กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 768
เยี่ยจิ่งหาน……
ใช่ เขาสามารถไปหาเยี่ยจิ่งหานเพื่อเกลี้ยกล่อมเขา
ผู้อาวุโสหกต้องการคิดจะไปหาเยี่ยจิ่งหาน แต่เมื่อนึกถึงภูมิหลังของเยี่ยจิ่งหาน เขาก็หยุดชะงักและลังเลขึ้นมา
ผู้อาวุโสสูง?
ไม่ ผู้อาวุโสสูงมีความผูกพันกับเผ่าหยก แม้ว่าเขาจะชอบและเคารพอาหน่วน แต่ก็ไม่สามารถเสียสละเผ่าหยกทั้งเผ่าเพื่ออาหน่วนเพียงคนเดียว
ไม่เพียงแค่ผู้อาวุโสสูงที่เป็นเช่นนั้น ผู้อาวุโสทุกคนในเผ่าหยกก็คิดเหมือนกัน
หากจะถามว่าในเผ่าหยกนี้มีใครบ้างหวังว่ากู้ชูหน่วนจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยใจจริงบ้าง
เกรงว่าคงมีเพียงอี้เฉินเฟยกระมัง
แต่น่าเสียดายที่อี้เฉินเฟยได้เสียชีวิตลงแล้ว
เขายังสามารถไปหาใครได้อีกบ้าง?
เซี่ยวอวี่เซวียน?
ก็ไม่ได้ เด็กเซี่ยวอวี่เซวียนคนนั้นก็เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ถูกกับอาหน่วนเสียแล้ว ไปหาเขาก็ไม่ช่วยอะไร
ฝูกวงและลั่วอิ่งพวกเขาก็มีคุณสมบัติไม่เพียงพอ
ทันใดนั้นผู้อาวุโสหกก็นึกขึ้นได้อีกคนหนึ่ง
จอมมาร……
เขาตบต้นขาและโยนไหเหล้าไหสุดท้ายทิ้งลง จากนั้นรีบวิ่งไปยังเผ่าปีศาจ
เขาสาบานว่านี่คือความเร็วที่สุดที่เขาเคยใช้มา
ทันใดนั้นก็เดินทางมาถึงเชิงเขาของเผ่าปีศาจ แต่กลับถูกบอกว่าจอมมารไม่อยู่ เขาได้พาคนจำนวนมากไปเผ่าหยกเพื่อขอแต่งงาน
ผู้อาวุโสหกรู้สึกโกรธอย่างมาก
เขาไล่ตามกลับไป ทันใดนั้นเมื่อกลับไปถึงยังทางเข้าเผ่าหยก คนรับใช้กลับบอกเขาว่า จอมมารไม่ได้มาที่นี่
เขาซักถามอย่างละเอียด
จอมมารไม่ได้มาที่เผ่าหยกและไม่รู้ว่าจอมมารใช้เส้นทางไหนหรืออาจจะคลานมา
ต่อให้คลานมา เช่นนั้นก็ควรเดินทางมาถึงเผ่าหยกแล้วสิ
“ท่านผู้อาวุโสหก จอมมารอาจจะหลงทาง สายลับแจ้งข่าวมาว่าได้พบเจอจอมมารกำลังสอบถามเส้นทางมายังเผ่าหยกที่เมืองหวงเฟิง”
“เขามาที่เผ่าหยกพร้อมกับกองกำลังที่แข็งแกร่งไม่ใช่หรือ? เขาเป็นคนจำเส้นทางไม่ได้อย่างนั้นหรือ หรือว่าลูกน้องของเขาก็ไม่รู้เส้นทางเลย?”
“เอ่อ……เหมือนว่าจอมมารจะพูดว่า เผ่าหยกไม่ต้อนรับคนนอก หากหัวหน้าเผ่ารู้ว่าเขาพาคนเข้ามาเป็นจำนวนมากเช่นนั้น จะต้องโกรธอย่างมากแน่ๆ ฉะนั้นเขาจึงเดินทางมาขอแต่งงานก่อนกำหนด แล้ว……แล้วค่อยให้คนของเขาไปวางสินสอด……”
ผู้อาวุโสหกแทบอยากเป็นลม
เขากล่าวออกมาด้วยความโมโห
“ปัดโธ่ จอมมารอะไรกัน ช่างทำตัวเหลวไหลไม่สมฐานะ ไม่สามารถทำเรื่องใหญ่ได้เลย มีแต่เรื่องล้มเหลว”
คนรับใช้ต่างพากันส่ายหน้า
คนรับใช้คนหนึ่งที่ค่อนข้างกล้าหาญกล่าวว่า “ผู้อาวุโสหก ท่านหาจอมมารมีเรื่องสำคัญอย่างนั้นหรือ? ไม่เช่นนั้นข้าน้อยจะสั่งให้คนออกไปค้นหาเบาะแสของจอมมาร”
“ประเดี๋ยวก็จะเที่ยงแล้ว ใครจะไปรู้ว่าจอมมารจะอยู่แห่งหนใด ต่อให้หาเจอก็เกรงว่าจะไม่ทันเวลาเอาเสียแล้ว”
“ไม่……ไม่ทันเวลา? ไม่ทันเวลาอะไรหรือ?”
“พูดกับเจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์”
“เช่นนั้นแล้วเรายังต้องหาจอมมารอีกหรือไม่?”
“หาสิ ต้องหาให้เจอ ส่งคนออกไปหาเยอะๆ บอกเขาว่าอาหน่วนกำลังตกอยู่ในอันตราย ชีวิตของนางอยู่ในมือของเขาและให้เขามาที่เผ่าหยกอย่างเร็วที่สุด”
“อ๋า……หัวหน้ามีอันตรายอะไรหรือ? ข้าน้อยจะรีบไปรายงานให้ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสคนอื่นทราบ”
“เจ้าว่าเจ้ามีสมองหรือไม่? ข้าบอกให้เจ้ารีบไปบอกจอมมาร เพื่อให้จอมมารรีบมาไม่ใช่หรือ?”
“ข้าตกใจหมดเลย ผู้อาวุโสหก ตอนที่ท่านไม่ดื่มเหล้าดู ไม่น่าเชื่อถือกว่าตอนดื่มเหล้าเสียอีก”
“เจ้าน่ะสิที่ไม่เอาไหน ทั้งโคตรของเจ้านั่นแหละที่ไม่เอาไหน ยังไม่รีบไปอีก” ผู้อาวุโสหกอดไม่ได้ที่จะกระทืบเท้า
“ขอรับๆๆ ข้าน้อยจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ผู้อาวุโสหกมองไปบนท้องฟ้าด้วยความกังวล
อีกเพียงหนึ่งชั่วยามก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว
ทำอย่างไรดี……
เขาไปขัดขวางด้วยตัวเองหรือ?
ไม่ เขาไม่สามารถขัดขวางได้
เมื่อนึกถึงชีวิตอันน่าสังเวชน่าสงสารของอาหน่วน
และรวมไปถึงมิตรภาพระหว่างนาง
ผู้อาวุโสหกกัดฟันและไปหาเยี่ยจิ่งหานด้วยตัวเอง
เวลาเพียงหนึ่งชั่วยามช่างน้อยนิดเหลือเกิน
หวังเพียงว่า……
สามารถกลับมาได้ทันเวลา……
ผู้อาวุโสหกเดินทางไปจวนหานอ๋องจนแทบหมดแรง
เขาลงจากหลังม้า ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยหรือว่าหยุดอย่างกะทันหัน จึงทำให้เขายืนไม่มั่นคงและทำได้เพียงเกาะประคองม้าด้วยความเหนื่อยหอบ
“ไป……ไปเรียกเยี่ยจิ่งหานออกมาเดี๋ยวนี้”
“เจ้าเป็นใครกัน ท่านอ๋องของข้าเป็นคนที่เจ้าอยากพบก็พบได้อย่างนั้นหรือ?”
“ข้ามีเรื่องสำคัญอย่างมาก ให้เขารีบออกมา ไม่เช่นนั้นอาหน่วนจะตกอยู่ในอันตราย”
โดยปกติแล้วผู้อาวุโสหกมักจะสวมใส่เสื้อผ้าเรียบง่ายธรรมดา รวมไปถึงเดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ทำให้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยฝุ่น แถมเสื้อผ้ายังขาดหลุดลุ่ยอีกด้วย ทำให้มองดูแล้วเหมือนกับขอทานยังไงยังงั้น
ผู้ที่มาขอพบหานอ๋องที่จวนหานอ๋องนั้นมีจำนวนมาก
แต่ไม่เคยพบเห็นขอทานที่ไหนจะกล้ามาขอพบท่านอ๋องเลย
เดิมทีผู้ที่เฝ้าประตูไม่อยากสนใจอะไร แต่เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสหกรีบร้อนและดูกังวลเช่นนี้ พวกเขาก็กลัวว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริง เช่นนั้นแล้วจะเป็นการทำให้ท่านอ๋องพลาดเรื่องสำคัญ
แต่หากปล่อยเขาเข้าไปโดยตรงทันที……ก็ไม่เหมาะสม
“พวกเจ้ามัวยืนเฉยทำไม รีบเข้าไปสิข้ารีบมากรู้หรือไม่ ช่างเถอะ เยี่ยจิ่งหานอยู่ที่ไหน ข้าจะไปพบเขาเอง”
“บังอาจ ชื่อของท่านอ๋องเป็นชื่อที่เจ้าสามารถเรียกได้โดยพลการอย่างนั้นหรือ”
ผู้อาวุโสหกยังคงไม่สามารถระงับอารมณ์ลงได้อยู่นาน เขากระหายน้ำและคอแห้ง เขาแทบไม่ต้องการเสียเวลาพูดกับคนเหล่านี้ จากนั้นจึงเดินข้ามและบุกเข้าไปยังจวนหานอ๋องเพื่อเข้าไปหาเยี่ยจิ่งหานด้วยตัวเอง
“หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าคิดว่าจวนหานอ๋องเป็นสถานที่อะไรกันที่อยากเข้าก็เข้า ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ”
“ฮึ เป็นนายยังไงก็มีคนใช้เช่นนั้นเสียจริง หากไม่ใชาเพราะชีวิตของอาหน่วนตกอยู่ในอันตราย ไม่เช่นนั้นข้าจะสั่งสอนพวกเจ้าให้เข็ดเลยคอยดู”
เดิมทีคนใช้อยากจะเข้าไปรายงาน
แต่เมื่อเห็นความเกรี้ยวกราดและเหิมเกริมของผู้อาวุโสหก โดยไม่เห็นหานอ๋องในสายตา เช่นนั้นจึงไม่กล้าปล่อยให้เขาเข้าไปและยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเข้าไปรายงาน
จวนหานอ๋องไม่แปลกเลยที่เป็นจวนหานอ๋อง
องครักษ์ในจวนต่างพากันวิ่งออกมาและพกพาอาวุธออกมายืนเป็นสองแถวเพื่อปิดทางของผู้อาวุโสหก
และยังมีมือยิงธนูอีกหนึ่งแถวคอยดึงคันธนูเอาไว้และรอเพียงการสั่งการแค่คำเดียว จากนั้นจึงปล่อยลูกธนูออกมาทำให้ผู้อาวุโสหกหนีราวกับถูกแตนต่อย
ที่นี่มีความเคลื่อนไหวเสียงดัง จึงดึงดูดให้ชิงเฟิงเดินออกมา
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ใต้เท้าชิงเฟิง คนแก่คนนี้ต้องการบุกเข้ามายังจวนหานอ๋องและมีทีท่าไม่เคารพท่านอ๋อง แถมยังทำร้ายพวกเราจนบาดเจ็บอีกหลายคน”
เมื่อชิงเฟิงเห็นผู้อาวุโสหกเข้าก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
นี่ไม่ใช่ผู้อาวุโสของเผ่าหยกหรอกหรือ?
เหตุใดถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่?
หรือว่าเขาจะมาหาเรื่องนายท่านอย่างนั้นหรือ?
ผู้อาวุโสหกเห็นชิงเฟิงเข้าราวกับเห็นฟางช่วยชีวิต “พ่อหนุ่ม เจ้ามาพอดีเลย เร็วเข้า รีบเข้าไปรายงานนายท่านของเจ้า บอกให้เขารีบไปที่เผ่าหยกเดี๋ยวนี้”
“เจ้าไม่ได้มาเพื่อฆ่านายท่านของพวกข้า?”
“ข้าต้องการฆ่าเขา ข้าจะบุกมายังจวนหานอ๋องคนเดียวอย่างนั้นหรือ?”
“เช่นนั้นแล้วท่านมาที่นี่เพื่ออะไร?”
“ข้า……เฮ้อ……ข้าพูดกับเจ้าไปก็เปล่าประโยชน์ ข้าขอพูดกับนายท่านของเจ้า เจ้ารีบพาข้าไปพบนายท่านของเจ้าเดี๋ยวนี้”
ชิงเฟิงไม่ยอม
นายท่านทำเพื่อพระชายามาเยอะมากมาย พระชายาไม่เพียงไม่รู้สึกขอบคุณ แต่ยังทำร้ายจิตใจของท่านอ๋องอีกด้วย
ตอนนี้ท่านอ๋องบาดเจ็บสาหัสแทบตาย อีกทั้งเส้นผมยังเปลี่ยนเป็นสีขาวเพียงชั่วข้ามคืน คำสาปโลหิตในร่างกายของเขาก็ออกฤทธิ์แล้ว หมอต่างก็บอกว่าเขามีชีวิตเหลืออยู่อีกไม่นานแล้ว
เขารู้สึกโกรธโมโหพระชายาอย่างมาก
“นายท่านของเจ้ามัวเป็นขอนไม้อะไรอยู่ที่นี่ กู้ชูหน่วนกำลังอยู่ในอันตราย นางกำลังมีอันตรายเจ้ารู้หรือไม่? หากไม่รีบพาเยี่ยจิ่งหานไปยังเผ่าหยก เช่นนั้นแล้วนางคงไม่รอดแน่ๆ”
ผู้อาวุโสหกร้อนรนกระวนกระวายใจเหมือนกับมดบนหม้อไฟ แต่คนเหล่านี้กลับไม่รู้สึกรีบร้อนหรือสะทกสะท้านแต่อย่างไร เขาโกรธจนกระทืบเท้าเสียงดัง
“ผู้อาวุโสพูดตลกไป พระชายาอยู่ที่เผ่าหยกอย่างสุขสบายดีจะมีอันตรายอะไรได้”
“เจ้าคิดว่าท่าทางของข้าเหมือนกำลังพูดเล่นอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าจะรีบไปรายงานนายท่านเดี๋ยวนี้”
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 758
คำพูดนี้หมายความว่า……เขายังมีพี่น้องอยู่อีกคน?
“และหญิงที่วางอุบายกับข้าเป็นผู้ที่ข้าเกลียดชังและโกรธแค้นที่สุดในชีวิตนี้ ข้าเคยบังคับให้นางเอาเด็กออกแต่ว่าเป็นตายนางก็ไม่ยอม ข้าจึงทำได้เพียงฝืนบังคับ ท่านแม่ของเจ้ามีเมตตารู้สึกอยู่เสมอว่านั่นเป็นชีวิตเป็นๆชีวิตหนึ่งซึ่งไม่ควรถูกบีบคอจนตายเช่นนี้ รวมถึงข้าทรยศต่อแม่ของเจ้าด้วยเหตุนี้จึงได้ทะเลาะกับแม่ของเจ้าอยู่หลายครั้ง”
“หญิงผู้นั้นเจ้าเล่ห์นักและยังมีท่านแม่ของเจ้าหนุนหลังดังนั้นนางจึงได้ให้กำเนิดลูกชายอย่างราบรื่น”
“ไม่รู้ว่าเนื่องจากข้าใจจดจ่อต้องการที่จะฆ่าเด็กคนนั้นหรือเปล่า หรือว่าเนื่องจากหญิงผู้นั้นต้องการล้างแค้นเผ่าของนาง ช่วงเวลาขณะที่คลอดเด็กออกมาก็ได้ทิ้งเด็กไปเสียแล้ว”
“ทิ้งไป?”
ทิ้งไปหมายถึงสิ่งใด? ทอดทิ้งไป?
“ใช่ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเด็กคนนั้นถูกเขาฆ่าหรือถูกทอดทิ้งไป ตอนนี้ผ่านไปยี่สิบปีแล้วข้าเองก็ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นหรือตาย”
ในตอนนั้นเขาคิดที่จะตรวจสอบที่อยู่ของเด็กคนนั้น
แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่เคยลงมือทำ
หรืออาจเป็นเพราะเกลียดชังหญิงผู้นั้นมากมายนัก
แม้แต่เด็กที่หญิงผู้นั้นเกิดมาก็เกลียดชังไปด้วย
ในตอนนี้คิดๆไปแล้วเช่นไรเด็กก็เป็นผู้บริสุทธิ์
ไม่ว่าเขาจะเกลียดชังหญิงผู้นั้นมากเพียงใดก็ไม่ควรพาดพิงถึงเด็กคนนั้น
“ท่านพ่อรู้หรือไม่ว่าเด็กคนนั้นเป็นชายหรือหญิง?”
เหวินเฉิงเทียนส่ายศีรษะ
เขาไม่รู้
หญิงผู้นั้นก็ไม่เคยบอกเขา
แต่ว่าราวกับว่าเขาเคยได้ยินคนกล่าวว่าหญิงผู้นั้นได้ให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่ง และก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ
“ท่านวางใจได้ เส่าอี๋จะตามหาเด็กคนนั้นให้พบและชดใช้ตลอดระยะเวลายี่สิบปีที่ผ่านมาแทนท่านพ่อ”
“ไม่จำเป็นหรอก หรือบางที……ชั่วชีวิตนี้ข้าถูกกำหนดให้ละอายใจต่อเขา”
เหวินเฉิงเทียนหลับตาลงอย่างรู้สึกเหน็ดหนื่อย
หญิงผู้นั้นจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต
คลอดลูกออกมาก็เพียงเพื่อแก้แค้นเท่านั้น
เขาจะปล่อยให้เด็กคนนั้นมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
แม้ว่าจะอุ้มท้องสิบเดือนจนให้กำเนิดเองแต่ในสายตาของนางก็เป็นเพียงแค่สัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่งเท่านั้นเอง
“เจ้ายังมีคำถามอันใดจะถามข้าอีกใช่หรือไม่?”
“อืม……ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดท่านพ่อถึงได้เกลียดชังข้าตั้งแต่เล็กจนโตเช่นนั้น”
“เจ้าเด็กโง่ ข้ารักเจ้ายังแทบไม่ทันแล้วจะเกลียดชังเจ้าได้อย่างไร”
“กฎของเผ่าเพลิงฟ้า ท่านพ่อของนายน้อยเผ่าในภายภาคหน้าจะต้องเข้าสู่พิธีบูชายัญไฟ ตอนนั้นข้ายังไม่ใช่หัวหน้าเผ่าและไม่เคยคิดที่จะเป็นหัวหน้าเผ่า แต่ว่าหญิงผู้นั้นทำร้ายข้าจนทำให้ข้ากลายเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าเพลิงฟ้า”
“ข้ากลายเป็นหัวหน้าเผ่าซึ่งหมายความว่าเจ้าจะเป็นนายน้อยเผ่า ท่านแม่ของเจ้าจำต้องเข้าพิธีบูชายัญไฟแล้วข้าจะยอมให้แม่ของเจ้าเข้าพิธีบูชายัญไฟได้อย่างไร ดังนั้นข้าจึงได้เริ่มห่างเหินจากพวกเจ้า แสร้งทำเป็นไม่สนใจพวกเจ้าก็เพื่อหวังให้เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลายยกเลิกตำแหน่งนายน้อยเผ่าของเจ้า”
“แต่เจ้ากลับช่างโดดเด่นนัก เจ้าโดดเด่นในทุกๆด้าน อายุยังน้อยก็เก่งทั้งบุ๋นและบู๊รวมถึงวรยุทธ์สูงส่งซึ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์หายากนับพันปีของเผ่าเพลิงฟ้า
“แม้ว่าข้ารู้สึกเป็นสุขก็โศกเศร้าด้วยยิ่งนัก ที่เป็นสุขคือลูกชายของข้าเป็นผู้มีพรสวรรค์ ที่น่าเศร้าคือเจ้าอาจจะต้องถูกเลือกให้เป็นนายน้อยเผ่า”
“จริงตามนั้น ผู้อาวุโสสูงสุดเหล่านั้นได้กำหนดให้เจ้าเป็นายร้อยเผ่าเลยโดยตรง และยังเป็นผู้ถูกเลือกให้เป็นหัวหน้าเผ่าในภายหน้าเป็นคนแรก ท่านแม่ของเจ้าก็ไม่สามารถหนีโชคชะตาได้เช่นเดียวกัน ถูก……บูชายัญไฟ……”
เหวินเฉิงเทียนกล่าวถึงภายหลังด้วยน้ำเสียงของสะอึกสะอื้นจนแทบจะร้องไห้ไม่เป็นเสียง
ยิ่งเหวินเส่าอี๋ฟังมากเท่าใดสีหน้าก็ยิ่งดูไม่ได้มากขึ้นเท่านั้น
ตั้งแต่เล็กจนโตท่านพ่อไม่ได้สนใจเขาเลย ไม่ว่าเขาจะมีความสุขหรือโศกเศร้า หรือว่ากำลังจะตาย ท่านพ่อก็ไม่เคยมาดูเขามาก่อนเลย
เขาทุ่มเทฝึกฝนวรยุทธ์อย่างหนัก ทุ่มเทเล่าเรียนอย่างหนักก็เพียงเพื่อให้ท่านพ่อชมเชยเขาสักเล็กน้อย
คิดไม่ถึงว่า……
ความพยายามของเขาไม่เพียงแต่ทำร้ายท่านพ่อของเขา
และยังทำร้ายท่านแม่จนตายด้วย……
ท่านแม่ของเขา……ถูกสังหารด้วยน้ำมือของเขาเอง……
“อย่าได้โทษตนเองนี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เป็นเพราะกฎของเผ่าเพลิงฟ้านั้นช่างโหดร้ายยิ่งนัก ข้าเคยคิดที่จะยกเลิกกฎเกณฑ์ข้อนี้ แต่ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสทั้งหลายของเผ่าเพลิงฟ้ามีจำนวนมากมายนัก มีจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งคัดค้าน ด้วนเหตุนี้……กฎข้อนี้ของเผ่าจึงไม่สามารถยกเลิกไปได้ตลอดมา”
“ดังนั้นข้าจึงจงใจสร้างความเข้าใจผิดบางอย่าง เพื่อต้องการให้พวกเขาริเริ่มยกเลิกตำแหน่งนายน้องเผ่าของเจ้า เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เจ้าขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าและเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบากเดียวกับข้า”
“หลังจากที่ท่านแม่ของเจ้าเสียชีวิตไป ข้าไม่อยากเผชิญหน้ากับเจ้า ประการแรกเนื่องจากเจ้าช่างเหมือนแม่ของเจ้านัก เมื่อเห็นเจ้าข้าก็นึกถึงท่านแม่ของเจ้า”
“ประการที่สองเนื่องจากข้าไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเจ้าเช่นไร เพราะข้าไร้ความสามารถข้าทำให้เจ้าไร้ซึ่งท่านแม่ตั้งแต่เด็ก”
เหวินเส่าอี๋ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นอนหมอบอยู่ในอ้อมอกของเหวินเฉิงเทียนพร้อมกับร่ำไห้
เป็นเขาที่ไม่เข้าใจในความยากลำบากของท่านพ่อ
หากว่าเขาสามารถเดาเจตนาของท่านพ่อได้เร็วกว่านี้ก็จะไม่ทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อฝึกฝนวรยุทธ์เอาใจท่านพ่อ จนสุดท้าย……ได้ทำร้ายท่านพ่อท่านแม่
ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา
“แค่กๆๆ……
เหวินเฉิงเทียนไออย่างรุนแรงจนไอออกมาเป็นเลือดสีดำและร่างกายก็สั่นเทา
เหวินเส่าอี๋ปาดน้ำตาอย่างยุ่งเหยิง เลือดสีดำบนพื้นกระทบดวงตาของเขาอย่างเจ็บปวด
“ข้าไปหากู้ชูหน่วนเพื่อขอยาถอนพิษ”
“อย่าไป……เปล่าประโยชน์ เผ่าหยกกับเผ่าเพลิงฟ้าเป็นศัตรูกัน พวกเขาใจจดจ่อเพียงต้องการกำจัดเผ่าเพลิงฟ้าให้สิ้นซากจึงไม่มีทางให้ยาถอนพิษแก่เจ้า”
“ต่อให้ขอร้องข้าก็จะขอยาถอนพิษมาให้ได้”
“หากเจ้าต้องขอร้องข้ายอมตายดีกว่า
”
“ท่านพ่อ……”
“เส่าอี๋เจ้าฟังนะ เผ่าเพลิงฟ้ายังมีสาขาแห่งหนึ่งในรัฐปิง สาขานั้นใหญ่เทียบเท่ากับสำนักใหญ่ของเรา เจ้านำป้ายคำสั่งหัวหน้าเผ่าและค้นหารัฐปิงตามแผนที่นี้พวกเขาจะ
ยอมรับเจ้าในฐานะหัวหน้าเผ่า ถึงตอนนั้นเผ่าเพลิงฟ้าก็จะสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว……แค่กแค่ก……
”
“ท่านพ่อ ท่านอย่าพูดอีกเลย……ท่านให้ผู้อาวุโสทั่งหลายเข้าดูท่านสักน่อย……”
“จ้าจะต้องพูด หากไม่พูดอีกก็จะไม่ทันการแล้ว”
เหวินเฉิงเทียนเจ็บปวดจนขมวดคิ้ว
อุณหภูมิในร่างกายของเขาเริ่มร้อนขึ้นอีกครั้ง และความเจ็บปวดเผาไหม้อย่างรุนแรงทรมานเขาเจียนตาย
“นี่เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าเพลิงฟ้า นอกจากหัวหน้าเผ่าที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ว่ามีสาขาแห่งหนึ่งของเผ่าเพลิงฟ้าในรัฐปิง หากเจ้าต้องการเป็นเพียงคนธรรมดาเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องไปตามหา แต่หากว่าเจ้าต้องการที่จะชุบชีวิตเผ่าเพลิงฟ้าเจ้าต้องไปยังรัฐปิง”
“พ่อหวังให้ลูกเป็นเพียงคนธรรมดาแต่พ่อก็รู้จักเรื่องนิสัยใจคอของเจ้าดี หากเป็นเมื่อก่อนเจ้าคงจะเป็นแค่ชายหนุ่มอิสระเสรีเป็นแน่ แต่กลับให้เจ้าพบเจอความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องนานหลายวัน แล้วเจ้าจะปล่อยให้สาวกเหล่านั้นที่เสียสละชีวิตเพื่อเจ้าตายไปอย่างอนาถโดยเปล่าประโยชน์ได้อย่างไร”
เหวินเส่าอี๋ไม่พูดจา
เขาต้องการทวงความยุติธรรมคืนให้กับผู้ที่ตายไปแล้วจริงๆ
นี่คือสิ่งที่เขาติดค้างพวกเขา
เหวินเส่าอี๋มองไปยังกระดูกสะบักของตนด้วยความเจ็บปวด
หากว่า……
หากว่าวรยุทธ์ของเขาไม่หมดสิ้นไป
เช่นนั้นจะดีมากเพียงใด
“พ่อติดต้างเจ้ามากเกินไป ดังนั้นก่อนตายพ่อจำเป็นต้องทำสิ่งหนึ่งแทนลูก”
เหวินเฉิงเทียนพยายามลุกขึ้นนั่ง พิงกำแพงหินโดยที่หายใจอย่างหอบ
“กระดูกสะบักของเจ้าข้ามีวิธีต่อรักษา”
“กระดูกสะบักเชื่อมต่อได้หรือ?”
ผู้ที่ฝึกวรยุทธ์จะคัดกระดูกสะบักออกไม่ได้หมดสิ้นไปเลยหรือ?
แล้วยังจะเชื่อมต่อได้อย่างไร?
ความหวังอันริบหรี่ผุดขึ้นมาในใจของเหวินเส่าอี๋
หากว่ากระดูกสะบักของเขาสามารถเชื่อมต่อกันได้
เขาก็จะสามารถฝึกวรยุทธ์ได้อีกครั้งและปกป้องผู้ที่เขาต้องการปกป้องได้……
“ใช่ เจ้า……ไปเรียกผู้อาวุโสทุกคนมาให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”
“ได้……”
หลังจากนั้นครู่หนึ่งผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสทั้งหลายที่เหลืออยู่ของเผ่าเพลิงฟ้าได้ถูกเรียกมาทั้งหมด แต่ละคนคุกเข่าลงบนพื้นทีละคนๆเพื่อรอคำสั่งการของเหวินเฉิงเทียน
เหวินเฉิงเทียนยกมือขวาของเหวินเส่าอี๋ขึ้นและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “จากนี้ไปข้าจะส่งต่อตำแหน่งของหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าให้กับลูกชายของข้าเหวินเส่าอี๋ ทุกคนจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขา จงภักดีต่อเขาชั่วชีวิตและห้ามมีใจคิดคดทรยศ”