา!” เจี่ยงเส้าพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ตอนนี้ เขาเป็นผู้สนับสนุนที่ซื่อสัตย์ของลิเหลียงแล้ว
ในสายตาของเขา ผู้นำหนุ่มคนนี้ ไม่เพียงเป็นคุณชายที่หนึ่ง ยังเป็นลูกเขยในอุดมคติของตระกูลเจี่ยงด้วย
หยางหยวนชิ่งลังเลอยู่สักพัก ก็เอ่ยด้วยความเป็นห่วงว่า: “คุณชายลิ คุณคิดว่าพรุ่งนี้ฉินเทียนจะไปมั๊ย?”
“เขาจะหนีกลางทางหรือไม่?”
“เพื่อป้องกันเขาหนี ผมคิดว่าเราน่าจะเพิ่มกำลังจับตาดู”
ลิเหลียงหัวเราะเอ่ยว่า: “ไม่ต้องหรอก”
“ไม่เพียงไม่ต้องเพิ่มกำลังจับตาดู พวกที่ส่งไปจับตาดูเขาก็ถอนกำลังออกได้แล้ว”
“สิ่งต่อไปคือ ให้พวกเรารวบรวมกำลังเตรียมตัวเรื่องวันพรุ่งนี้”
เฉินเถิงไม่เข้าใจ
“คุณชายลิ คุณไม่กลัวฉินเทียนหนีเหรอ?”
“หากให้เขาหนีไปได้ แล้วเราจะไปจับเขาอีกมันจะยากเข้าไปใหญ่”
ลิเหลียงหัวเราะเอ่ยว่า: “ฉินเทียนไม่หนีหรอก”
“อีกอย่าง หนีจากพระได้แต่หนีจากอารามไม่ได้หรอก ภรรยาเขากับลูกชายยังอยู่หลงเจียงกัน เขาจะหนีไปไหนได้?”
“ถ้าเขากล้าหนี พวกเราก็จะลงมือที่หลงเจียง!”
“นั่นสิ!”
“คุณชายปราดเปรื่องยิ่งนัก!”
“ถ้าฉินเทียนกล้าหนี เราก็จะฆ่าพวกมันทั้งตระกูล!” มวลชนสรรเสริญอย่างฮึกเหิม
ลิเหลียงเอ่ยด้วยเสียงดังว่า: “ทุกท่าน ผมเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าพวกคุณร้อนใจอยากฆ่าฉินเทียนกัน เพื่อล้างแค้นให้ญาติมิตร เพียงแต่ว่า จากประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายไม่กี่ครั้งก่อนหน้า เราจึงต้องระวังให้ดี”
“ฉินเทียนเป็นยอดฝีมือ รับมือไม่ใช่ง่าย ๆ”
“ดังนั้น ขอให้ทุกคนใจเย็นอย่าวู่วาม ไว้หลังจากพรุ่งนี้เลือกตั้งผู้นำได้แล้ว เราจะปฏิบัติการเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้คำสั่งของผู้นำ”
“เมื่อถึงเวลานั้น ฉินเทียนติดปีกก็หนีไม่พ้น”
หลินตงแห่งหัวเมืองตงหัวเอ่ยพลางหัวเราะว่า: “คุณชายถ่อมตัวเกินไปแล้ว”
“ตามที่ผมเห็น การเลือกตั้งวันพรุ่งนี้ ไม่มีความจำเป็นเลย นอกจากคุณชายแล้ว ยังมีใครเหมาะที่จะขึ้นแท่นหัวมังกรนี้อีก?”
เหยียนซิวหัวเมืองฝูหลิ่งก็รีบเอ่ยพลางหัวเราะว่า: “นั่นสิคุณชาย คุณอย่าถ่อมตัวไปเลย”
“ไม่เห็นจะต้องเลือกตั้ง ในใจของพวกเรา คุณก็คือผู้นำ!”
“นอกจากคุณชายกับตระกูลลิ ไม่มีใครที่มีศักยภาพ เป็นผู้นำการใหญ่เรื่องนี้!”
คนที่เหลือก็ชื่นชมกันใหญ่ เป็นความจริงที่ว่าในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพหรือบารมี ไม่มีใครเหมาะสมเท่าลิเหลียงแล้ว
ลิเหลียงทำหน้าถ่อมตัว
“ผมอายุน้อยเกินไป ครั้งนี้ที่เรียกทุกคนมาชุมนุมกัน ก็แค่กำลังส่วนหนึ่งของตัวเอง”
“ส่วนตำแหน่งผู้นำ ผมไม่กล้าคิด”
“ผมเห็นควรให้เจ้าบ้านเจี่ยงเป็นผู้นำ”
เจี่ยงเส้าหัวเราะแล้วเอ่ยด้วยความปราบปลื้อมว่า: “ลิเหลียง เรื่องนี้ ความเป็นธรรมอยู่ในใจมนุษย์ คุณถ่อมตัวไปก็เปล่าประโยชน์”
“ตอนนี้ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไว้พรุ่งนี้เลือกตั้ง ถึงเวลาก็จะรู้เอง”
“หลังจากเลือกตั้งแล้วค่อยมาเล่นงานฉินเทียน และจะได้ทดสอบความสามัคคีและศักยภาพของพันธมิตรทางธุรกิจของเจ็ดเมืองทางใต้กัน”