ตอนที่ 310 ประลองผูกมิตร (1)
เซี่ยเพ่ยหวนเป่าถ้วยน้ำชาพร้อมเอ่ย “นี่มีอันใดน่าแปลกกัน เมื่อก่อนเป็นตระกูลจูต้องไว้หน้าตระกูลหยาง ต่อไปก็ไม่แน่แล้ว โดยเฉพาะจูชูอวี้ถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นเซี่ยนจู่แล้ว บรรดาคุณหนูเหล่านี้เจอหน้ายังต้องคารวะเสียอีก เป็นใครก็คงรับไม่ได้ที่คนที่ต้องคอยประจบตนเองพลันเปลี่ยนแปลงไปต้องกลายเป็นตนเองที่ต้องเงยหน้ามอง เมื่อก่อนชื่อเสียงของจูชูอวี้ในจินหลิงนั้นไม่เลว นางสวย มีความสามารถ แต่ว่าชาติกำเนิดด้อยไปสักหน่อยจึงไม่มีผู้ใดริษยามากนัก ตอนนี้ก็ไม่แน่แล้วล่ะ…”
หนานกงมั่วพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเซี่ยเพ่ยหวน
เซี่ยเพ่ยหวนยิ้มตาหยีมองนาง “มั่วเอ๋อร์ เจ้าลองเดาดูสิ…วาจาเมื่อสักครู่นั้นไม่ทันระวังหรือตั้งใจให้เราได้ยินกันแน่”
หนานกงมั่วปรายตามองนางนิ่งๆ เอ่ยถาม “ต่างกันหรือ”
เซี่ยเพ่ยหวนขยิบตา “จูชูอวี้แย่งความดีความชอบของเจ้า นางนึกว่าเจ้าจะไปแย่งกลับคืนมาน่ะสิ”
“ขอบคุณ ข้าเกรงว่าคงจะปลิวไปตามลมเสียแล้วล่ะ” หนานกงมั่วเอ่ยตอบเสียงเรียบ
เซี่ยเพ่ยหวนถอนหายใจท่าทางเสียดาย “น่าเสียดายแม่นางเขาอุตส่าห์วิ่งมายุยงเจ้า ช่างไม่ไว้หน้าเลยสักนิด อู๋สยา”
“กลัวแต่แผ่นดินจะไม่วุ่นวาย”
“เช่นกันๆ” เซี่ยเพ่ยหวนยิ้มร่าเอ่ยรับคำ
ซังเนี่ยนเอ๋อร์และซุนเหยียนเอ๋อร์มองรอยยิ้มของสตรีทั้งสองที่มีความคล้ายคลึงกัน จากนั้นหันกลับมามองเห็นความมึนงงในดวงตาของกันและกัน เพื่อนใหม่ฉลาดเกินไป รู้สึกว่าไม่มีวิธีสนทนาด้วยได้ทำเยี่ยงไรดี
ไม่ว่าบรรดาคุณหนูเหล่านี้ต้องการทำอะไร พวกหนานกงมั่วทั้งสี่คนยังคงนั่งดื่มชาชมดอกไม้พูดคุยหัวเราะกันอยู่ในศาลา เซี่ยเพ่ยหวนและซุนเหยียนเอ๋อร์นั้นจัดอยู่ในหมวดผู้รอบรู้หนังสือ ซังเนี่ยนเอ๋อร์ติดตามบิดาประจำที่เขตชายแดนมาตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่ามีความรู้กว้างขวาง เมื่อพูดคุยกันแล้วกลับไม่ได้น่าเบื่อดังที่คิด กระทั่งสาวใช้จวนเกาอี้ปั๋วเดินเข้ามาทั้งสี่คนจึงได้หยุดสนทนาไปทั้งที่ยังคุยไม่จบ
“คารวะพระชายาซื่อจื่อ คุณหนูเซี่ย คุณหนูซัง คุณหนูซุน” ด้านนอกศาลา สาวใช้คนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางนอบน้อม
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว มองท้องฟ้าพลันรู้ว่ายังเร็วไป จึงเอ่ยถาม “มีเรื่องอันใดหรือ”
สาวใช้เอ่ยตอบ “รายงานพระชายาซื่อจื่อ แขกคนอื่นๆ กำลังรวมตัวกันประลองความสามารถการประพันธ์ องค์หญิงหลิงอี๋เป็นผู้มอบรางวัลใหญ่ เชิญคุณหนูใหญ่ทั้งสี่ไปร่วมรับชมเจ้าค่ะ”
“องค์หญิงหลิงอี๋ก็มาด้วยหรือ” หนานกงมั่วเอ่ยถาม
สาวใช้เอ่ยท่าทางตื่นเต้นดีใจ “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ได้ยินมาว่าองค์หญิงหลิงอี๋นำของขวัญมามอบแทนฝ่าบาทเจ้าค่ะ”
ทั้งสี่คนมองสบตากันเงียบๆ เซี่ยเพ่ยหวนลุกขึ้นพร้อมทั้งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อองค์หญิงมาแล้ว แน่นอนพวกเราก็ต้องไปดูกันสักหน่อย คนในจินหลิงเดี๋ยวนี้นับวันยิ่งเล่นไม่เป็นแล้ว นานแล้วที่ไม่ได้เล่นสนุกเช่นนี้ มั่วเอ๋อร์พวกเราไปดูสักหน่อยเถิด ข้ารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว”
ข้ารู้ว่าเจ้าตื่นเต้น เพียงมองดวงตาวาววับของเจ้าก็รู้ได้แล้วว่าเจ้าตื่นเต้นเพียงใด คิ้วเรียวสวยของหนานกงมั่วเลิกขึ้น เอ่ยเสียงเรียบด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูเซี่ยสามนั้นความสามารถเลิศล้ำ ลงประลองฝีมือสักตาสิ” คุณหนูเซี่ยสามแสดงท่าทีภาคภูมิใจเหนือกว่าผู้ใด “ข้าไม่แสวงหาชื่อเสียงและผลประโยชน์ ไม่ไปแย่งรางวัลกับพวกนางหรอก”
ซุนเหยียนเอ๋อร์ยกมือปิดริมฝีปากหัวเราะ “คุณหนูเซี่ยสามกล่าวเช่นนี้ คงมีคนดีใจไม่น้อย”
คุณหนูเซี่ยสามมีความสามารถมากพอให้เอ่ยประโยคนี้ได้จริงๆ ยามนี้คุณหนูที่มีชื่อเสียงและความสามารถมากที่สุดก็คงเป็นจูชูอวี้แล้ว แต่เมื่อยามที่ชื่อเสียงของเซี่ยเพ่ยหวนโด่งดังไปทั่วจินหลิง เมื่อนั้นก็ไม่รู้จูชูอวี้จะไปอยู่ที่ไหน คุณหนูเซี่ยสามไม่เพียงมีชาติกำเนิดสูงส่ง อีกทั้งยังเฉลียวฉลาด ความสามารถเป็นที่เลื่องลือไปทั่วจินหลิงตั้งแต่อายุเพียงเก้าขวบ เพียงแต่หลังจากองค์ชายสิบเก้าจากไปตั้งแต่ยังเยาว์วัยจึงค่อยๆ เงียบลง
เซี่ยเพ่ยหวนเลิกคิ้วแล้วแย้มยิ้ม มือข้างหนึ่งจูงมือหนานกงมั่ว มืออีกข้างจูงมือซังเนี่ยนเอ๋อร์เดินออกไป หันกลับมายิ้มให้ซุนเหยียนเอ๋อร์ เอ่ย “ข้ารู้ว่าอู๋สยาและเนี่ยนเอ๋อร์ไม่มีความสนใจต่อสิ่งนี้ ดังนั้นแม่นางเหยียนเอ๋อร์ ชื่อเสียงของพวกเราต้องพึ่งเจ้าแล้ว”
ซุนเหยียนเอ๋อร์หน้าเจื่อนลง ใบหน้าเล็กถอนหายใจอย่างขมขื่น “ข้าไม่กล้าแบกรับชื่อเสียงของซิงเฉิงจวิ้นจู่และคุณหนูเซี่ยสามหรอกเจ้าค่ะ วันนี้คงไม่มีอันใดให้เราทำ พวกเราไปร่วมรับชมความสนุกสนานก็พอเถิด”
“…” เด็กสาวเอ่ยทื่อๆ คุณหนูทั้งสี่จะเอ่ยสารภาพตรงๆ ต่อหน้าคนตระกูลจูเช่นนี้ได้หรือ
“อู๋สยา รีบมาเถิด” ศาลาริมน้ำในสวนดอกไม้ องค์หญิงอี๋หลิงกำลังถูกสตรีชนชั้นสูงห้อมล้อมชวนคุย เมื่อมองเห็นหนานกงมั่วเดินเข้ามาจึงกวักมือเรียกนางด้วยรอยยิ้ม ผู้คนรีบเปิดทางให้ หนานกงมั่วจำต้องเดินตรงเข้าไปถวายพระพร “ถวายพระพรองค์หญิงหลิงอี๋เพคะ”
“องค์หญิงอะไรกัน” องค์หญิงมองนางท่าทางไม่พอใจ “เรียกเสด็จน้า ถ้าไม่ฟังข้าจะไปฟ้องแม่สามีเจ้า”
หนานกงมั่วยิ้มเจื่อน จำต้องเอ่ยเรียกใหม่อีกครั้ง “คารวะเสด็จน้าเพคะ”
“เด็กดี” องค์หญิงหลิงอี๋เอ่ยด้วยรอยยิ้ม ยื่นมือไปดึงนางมานั่งลงข้างๆ ตนเอง หันกลับไปมองเซี่ยเพ่ยหวนทั้งสามคน เอ่ย “แม่นางเซี่ยสาม ไม่เจอกันนานแล้ว มานั่งข้างๆ ข้า” เซี่ยเพ่ยหวนพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ขอบพระทัยองค์หญิงเพคะ” พูดคุยทักทายกันอยู่สักพักทุกคนจึงนั่งลงในตำแหน่งของตนเอง หนานกงมั่วจึงได้มีเวลามองสำรวจ ศาลาริมน้ำจวนเกาอี้ปั๋วแห่งนี้นั้นถูกสร้างได้อย่างดีเยี่ยม เป็นโถงเปิดโล่งไม่มีกำแพงทั้งสี่ด้าน ปกติแล้วจะมีผ้าม่านบางและม่านไม้ไผ่คอยปิดกั้นเอาไว้ เป็นสถานที่รับความเย็นในฤดูร้อนได้เป็นอย่างดี วันนี้มีแขกมากมาย ม่านขาวบางม่านไม้ไผ่ต่างถูกม้วนขึ้นเก็บ นั่งอยู่ในศาลาริมน้ำสามารถชมดอกไม้และทิวทัศน์ในสวนได้รอบทิศ ยิ่งกว่านั้นยังมีสายลมโชยผ่าน
เมื่อเปรียบเทียบแล้วแม้เรือนจี้ชั่งจะถูกสร้างมางดงามโออ่า ทว่าไม่มีศาลาริมน้ำที่เอาไว้รับแขกเช่นนี้ ทางด้านใน บรรดาสตรีทั้งหลายนั่งลงเป็นคู่ๆ หรือสองสามคนพูดคุยกันเสียงเบา ทว่าความสนใจส่วนใหญ่นั้นมารวมอยู่ที่ด้านข้างขององค์หญิงหลิงอี๋ มองออกไปนอกศาลาริมน้ำ กลับพบว่าตรงข้ามห่างออกไปจากศาลาท่าน้ำ บนชั้นสองมีบรรดาชายหนุ่มมากความสามารถนั่งอยู่ไม่น้อย คิ้วสวยของหนานกงมั่วเลิกขึ้น หันกลับมาหาองค์หญิงหลิงอี๋ด้วยความสงสัย องค์หญิงหลิงอี๋ยกมือปิดปากหัวเราะออกมาเบาๆ “ว่างไม่มีอะไรทำ ทุกคนจึงมาประลองความสามารถกัน พูดคุยถึงความสามารถไม่แยกชายหญิง พวกนั้นล้วนเป็นแขกที่เกาอี้ปั๋วเชิญมา”
หนานกงมั่วกลับฟังออกถึงท่าทีไม่เห็นด้วยในวาจาขององค์หญิงหลิงอี๋ แม้ยามนี้อาณาจักรเซี่ยอันยิ่งใหญ่แห่งนี้จะไม่เข้มงวดระหว่างบุรุษกับสตรี แต่การเชิญบุรุษมาในวันเกิดของคุณหนูใหญ่มากมายเพียงนี้นั่นอาจจะมากเกินไปสักนิด ทว่าหนานกงมั่วพลันเกิดแสงวูบอยู่ในใจ ไม่นานก็เข้าใจชัดเจน หันกลับไปหาจูชูอวี้ที่กำลังพูดคุยกับแขกด้วยรอยยิ้ม “จะว่าไป ซั่นจยาเซี่ยนจู่ก็อายุสิบแปดปีแล้ว มิน่าเกาอี้ปั๋วถึงได้ร้อนใจ” จูชูอวี้เป็นสตรีมีความสามารถ อีกทั้งยังไม่ทำให้คนรู้สึกเบื่อหน่าย นางรู้ว่าองค์หญิงหลิงอี๋ไม่ได้ชื่นชอบนางนัก ดังนั้นจึงไม่ทำเหมือนคุณหนูคนอื่นที่พยายามเข้าหาองค์หญิงหลิงอี๋ ทำเพียงรับรองดูแลในฐานะเจ้าบ้านเพียงเท่านั้น
องค์หญิงหลิงอี๋ขมวดคิ้ว กวาดตามองระเบียงฝั่งตรงข้ามพลางครุ่นคิด “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เองหรือ เช่นนั้นก็พอให้อภัยได้ จะว่าไป ชายหนุ่มหล่อเหลามากความสามารถและคุณหนูสูงศักดิ์มารวมอยู่ด้วยกันก็ไม่ง่าย ไม่แน่อาจได้จับคู่ที่เหมาะสม”
“เสด็จน้าเอ่ยถูกต้องแล้วเพคะ” หนานกงมั่วยิ้มบาง
ในเมื่อเป็นเรื่องของหญิงชายที่ยังไม่แต่งงาน แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องของหนานกงมั่ว หนานกงมั่วจึงทำตัวเป็นผู้ชมอยู่ข้างๆ องค์หญิงหลิงอี๋ สถานที่แสดงความสามารถคือพื้นที่ว่างระหว่างศาลาริมน้ำและหอฝั่งตรงข้าม สองฝั่งสามารถมองเห็นการแสดงตรงหน้าอย่างชัดเจนอีกทั้งไม่ต้องกังวลว่าจะไปล่วงเกินคุณหนูในห้องหอเหล่านั้น ทุกคนพึงพอใจกับการจัดการของตระกูลจูเป็นอย่างยิ่ง