กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 711
เด็กน้อยผู้นี้อายุยังน้อย แต่วรยุทธไม่ธรรมดา เป็นวรยุทธขั้นสูงสุดระดับห้า
เขาไม่ได้ออกไปไหนมาหลายปีแล้ว ในโลกนี้มีเด็กหนุ่มผู้ที่เก่งกาจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เป็นคนของเผ่าหยกงั้นหรือ?
แต่ดูไม่เหมือนเลย……
ผู้อาวุโสสูงอธิบาย “เรียนผู้อาวุโสสูงสุด เขาเป็นจอมมารของเผ่าปีศาจ”
“จอมมาร?จอมมารมาที่เผ่าหยกของเราได้อย่างไร?หรือว่าเป็นเช่นเดียวกันกับอดีตจอมมาร มาที่เผ่าหยกของเราเพื่อฉุดหญิงสาวไปแต่งงาน”
“อดีตจอมมารมาที่เผ่าหยกของพวกท่านเพื่อฉุดหญิงสาวไปแต่งงาน?ฉุดใคร?พี่หญิง?ไม่น่าจะเป็นไปได้ ในตอนนั้นพี่หญิงน่าจะยังเป็นเด็ก อดีตจอมมารช่างสายตาเฉียบคม รู้ว่าพี่หญิงงดงามและจิตใจดี จึงคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะฉุดนางกลับไป?”
ผู้อาวุโสสูงสุดสับสนงุนงง
สมองของเขามีปัญหาหรือไม่
หากไม่ใช่เพราะเขาสูงศักดิ์มาแต่กำเนิดและมีกำลังภายในสูงส่ง ผู้อาวุโสสูงสุดคงคิดว่าคนผู้นี้เป็นคนบ้า
อดีตจอมมารโหดเหี้ยมอำมหิต แต่จอมมารคนปัจจุบันกลับเป็นคนโง่เขลา
หลายปีที่ผ่านมาเผ่าปีศาจร้ายย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ
“ทำไมไข่มุกมังกรถึงไม่สามารถหลอมรวมได้ วันนี้ท่านต้องให้คำตอบข้า”
กู้ชูหน่วนขัดจังหวะพวกเขา นางไม่อยากจะฟังการสนทนาของพวกเขา
“ไข่มุกมังกร……เดิมทีก็ไม่สามารถหลอมรวมกันได้……”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว และทุกคนในห้องปรึกษากิจก็ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว
ผู้อาวุโสรองเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ และกล่าวอย่างตื่นตระหนก “ไข่มุกมังกรไม่สามารถหลอมรวมได้?เป็นไปได้อย่างไร?บรรพบุรุษกล่าวไว้ว่าเพียงแค่รวบรวมไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดเม็ด และหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ก็จะสามารถล้างคำสาปโลหิตได้ไม่ใช่หรือ?”
“ใช่ ผู้อาวุโสสูงสุด เรื่องนี้สำคัญมาก ไม่อาจล้อเล่นได้…”
“หากไม่สามารถหลอมรวมไข่มุกมังกรได้ เช่นนั้นคำสาปโลหิตของเผ่าหยก ก็จะไม่สามารถลบล้างได้ตลอดไปอย่างนั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างพูดคุยกัน และผู้อาวุโสสูงสุดก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร
กู้ชูหน่วนก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และคว้าคอเสื้อของเขา นัยน์ตาของนางเกือบจะลุกเป็นไฟ
“ตาแก่ตายยาก ท่านล้อข้าเล่นใช่หรือไม่?หากไข่มุกมังกรไม่สามารถหลอมรวมได้ การสละชีวิตของท่านพี่เฉินเฟยและพี่น้องเผ่าน้ำแข็งก็สูญเปล่างั้นหรือ?”
“เสื้อผ้าของข้า เบา ๆ หน่อย เดี๋ยวกระดูกแก่ ๆ ของข้าจะรับไม่ไหว”
“พูด”
กู้ชูหน่วนตะโกนเสียงดัง
ด้วยน้ำเสียงที่โกรธจัด หากผู้อาวุโสสูงสุดยังกล้าที่จะพูดเรื่อยเปื่อยอีก นางจะฆ่าเขาในทันที
“ตกลง ข้าบอก ๆ เจ้าปล่อยข้าก่อน”
กู้ชูหน่วนเหวี่ยงเขาออกไปอย่างไม่เกรงใจ และไม่สนใจว่าเขาจะล้มจนได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่
ผู้อาวุโสสูงสุดถอนหายใจ จากนั้นก็พูดกับผู้อาวุโสสูงและคนอื่น ๆ ว่า “ข้ามีเรื่องจะคุยกับหัวหน้าเผ่า พวกเจ้าออกไปก่อน เจ้าสุนัขน้อย เจ้าก็ออกไปด้วย”
“แต่……ท่านยังไม่ได้บอกเลยว่าทำไมไข่มุกมังกรถึงไม่สามารถหลอมรวมกันได้” ผู้อาวุโสรองกล่าวอย่างเป็นกังวล
ผู้อาวุโสสูงสุดเปลี่ยนจากความอ่อนโยนเมื่อครู่ เป็นการกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “บอกให้พวกเจ้าออกไป พวกเจ้าก็ออกไป หากไม่ได้รับคำสั่งจากข้า ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้ามา”
ผู้อาวุโสสูงสุดโกรธ แม้ว่าผู้อาวุโสสูงและคนอื่น ๆ จะเป็นกังวล แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงออกมา
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดออกไปแล้ว แต่จอมมารยังไม่ยอมออกไป เขายังคงเดินไปเดินมาอย่างสบายใจ
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างราบเรียบ “อาม่อ เจ้าก็ออกไปเถอะ”
“ตาแก่ตายยาก หากท่านกล้าทำอะไรพี่หญิงของข้า คอยดูข้าจะจัดการท่าน”
จอมมารสะบัดชุดสีแดงเพลิงของเขา และจ้องมองผู้อาวุโสสูงสุดอย่างเย็นชา ก่อนที่จะจากไป
ผู้อาวุโสสูงสุดบ่นพึมพำ “อายุยังน้อย แต่กลับเจ้าอารมณ์ยิ่งนัก”
“ทำไมถึงไม่สามารถหลอมรวมไข่มุกมังกรได้ ข้าต้องการคำอธิบาย”
“เป็นเพราะยังต้องใช้ไข่มุกมังกรเม็ดที่แปด”
“ไข่มุกมังกรเม็ดที่แปด?” กู็ชูหน่วนเลิกคิ้ว
ผู้อาวุโสของเผ่าหยกและตำราที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษไม่ได้กล่าวถึงไข่มุกมังกรเม็ดที่แปด……
ผู้อาวุโสสูงสุดดูผิดปกติ เขาถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง และสีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
“ใช่ ไข่มุกมังกรเม็ดที่แปดนั้นสำคัญที่สุด เช่นเดียวกับหัวใจของคน หากไม่มีไข่มุกมังกรเม็ดนั้น ไข่มุกมังกรเม็ดอื่น ๆ ก็แค่นั้น……”
“เช่นนั้นไข่มุกมังกรเม็ดที่แปดอยู่ที่ไหน?ข้าจะไปหามัน ขอเพียงท่านอย่าบอกข้าว่ายังมีไข่มุกมังกรเม็ดที่เก้า ไข่มุกมังกรเม็ดที่สิบก็พอ”
กู้ชูหน่วนไม่อยากเสียเวลา
ผู้อาวุโสสูงสุดส่ายหัว และถอนหายใจอย่างหดหู่ เขามองออกไปนอกหน้าต่างของห้องปรึกษากิจอย่างไร้กำลัง
“หาไม่เจอหรอก ไม่มีวันที่จะหาเจอ”
กู้ชูหน่วนก้มหน้าลงในทันที ความโกรธในหัวใจของนางเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
“ตาเฒ่า เจ้าล้อเล่นใช่หรือไม่?ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าท่านคือผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าหยกหรือไม่?”
“ข้าก็หวังว่าตัวเองจะไม่ใช่ผู้อาวุโสสูงสุด เช่นนี้……ข้าจะได้ไม่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้ง และไม่ต้องใช้ชีวิตด้วยความกังวลอย่างเช่นทุกวันนี้”
คำพูดและท่าทีของเขาทำให้กู้ชูหน่วนไม่สามารถหยุดครุ่นคิดได้
คนเราสามารถโกหกอะไรก็ได้ แต่แววตาไม่สามารถโกหกได้
แววตาของผู้อาวุโสสูงสุดดูหมดหนทางและโทษตัวเอง ดูเหมือนนับน์ตาคู่นั้นจะมีความลับซ่อนอยู่ และความลับนั้นก็ทำให้เขาลำบากใจมาตลอดหลายปี
“อาหน่วน ไม่อาจล้างคำสาปโลหิตได้ เผ่าหยกก็ยังอยู่มาได้นับพันปี ต่อไปเราอย่าพูดถึงเรื่องไข่มุกมังกรกันอีกเลย และไม่ต้องหลอมรวมอะไรอีก”
“ท่านหมายความว่า……ท่านจะถอดใจงั้นหรือ?”
“ใช่”
“ท่านบอกว่าถอดใจก็จะถอดใจ เช่นนั้นการที่ข้าตามหาไข่มุกมังกรมาโดยตลอด เสี่ยงอันตรายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด รวมทั้งการสละชีวิตของท่านพี่เฉินเฟยและพี่น้องเผ่าน้ำแข็งก็สูญเปล่า?”
นางไม่เชื่อว่าผู้อาวุโสสูงสุดไม่เคยเห็นว่าเวลาที่คำสาปโลหิตสำแดงฤทธิ์นั้นน่าเวทนาเพียงใด
เขาถอดใจได้ แต่นางถอดใจไม่ได้
ในตอนนี้คำสาปโลหิตของเยี่ยจิ่งหานสำแดงฤทธิ์แล้ว และเขาต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานจากคำสาปโลหิตทุกเดือน
นางไม่อยากให้เยี่ยจิ่งหานมีชีวิตที่เหมือนกับพวกเขาเผ่าหยก
“หลายปีที่ผ่านมา ท่านต้องลำบากแล้ว”
ผู้อาวุโสสูงสุดต้องการจะลูบหัวของกู้ชูหน่วน แต่ถูกกู้ชูหน่วนผลักออกไป
นางจ้องมองเขาอย่างเย็นชาและกล่าวเตือน
“ข้ารู้ว่าท่านต้องรู้ว่าไข่มุกมังกรเม็ดที่แปดอยู่ที่ไหน และรู้ว่าจะหลอมรวมไข่มุกมังกรได้อย่างไร หากวันนี้ท่านไม่บอกข้า ข้าจะฆ่าทุกคนในเผ่าหยกและฆ่าตัวตายตาม อย่างน้อยก็ไม่ต้องทุกข์ทรมานจากคำสาปโลหิต หรือถูกคนใกล้ชิดฆ่าตาย สู้ฆ่าตัวตายเสียจะดีกว่า”
“ข้ากู้ชูหน่วน พูดได้ทำได้ หากท่านไม่เชื่อ จะลองดูก็ได้”
ผู้อาวุโสสูงสุดขมวดคิ้ว
เขาเลี้ยงดูกู้ชูหน่วนมาตั้งแต่เด็ก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านางเป็นคนอย่างไร
หากบีบบังคับนาง นางก็สามารถทำได้ทุกอย่าง
เพียงแต่……
“ข้าจะนับถึงสาม หากท่านไม่บอก ข้าจะล้างบ้างเผ่าหยกให้สิ้นซาก”
“หนึ่ง……”
“สอง……”
เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนกำลังจะนับสาม ผู้อาวุโสสูงก็เอ่ยปากในทันที
“เจ้าอยากรู้จริง ๆ หรือว่าไข่มุกมังกรเม็ดที่แปดอยู่ที่ไหน?”
“ไร้สาระ ท่านดูท่าทางของข้าสิ ข้ามีเวลาว่างมากพอที่จะพูดไร้สาระกับท่านงั้นหรือ?”
“เอาเถอะ ข้าจะบอกเจ้า ไข่มุกมังกรเม็ดที่แปดก็คือเจ้า”
หลังจากที่ผู้อาวุโสสูงสุดพูดจบ ก็ดูเหมือนพละกำลังทั้งหมดของเขาจะหมดลง และทรุดตัวลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรง
กู้ชูหน่วนตกตะลึง
“ไข่มุกมังกรเม็ดที่แปดก็คือข้า?หมายความว่าอย่างไร……ท่านพูดให้มันชัดเจนหน่อย”
“เจ้าเด็กโง่ เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ?ไข่มุกมังกรเม็ดที่แปดก็คือเจ้า เจ้าคือไข่มุกมังกรเม็ดที่แปด เพียงแค่สละชีวิตของเจ้าและเอาเลือดจากหัวใจของเจ้าออกมา ก็จะสามารถหลอมรวมไข่มุกมังกร และล้างคำสาปโลหิตได้”
ผู้อาวุโสสูงตาแดงก่ำ
เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่พวกเขารู้เรื่องนี้ก็แทบทรุด
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาพยายามหาวิธีว่าจะมีอะไรมาทดแทนไข่มุกมังกรเม็ดที่แปดได้หรือไม่ หรือว่าจะสามารถเอาเลือดออกมาจากหัวใจของอาหน่วนได้อย่างไร โดยที่ไม่เอาชีวิตนาง
แต่เขาเข้าฌานมาหลายปี ก็ยังคิดหาวิธีไม่ได้
หากต้องการล้างคำสาปโลหิต ก็ต้องใช้เลือดจากหัวใจของนาง และไม่ใช่แค่เลือดเพียงหยดสองหยด แต่เป็นเลือดทั้งหมดจากหัวใจของนาง
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขากลัดกลุ้ม
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าพบไข่มุกมังกรเม็ดที่เจ็ดแล้ว
และจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านางหลอมรวมไข่มุกมังกรไม่สำเร็จ
นางร้อนใจ เขากลับร้อนใจยิ่งกว่า
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเข้าฌานต่อไป และคิดหาวิธีต่อไป……
ในที่สุด……
เขาก็คิดหาวิธีได้……
เขาสามารถอุทิศชีวิตในการฝึกฝน หรือแม้กระทั่งสละชีวิตของตัวเอง แต่ก็ทำได้เพียงรักษาดวงวิญญาณของนางไว้
ดวงวิญญาณไม่สามารถทำให้นางฟื้นคืนชีพได้
ทำได้เพียงแค่ให้ดวงวิญญาณของนางสามารถอยู่ได้ในโลกนี้……
ต่อมา…..
เยี่ยจิ่งหานก็บุกเข้าไป และบังคับให้เขาออกมา
อีกทั้งยังต่อยเขาอย่างแรง
จนตอนนี้ ตาข้างซ้ายของเขายังเจ็บปวดมาก
กู้ชูหน่วนขาอ่อน และล้มลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
นางตัวสั่นสะท้าน และภาพที่ทะเลโลหิตก็ผุดขึ้นมาในหัวของนางอีกครั้ง
ที่ทะเลโลหิต นางควักหัวใจของตัวเอง และสละชีวิตของตัวเอง……
ที่แท้……
ภาพเหล่านี้ก็เป็นความจริง……
ในตอนท้ายของเรื่อง นางยอมสละชีวิตของตัวเอง เพื่อผู้คนในเผ่าหยก……
นางน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว
หลังจากที่อี้เฉินเฟยสละชีวิต นางก็น่าจะได้ว่าภาพที่ทะเลโลหิต เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต……
“แม่หนู ทำไมสีหน้าของเจ้าถึงได้ดูแย่เช่นนั้น ปู่ทำให้เจ้าตกใจกลัวหรือไม่?เราไม่ต้องคิดเรื่องไข่มุกมังกรแล้ว เมื่อก่อนผ่านมาได้อย่างไร ต่อไปก็จะผ่านไปได้อย่างนั้น”
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างขมขื่น
เมื่อก่อน……
นางไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้……
ในตอนนี้นางกำลังหวาดกลัว
กลัวว่าเรื่องที่ทะเลโลหิตจะเป็นเรื่องจริง
นางกลัวว่าเพื่อที่จะช่วยนางแล้ว ซือม่อเฟยจะยอมผมขาวในชั่วข้ามคืน สูญเสียวรยุทธ และใบหน้าแก่ชรา……
นางกลัวว่าตัวเองจะฆ่าเยี่ยจิ่งหาน……
นางกลัวว่าคำสาปโลหิตของเผ่าหยกจะไม่สามารถลบล้างได้
นางกลัวไม่หมดทุกอย่าง
นางไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่ในตอนนี้……
นางรู้สึกหมดหนทาง……หมดหนทางจริง ๆ ……
“แม่หนู……แม่หนู……เจ้าตื่น……เมื่อครู่ปู่ก็พูดจาไปเรื่อยเปื่อย เจ้าอย่าฟังปูพูดจาไร้สาระเลย ไปเถอะ ปู่จะพาเจ้าไปกินขนมเปี๊ยะดอกไม้ที่เจ้าชอบ”
กู้ชูหน่วนคว้าแขนของเขา และพูดด้วยเสียงแหบแห้ง
“ท่านแน่ใจหรือว่าไข่มุกมังกรเม็ดที่แปดก็คือข้า?ทำไมต้องเป็นข้า?”
“เพราะ……เพราะสายเลือดของเจ้า”
สายเลือด……
ดังนั้น……
บทที่ 710 992-993
ลูกน้องของรองหัวหน้าเผ่าซือคงลงมืออย่างรวดเร็ว จนเหวินเส่าอี๋หยุดไว้ไม่ทัน จึงทำได้เพียงมองดูพวกเขาถูกปาดคอต่อหน้าต่อตา
ที่เผ่าหยกเป็นเพราะต่อสู้กับศัตรู สาวกของเผ่าเพลิงฟ้าจึงถูกฆ่าตาย
แต่ที่นี่คือเผ่าเพลิงฟ้า
สาวกหลายสิบคนถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้
เหวินเส่าอี๋ไม่อาจยอมรับได้
กู้ชูหน่วนแฝงตัวอยู่ในฝูงชน ในที่ที่ผู้อื่นมองไม่เห็น และมองดูฉากที่เกิดขึ้นที่นี่อย่างเย็นชา
จนกระทั่งตอนนี้
นางรู้สึกสงสัยในใจ
ในตอนนั้นรองหัวหน้าเผ่าซือคงปล่อยข่าวว่านางมีไข่มุกมังกรเม็ดที่เจ็ดอยู่ที่ตัว จนดึงดูดให้สำนักต่าง ๆ ในใต้หล้ามาตามฆ่านาง
และเกรงว่ารองหัวหน้าเผ่าซือคงจะสร้างเรื่องยั่วยุอะไรบางอย่างในเผ่าเพลิงฟ้า
เพื่อทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่คนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเหวินเส่าอี๋ นำสาวกที่ยอดเยี่ยมกว่าสองพันคนไปที่เผ่าหยก
เขา……
ต้องการทำให้พวกเขาและเผ่าหยกของนางต่อสู้กันจนสูญเสียทั้งสองฝ่าย และจากนั้นเขาก็รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
ช่างเป็นแผนการที่โหดเหี้ยมยิ่งนัก
หากพวกเขาชนะ เขาก็ได้โอกาสที่จะทำลายเผ่าหยก
หากพวกเขาพ่ายแพ้ เขาก็ได้โอกาสที่จะกำจัดผู้ที่ไม่เห็นด้วย และแย่งชิงอำนาจ
เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองแล้ว เขาใช้สาวกกว่าสองพันคนเป็นเครื่องมือ จิตใจของเขาช่างโหดเหี้ยมอำมหิต
กู้ชูหน่วนเดาได้ว่าคนที่ฉลาดอย่างเหวินเส่าอี๋จะเดาไม่ออกได้อย่างไร
เพียงแต่เขาไม่ยอมเชื่อ และไม่อยากจะเชื่อ
เหวินเส่าอี๋กล่าวอย่างโกรธเคือง “พวกเขาล้วนเป็นพี่น้องของเผ่าเพลิงฟ้าที่ยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย รวมแล้วกว่าสองร้อยชีวิต รองหัวหน้าเผ่าไม่รู้สึกเจ็บปวดใจบ้างเลยหรือ?”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงย่อมต้องกล่าวว่า “ข้าเพียงแค่ชำระสะสางก็เท่านั้น จัดการเรื่องของสวีชิงและคนอื่น ๆ เสร็จแล้ว ในตอนนี้ก็ถึงตานายน้อยแล้ว?นายน้อยบอกว่าผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่คนและสาวกในเผ่าที่สละชีวิตเพื่อช่วยเจ้า ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยสันดาปดวงวิญญาณ และพาเจ้าออกมาจากเหวไร้ที่สิ้นสุด เจ้าถึงมีชีวิตรอดมาได้ เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”
“ไม่มี”
คนที่เข้าไปในเผ่าหยกล้วนตายกันหมดแล้ว
เขาจะมีหลักฐานได้อย่างไร
“ในเมื่อเจ้าไม่มีหลักฐาน แล้วพวกเราจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร?”
“ข้าเป็นนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า ทำไมข้าถึงต้องโกหกด้วย?”
“ไม่ เจ้าไม่ใช่นายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า และเจ้าก็ไม่ใช่บุตรชายแท้ ๆ ของหัวหน้าเผ่าด้วย”
ฮ้า…..
คำพูดของรองหัวหน้าเผ่าซือคงทำให้ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
เขาไม่ใช่บุตรชายของหัวหน้าเผ่างั้นหรือ?
เป็นไปได้อย่างไร……?
เขาเป็นนายน้อยของเผ่ามาตั้งแต่เด็กไม่ใช่หรือ?
สายเลือดของเผ่าเพลิงฟ้าจะผสมปนเปได้อย่างไร?
เหวินเส่าอี่โกรธจัดแต่กลับยิ้ม
รองหัวหน้าเผ่าซือคงทำทุกอย่าง เพื่อที่จะดึงเขาลงมา
รองหัวหน้าเผ่าซือคงกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่ตรงนั้น และค่อย ๆ พูดทีละคำ
“ในตอนที่ฮูหยินชิวแต่งงานกับหัวหน้าเผ่า นางก็ตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือนแล้ว และหัวหน้าเผ่าก็รู้เรื่องนี้ เขาต้องการจะเลิกรากับฮูหยินชิว แต่ครอบครัวของฮูหยินชิวมีอำนาจมากเกินไป เมื่อหัวหน้าเผ่าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าเผ่า เพื่อความมั่นคงของเผ่าเพลิงฟ้า จึงจำต้องให้ฮูหยินชิวอยู่ต่อไป”
“ผู้ที่อยู่มนเหตุการณ์ต่างรู้กันดีว่าก่อนที่ฮูหยินชิวจะแต่งานกับหัวหน้าเผ่า นางมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้อาวุโสซ่ง หลังจากแต่งงานกับหัวหน้าเผ่าได้เพียงไม่กี่วัน ฮูหยินชิวก็ทะเลาะกับหัวหย้าเผ่า เหตุการณ์นี้ทำให้เผ่าเพลิงฟ้าโกลาหลมาก”
ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์
ในตอนนั้นมีเรื่องเช่นนี้จริง ๆ
ในเผ่ามีข่าวลือว่าฮูหยินชิวมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับผู้อาวุโสซ่ง และหัวหน้าเผ่าก็ออกมากดดันจนเรื่องนี้ถูกเปิดเผย
ในตอนนั้นเรื่องที่ฮูหยินชิวกับหัวหน้าเผ่าทะเลาะกันจึงไม่ใช่ความลับ
เพียงแค่ไม่มีใครรู้ว่าทำไมพวกเขาถึงทะเลาะกัน รู้เพียงว่าทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง
ผู้คนรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่รู้ว่าเป็นรองหัวหน้าเผ่าซือคงที่จัดเตรียมไว้หรือไม่
คนเหล่านี้มีทั้งสาวกและคนทั่วไปในเผ่า ซึ่งมีสถานะสูงส่งเช่นเดียวกับเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลาย
บางคนยืนอยู่ข้างรองหัวหน้าเผ่าซือคง และบางคนยืนอยู่ข้างเหวินเส่าอี๋ แต่ส่วนใหญ่จะไม่ยืนอยู่ข้างใคร
ผู้อาวุโสบางคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้
“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็จำได้ว่าตอนที่ฮูหยินชิวกำลังโต้เถียงกับหัวหน้าเผ่า มีข่าวลือว่าเขาไม่ใช่บุตรชายแท้ ๆ และถูกสวมเขา”
“ใช่ ข้าก็ได้ยินมาเช่นกัน ในตอนนั้นข้าก็สงสัยว่านายน้อยอาจจะไม่ใช่บุตรชายของหัวหน้าเผ่า แต่สุดท้ายหัวหน้าเผ่าก็ยืนอยู่ข้างนายน้อย และยับยั้งความวุ่นวายทั้งหมด เมื่อเรื่องนี้จบลงแล้ว ทุกคนต่างก็คิดว่าหากนายน้อยไม่ใช่บุตรชายแท้ ๆ ของหน้าเผ่า ทำไมหัวหน้าเผ่าถึงต้องปกป้องนายน้อยด้วย”
“บางทีอาจเป็นเพราะหัวหน้าเผ่ารักฮูหยินชิวมากเกินไป ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่ารักนางแล้ว รักลูกของนางด้วย”
“หัวหน้าเผ่ารักฮูหยินชิว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รักนายน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการตายของฮูหยินชิวหัวหน้าเผ่าก็เพิกเฉยต่อนายน้อยมากยิ่งขึ้น”
“ดังนั้น เจ้าหมายความว่านายน้อยอาจจะไม่ใช่บุตรชายของหัวหน้าเผ่าจริง ๆ ”
“ไม่มีลมไหนเลยจะมีคลื่น ข้าว่าเรื่องนี้……”
หากเพียงแค่รองหัวหน้าเผ่าซือคงและคนอื่น ๆ พูดคุยกันก็ดี แต่นี่เป็นการพูดคุยกันของเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลาย และพวกเขาก็ไม่ยืนหยัดเพื่ออำนาจใด ๆ
เหวินเส่าอี๋ไม่ค่อยรู้เรื่องภูมิหลังของตัวเองมากนัก และเขาคิดมาโดยตลอดว่าตัวเองเป็นนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้าจริง ๆ
เมื่อได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกัน เขาก็เกิดความสงสัยเช่นกัน
ตั้งแต่เด็กจนโต ท่านพ่อของเขาไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาเลย
และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการดูแลเอาใจใส่เลย
เขาเย็นชากับเหวินเส่าอี้มาโดยตลอด
ตอนเด็ก ๆ เขาเองก็เคยสงสัยว่าเขาเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของหัวหน้าเผ่าหรือไม่
หากเป็นบุตรชายแท้ ๆ ทำไมตอนที่เขาบาดเจ็บสาหัส ป่วยหนัก หรือแม้แต่ใกล้ตาย ท่านพ่อของเขาถึงไม่เคยสนใจเขาเลย
เขาพยายามฝึกฝนวรยุทธอย่างหนัก จนสามารถบรรลุถึงขั้นสูงสุดระดับหกได้ตั้งแต่อายุยังน้อย มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใดในช่วงเวลานั้น
ทั้งหมดที่เขาทำก็เพื่อต้องการให้ท่านพ่อของเขาชื่นชมเขาบ้าง
แต่ก็ไม่มีเลย ไม่ว่าเขาจะฝีมือสูงส่งแค่ไหน ท่านพ่อของเขาก็ยังเย็นชาเหมือนเดิม
ในเวลานี้เขารู้สึกเจ็บปวดใจ
รองหัวหน้าเผ่าซือคงพอใจมากที่ได้เห็นเช่นนี้
เขากล่าวต่อว่า “เป็นเพราะเจ้าไม่ใช่นายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า ดังนั้นเจ้าจึงสมรู้ร่วมคิดกับหัวหน้าเผ่าหยก กำจัดผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่คนและสาวกที่ยอดเยี่ยมกว่าสองพันคนให้ตายอยู่ที่เผ่าหยก”
ผู้คนตกตะลึงอีกครั้ง
มีบางคนไม่อยากจะเชื่อ
มีบางคนด่าทอด้วยความโกรธเคือง
“รองหัวหน้าเผ่าซือคง ในเมื่อสถานะของนายน้อยไม่ชัดเจน เพื่อความปลอดภัยของเผ่าเพลิงฟ้า ข้าน้อยคิดว่าจะต้องจับตัวนายน้อยไว้ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาทำเรื่องที่ไม่ดีต่อเผ่าเพลิงฟ้า”
เสียงดังเอะอะอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ก้องกังวานดังขึ้น
“ใครบอกว่าเขาไม่ใช่บุตรแท้ ๆ ของหัวหน้าเผ่า?”