ตอนที่ 410 การลอบสังหารที่ล้มเหลว (1)
“อู๋สยา อาการเป็นอย่างไรบ้าง” เว่ยจวินมั่วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหนานกงมั่ว เอ่ยถามเสียงเบา
หนานกงมั่วส่ายหน้า “ไม่เป็นไร มิได้บาดเจ็บภายในแต่อย่างใด” ฝ่ามือของกงอวี้เฉินนั้นนับว่าปรานีแล้ว นางเพียงสลบไป เมื่อตื่นขึ้นมากลับไม่มีความรู้สึกได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ลิ่นฉังเฟิงถอนหายใจ “น่าเสียดายจริงๆ เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้กำจัดคนหอธาราให้สิ้น”
เว่ยจวินมั่วเหลือบมองเขา ลิ่นฉังเฟิงรีบยกมือขึ้นยอมแพ้ เอ่ย “รู้แล้วๆ กงอวี้เฉินคงไม่เหลือทางรอดอย่างแน่นอน เพียงแต่…เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเหลือทางรอดอันใดไว้” ในฐานะที่เป็นคนที่สัมผัสกับกงอวี้เฉินมาหลายต่อหลายครั้ง ลิ่นฉังเฟิงแสดงออกว่าเจ้าสำนักหอธาราผู้นี้นั้นมีความคิดที่แปลกประหลาดเกินไป เขาจึงไม่เข้าใจนัก
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “หากเขาตาย ทุกคนในเมืองหลิงโจวต้องตายไปพร้อมกับเขา”
“อะไรนะ” ทุกคนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน โดยเฉพาะเซียวเชียนเยี่ยที่สีหน้าไม่น่ามองขึ้นมา
“เช่นนั้นเจ้าไม่กลัวเขาเอาคืนหรือ” ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยถาม กงอวี้เฉินมิใช่บุรุษที่รักษาสัจจะ เสียเปรียบให้เว่ยจวินมั่วมากถึงเพียงนั้น คิดโยนเอาความโกรธไปลงกับชาวเมืองหลิงโจวใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ตอนนี้เขาทำเช่นนั้นไม่ได้แล้ว หากชาวเมืองหลิงโจวเป็นอะไรไป เขาเองก็ต้องตาย”
“…” คนฉลาดเช่นพวกเจ้าช่างรู้จักเล่นเหลือเกิน คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ คุณชายฉังเฟิงรู้สึกว่าในสมองนั้นมึนงงไปหมด
“ฝ่ามือเมื่อสักครู่นั่น” จิ้นจั๋วเอ่ยถาม เขาเห็นมันได้ชัดเจนที่สุด ฝ่ามือนั้นของเว่ยจวินมั่วดูไม่ได้โดดเด่นนัก ทว่าปฏิกิริยาของกงอวี้เฉินนั้นค่อนข้างรุนแรง ราวกับพลังลมปราณที่หมุนรอบตัวนั้นถูกโจมตีสลายไปกะทันหัน จิ้นจั๋วมั่นใจได้ว่าถ้าหากตอนนั้นตนเองใช้เพียงหนึ่งกระบวนท่าก็ปลิดชีวิตของกงอวี้เฉินได้แล้ว เจ้าสำนักกงท่องยุทธภพมาหลายปี ครั้งนี้กลับตกเข้าไปในหลุมที่ตนเองขุดแล้วหรือ แต่จิ้นจั๋วไม่เข้าใจไยกงอวี้เฉินต้องยอมรับเงื่อนไขนี้ ตัวเขาหากหนีออกไปก็คงไม่เจ็บหนักถึงเพียงนี้
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ฝ่ามือสลายลมปราณ”
อึก…
คุณชายฉังเฟิงที่กำลังทึ้งผมตัวเองเกือบกระชากผมของตนเองออกมา เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน “กงอวี้เฉินถูกโจมตีจนสมองเลอะเลือนแล้วหรือไม่” ฝ่ามือสลายลมปราณนะ ด้วยพลังของเว่ยจวินมั่วเมื่อใช้ฝ่ามือนี้ออกไป หากโชคดีวรยุทธ์ของกงอวี้เฉินอาจจะหายไปเพียงครึ่ง ภายในแปดปีสิบปีอย่าได้คิดจะฟื้นมันคืนกลับมา หากโชคร้ายชาตินี้ทั้งชาติกงอวี้เฉินอย่าได้คิดแตะต้องวรยุทธ์อีก
แม้ว่าสมองของกงอวี้เฉินจะไม่เคยปกติมาก่อน ก็คงไม่ต้องเอาวรยุทธ์ของตนเองมาเล่นแบบนี้หรอกใช่หรือไม่ หากเจอกันอีกครั้งเว่ยจวินมั่วจะไม่ดูโหดร้ายอยู่เพียงฝ่ายเดียวหรอกหรือ
“ฝ่ามือสลายลมปราณมีสิ่งใดพิเศษหรือเจ้าคะ” จูชูอวี้ที่เงียบมาตลอดเอ่ยถามขึ้นมาทันใด
ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องนี้หรือ…ไม่มีผลกับคนทั่วไป แต่กับยอดฝีมือที่มีกำลังภายในแล้วก็คงโชคร้ายราวกับถูกแยกกระดูกออกจากกัน ดังนั้น ข้าจึงไม่เข้าใจ ไยกงอวี้เฉินจึงต้องทำเช่นนี้”
หนานกงมั่วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ย “บางที ต่อไปเขาอาจจะไม่ได้ใช้วรยุทธ์แล้วอย่างนั้นหรือ”
“ต่อให้เขาปลงไม่ตก ก็สามารถกินยาสลายพลังได้นี่นา”
หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น ในเมื่อเขาคิดว่าวรยุทธ์ไม่สำคัญ เพียงฝ่ามือเดียวก็สามารถแลกกับอำนาจการปกป้องหอธารากลับคืนมา ไยจะไม่ทำ” นึกถึงคำพูดของกงอวี้เฉินที่บอกว่าเจอกันครั้งหน้า ลิ่นฉังเฟิงราวกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ หันไปมองเว่ยจวินมั่ว ถอนหายใจพลางเอ่ย “มักรู้สึกว่าทำให้กงอวี้เฉินผู้นี้ขุ่นเคืองใจ ไม่รู้ว่าพวกเจ้าสองคนไม่รู้ใครจะโชคร้ายกว่ากัน”
เดิมคนสองคนที่ไม่เกี่ยวข้องอันใดต่อกัน เพียงการต่อสู้ชั่วขณะ ตอนนี้ดูเหมือนว่ากงอวี้เฉินจะดูโชคร้ายมากกว่าสักหน่อย แต่ลิ่นฉังเฟิงไม่คิดจะสงสารเขา อย่างไรก็เป็นเขาที่รนหาที่เอง
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิด อย่างไรเจ้าก็คิดเรื่องที่เป็นประโยชน์อันใดออกมาไม่ได้ อู๋สยา พวกเราออกไปกันก่อนเถิด”
หนานกงมั่วมองใบหน้าบิดเบี้ยวของลิ่นฉังเฟิง หัวเราะเสียงใสขึ้นมา พยักหน้าตอบรับ “ก็ดีเหมือนกัน ในกองทัพของท่านอาจจะยังมีเรื่องให้ต้องจัดการ จะเสียเวลามากไม่ได้”
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ทหารสองพันนี้มอบให้เจ้า จะได้ไม่เกิดเรื่องอันใดอีก”
“นี่” จิ้นจั๋วจ้องสองคนตรงหน้าที่ตกลงกันเองเขม็ง “ทิ้งทหารกว่าสองพันคนไว้ที่เขาฝูวั่งของข้า พวกเจ้าคิดถึงความรู้สึกของหัวหน้าเช่นข้าหรือไม่”
เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “วางกำลังทหารไว้ที่ใดเป็นเรื่องของข้า ไยข้าต้องคำนึงถึงจิตใจของโจรเพียงผู้เดียวด้วย”
“เจ้า”
จิ้นจั๋วยังเอ่ยไม่ทันจบก็ถูกลิ่นฉังเฟิงและเวยเข้ามาขนาบข้างซ้ายขวา มองตามเว่ยจวินมั่วที่จูงมือหนานกงมั่วเดินออกไป ลิ่นฉังเฟิงตบไหล่ของเขา เอ่ย “พี่จิ้น ตอนนี้ท่านเข้าใจว่าไยกงอวี้เฉินจึงได้เกลียดชังเว่ยซื่อจื่อถึงเพียงนั้นแล้วหรือไม่ อย่าได้ทำให้เขาขุ่นเคือง เขาเพียงดูเหมือนคนก็เท่านั้น” เบื้องหลังเว่ยซื่อจื่อสังหารวางเพลิง ไม่มีสิ่งใดไม่ทำ กลับคำไปมานั่นนับประสาอะไร ยิ่งไปกว่านั้นนั่นไม่ใช่คำสัญญาของเว่ยซื่อจื่อเองด้วยซ้ำ
จิ้นจั๋วจ้องลิ่นฉังเฟิงเขม็ง “ข้านึกว่าเจ้าเป็นเพื่อนกับเว่ยซื่อจื่อเสียอีก”
“ก็ใช่น่ะสิ ดังนั้นข้าเลยเตือนเจ้าอย่างไรเล่า” ลิ่นฉังเฟิงเอ่ย หากไม่ใช่เพื่อนใครกันเล่าจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของเว่ยจวินมั่ว ไม่แน่คงคิดว่าเขาเป็นผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงผู้เงียบขรึมไม่พูดไม่จา ไม่สนใจสตรี เป็นคนดี ผู้ที่ประพฤติตัวดีอยู่ในกรอบจะเป็นหัวหน้าสำนักมือสังหารได้หรือ อย่าล้อเล่นไปหน่อยเลย
ดังนั้น กงอวี้เฉินและเว่ยจวินมั่วนั้นจึงไม่ถูกชะตากับอีกฝ่าย เหมือนกับคนเลวที่โหดเหี้ยมที่พบว่ายังมีคนเลวอีกคนที่คล้ายกับตัวเอง ทั้งสองคนนี้หากไม่ร่วมมือกันก็คงกลายเป็นเจ้าตายข้ามีชีวิตอยู่แล้ว
กงอวี้เฉินเป็นคนประเภทไม่ใส่ใจอันใดมาก ในเมื่อเขาบอกว่าจะไม่เล่นแล้วก็ไม่อืดอาดเลยแม้เพียงนิด คนของหอธาราถอนตัวออกจากหลิงโจวไปจนหมด ไม่สนใจเชาอู่ที่ยังรอคำแนะนำจากเจ้าสำนักหอธาราในการยึดเมืองกลับมาอยู่ เมื่อไม่มีคนของหอธาราที่คอยวางแผนให้แล้ว เชาอู่จึงหนีเตลิดไปไกล
เขตป่าแถบ้ชายขอบของเมืองหลิงโจว กงอวี้เฉินนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่ในรถม้า ด้านนอกรถม้า องครักษ์คนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นด้วยความกังวล “เจ้าสำนัก ท่านเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
กงอวี้เฉินลืมตาขึ้น กำลังจะเอ่ยปากพูดเลือดพลันซึมออกมาที่มุมปากอีกครั้ง เขายกมือขึ้นเช็ดอย่างไม่ใส่ใจ เอ่ยเสียงเรียบ “ไม่เป็นไร”
“แต่ว่า…” องครักษ์เอ่ยถามด้วยความกังวล “กำลังภายในของคุณชายจื่อเซียวนั้นแข็งแกร่ง ฝ่ามือสลายลมปราณนี้… ด้านหน้าก็เป็นเมืองเล็กๆ แล้ว หาหมอมาตรวจดูเถิดขอรับ”
กงอวี้เฉินส่งเสียงหยัน “ไม่จำเป็น สถานที่เช่นนี้จะมีหมอมีชื่อเสียงได้เยี่ยงไร ตั้งแต่ได้พบกับเว่ยจวินมั่ว ก็เพราะไม่อาจใช้กำลังภายในได้เต็มที่ วันนี้จึงทำลายมันเสีย มันหมดไปแล้วจริงๆ” เพียงแต่ แม้จะเป็นคนอย่างกงอวี้เฉิน การทำลายวรยุทธ์ที่เหี้ยมโหดแทบหาใครเปรียบไม่ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ครั้งนี้โชคดีที่มาเจอสถานการณ์เช่นนี้ กงอวี้เฉินจึงพายเรือตามน้ำ วรยุทธ์ของเขาสูงเกินไป เดิมทีไม่เป็นไร แต่วรยุทธ์ของเว่ยจวินมั่วเองก็สูงเช่นกัน เพียงเขาปรากฏตัวอยู่ในที่สว่าง เว่ยจวินมั่วอาจจะจำเขาได้ ตอนนี้มันสลายหายไปหมดแล้ว นับว่าเป็นเรื่องที่ดี แม้หอธาราจะลึกลับ แต่หากคิดจะสืบหาจริงๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเจอเบาะแส ต้องตัดความเกี่ยวข้องจากหอธาราเท่านั้น เขาจึงจะสามารถแสดงแผนการของตนเองออกมาได้อย่างเปิดเผย การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือที่แท้จริงก็ไม่ใช่เพียงวรยุทธ์