หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 39

ตอนที่ 39

แต่ละคำถามล้วนแทงใจดำเหลือเกิน หากกู้เซียงไม่เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง คงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่มีสติมานั่งคิดหาทางออกแน่นอน

 

เธอเสียใจที่จ่านหยางต้องเดือดร้อนไปด้วย ในฐานะดาราหน้าใหม่ หากมีข่าวเสียๆ หายๆ แบบนี้หลุดออกไปคงเป็นเรื่องที่แย่มาก เพราะจากนี้ข่าวเล็กๆ น้อยๆ จะถูกขุดขึ้นมาเพื่อทำลายภาพลักษณ์ของเธออีก

 

กู้เซียงสูดหายใจเข้าลึก ขณะกำลังจะพูดบางอย่างก็ถูกจ่านหยางที่ยืนอยู่ด้านข้างจับมือแล้วดึงให้ไปหลบด้านหลัง

 

“ไม่ได้คบกันครับ” เขาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

นักข่าวรีบกดชัตเตอร์ถ่ายภาพตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

 

“ผมกำลังตามจีบเธออยู่”

 

 

ตั้งแต่เข้าวงการมาจนถึงตอนนี้ แม้ในช่วงที่ดังที่สุด จ่านหยางก็ไม่เคยถูกพาดหัวข่าวด้วยเรื่องอื้อฉาว

 

เขามีชีวิตที่ราบเรียบมาก นอกจากถ่ายภาพยนตร์ก็ไม่ค่อยไปออกรายการโทรทัศน์ที่ไหน ทำให้ไม่มีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริง นอกจากเพื่อนนักแสดงและผู้ร่วมงานที่รู้ว่าเขาเป็นคนอ่อนโยนและถ่อมตัว

 

ผู้จัดการส่วนตัวของจ่านหยางไหวพริบดีมาก คอยรักษาภาพลักษณ์ตลอดหลายปีของเขาแบบไม่ให้ด่างพร้อย กระทั่งวันนี้ที่ทำทุกคนตะลึงไปตามๆ กัน แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปยังคงกะพริบอย่างต่อเนื่อง

 

ประโยคนี้ขจัดข้อกังขาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกู้เซียงกับจ่านหยาง เวลาเป็นข่าวในวงการบันเทิง ดาราหญิงมักจะเสียเปรียบกว่า จ่านหยางจงใจเอาตัวเองออกรับน้ำโคลนที่กำลังจะสาดใส่ร่างของกู้เซียง ถ้าไม่มีประโยคนี้ของเขา เธออาจถูกพาดหัวข่าวว่าตั้งใจอ่อยซูเปอร์สตาร์คนดังก็เป็นได้

 

หลังพูดจบเขาก็จูงเธอเดินออกมาอย่างสง่างาม ทิ้งทุกคนไว้เบื้องหลังแบบที่ไม่มีใครกล้ารั้ง

 

เนื่องจากเป็นการไลฟ์สดของนักข่าว ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอจึงถูกเผยแพร่ทันที กู้เซียงไม่สามารถกลับเข้างานเลี้ยงได้อีก จึงเดินไปที่ประตูทางออก แล้วก็พบกับเคลวิน ถางรุ่ย และพนักงานรักษาความปลอดภัยพอดี

 

“หล่อน!” เคลวินถลึงตาใส่กู้เซียงแล้วรีบดึงร่างของจ่านหยางออกมา

 

ถางรุ่ยหันไปส่งสัญญาณให้พนักงานรักษาความปลอดภัยช่วยกันนักข่าวเอาไว้

 

“ไปคุยที่อื่น ตรงนี้ไม่ปลอดภัย!”

 

ไม่นานพวกเขาก็มาถึงออฟฟิศของถางรุ่ย

 

“รบกวนคุณถางออกไปก่อนนะคะ ฉันต้องจัดการกับเคลาส์สักหน่อย!” เคลวินโกรธหน้าแดงก่ำ

 

เคลวินจัดการเรื่องของจ่านหยางด้วยความรอบคอบเสมอมา ถางรุ่ยจึงชูสองนิ้วให้กู้เซียงแล้วเดินออกไปพร้อมกับปิดประตู

 

“เคลาส์ รู้ไหมว่าทำอะไรลงไป?” เคลวินระเบิดอารมณ์แล้วชี้ไปที่กู้เซียงด้วยท่าทางขึงขัง “ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้!”

 

“ขอโทษจริงๆ ค่ะ” กู้เซียงเอ่ยเสียงเบา “มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง”

 

นอกจากแผนการของเฉียวอิ้งฉิงจะไม่สำเร็จแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมายังดีเกินคาด ทั้งไม่ตกหลุมพรางและไม่ต้องอับอายขายหน้าจนไม่มีที่ยืน

 

“ไม่ต้อง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ!” จ่านหยางพูดแทรกแล้วจุดบุหรี่ขึ้นสูบ

 

“เฮอะ!” เคลวินเหลือบตามองกู้เซียง “เขาพูดออกไปแล้ว ถ้าเธอแก้ตัว คนอื่นก็จะหาว่าเขาตลบตะแลง!”

 

ที่ต้องปกป้องขนาดนี้ เพราะเคลวินกำลังกลัวว่าผักกาดขาวหัวโตๆ อย่างจ่านหยางจะถูกหมูอย่างกู้เซียงแทะกิน

 

“เอาละๆ เรื่องนี้ผมเป็นคนเริ่ม เดี๋ยวผมรับผิดชอบเอง” จ่านหยางตอบแบบไม่ยินดียินร้าย

 

“รับผิดชอบยังไง?” เคลวินทุบโต๊ะ “พวกวัยรุ่นชอบทำอะไรผลีผลาม พอเกิดปัญหาก็ดิ้นไม่หลุด อีนุงตุงนังจนแก้ไม่ได้ กลายเป็นเรื่องใหญ่โต!” เขาวาดมือเป็นวงกว้าง

 

การสนทนาเงียบไปชั่วขณะ ทั้งกู้เซียงและจ่านหยางต่างไม่พูดอะไรอีก

 

เคลวินมองพวกเขาสลับกันไปมาก่อนจะถอนหายใจ “ชาติที่แล้วฉันคงไปทำเวรทำกรรมกับพวกเธอ ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ ก็แกล้งคบไปเลยแล้วกัน!”

 

“อะไรนะ?” กู้เซียงทำตาโต

 

“ถ้าไม่ทำ คนอื่นจะคิดว่าเคลาส์เป็นพวกเด็กเลี้ยงแกะ ไหนหล่อนว่าจะรับผิดชอบไง?” เคลวินทวงสัญญา “อีกครึ่งปีค่อยเลิก วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ข่าวเงียบได้ ยิ่งเธออธิบาย ชื่อเสียงของเคลาส์ก็จะยิ่งกระทบไปด้วย” เขาโน้มน้าวต่อ “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ต้องมีคนกลั่นแกล้งแน่นอน ดีที่สุดคือปล่อยให้เรื่องเงียบ อีกครึ่งปีค่อยแกล้งเลิกกัน ลดสถานะเหลือแค่เพื่อน โอเคไหม?”

 

“ผมเห็นด้วย” จ่านหยางยกมือขึ้น

 

“ได้ค่ะ” กู้เซียงพยักหน้าแบบจำใจ

 

“ดี ฉันจะได้โทรไปบอกฝ่ายประชาสัมพันธ์”

 

แต่ละปีจะมีข่าวใหญ่ในวงการบันเทิงผุดขึ้นจำนวนมาก

 

ชื่อของกู้เซียงเหมือนมีคุณสมบัติพิเศษ ไม่ว่าไปทางไหนก็ดังเปรี้ยงปร้าง เพียงครึ่งปีเธอถูกพาดหัวข่าวไปแล้วหลายครั้ง รวมถึงครั้งนี้ด้วย

 

แค่ชั่วโมงเดียว แฮชแท็ก #จ่านหยางจีบกู้เซียง #ขอให้คู่จิ้นเปิ่นเป๋อได้รักกัน ก็กลายเป็นแฮชแท็กอันดับหนึ่งในเวยป๋อ

 

กู้เซียงแทบกระอักเลือด—คู่จิ้นเปิ่นเป๋ออะไรอีกเนี่ย?

 

พอรู้ข่าว เหวินจิ้งก็รีบมาหากู้เซียงด้วยความร้อนใจ

 

“เป็นยังไงบ้าง พวกเขาบังคับอะไรเธอหรือเปล่า? ฉันตกใจมากนะ”

 

“ไม่มีอะไรหรอก” เธอตอบ

 

เหวินจิ้งดื่มน้ำอึกใหญ่แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก “เรื่องจ่านหยางมันยังไงกันแน่ ทำไมจู่ๆ ถึงจีบเธอได้ หรือเป็นแผนปั่นกระแสเพื่อเพิ่มแฟนคลับ?”

 

จากที่เคยเรียกว่าซูเปอร์สตาร์จ่าน ตอนนี้กลับเรียกด้วยชื่อเต็ม เห็นได้ชัดว่าเธอเริ่มคลางแคลงใจในตัวอีกฝ่ายแล้ว

 

“วันนี้เขาช่วยฉันไว้ มีคนคิดจะ…” เธอเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบให้เหวินจิ้งฟัง

 

“บ้าไปแล้ว ทำไมถึงกล้าทำเรื่องแบบนี้! ฉันมีเพื่อนเป็นนักสืบ ต้องเอาให้รู้เรื่องกันไปเลย!”

 

เหวินจิ้งรู้ดีว่าบริษัทลอยแพกู้เซียงแล้ว หากพึ่งคนอื่นไม่ได้ก็คงต้องพึ่งตัวเอง

 

“ที่จ่านหยางพูดไม่ใช่เรื่องจริง ถ้าไม่ชี้แจงจะบานปลายไปกันใหญ่”

 

“ฉันคุยกับทางนั้นแล้ว ตกลงว่าจะแกล้งคบกันไปก่อน แล้วค่อยเลิกทีหลัง” กู้เซียงเล่าแผนการของเคลวินให้เหวินจิ้งฟัง

 

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเคลวินทำงานด้วยดีมาตลอด เหวินจิ้งจึงไม่ตอบโต้เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว

 

“เพราะฉันไม่รอบคอบเอง…” เธอโทษตัวเอง

 

“อย่าโทษตัวเองเลย” กู้เซียงตบบ่าเหวินจิ้งเบาๆ “เธออยากให้ฉันคู่กับจ่านหยางมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”

 

“แบบนี้คงต้องรีบสืบว่าเขามีแฟนแล้วหรือยัง” เหวินจิ้งตอบเสียงเบา

 

จู่ๆ กู้หนานก็โทรเข้ามา แล้วถามกู้เซียงด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

 

“บ้าไปแล้วเหรอไง ไอ้จ่านหยางมันเป็นใคร? ทั้งทีวีกับอินเทอร์เน็ตลือกันให้ว่อน ไหนบอกว่าจะไม่คบกับคนในวงการไง นี่ก็เพิ่งรู้จักกันไม่ใช่เหรอ?”

 

“ใจเย็นๆ ก่อนสิ” เธอตอบน้องชาย

 

“ใจเย็นกับผีสิ ไปชอบผู้ชายธรรมดาๆ แบบนั้นได้ไง ตาบอดหรือเปล่า? พรุ่งนี้กลับบ้านด้วยนะ เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่” พูดจบเขาก็วางสายด้วยความโมโห

 

กู้เซียงได้แต่นิ่งฟังเสียงสัญญาณโทรศัพท์—ผู้ชายธรรมดาๆ งั้นเหรอ?

 

“ว้าย!” เหวินจิ้งกระโดดขึ้นโซฟาเพื่อหนีแมลงสาบ

 

“น่าจะออกมาจากท่อน้ำในครัวน่ะ” พูดจบกู้เซียงก็เดินไปเหยียบมันจนตาย แล้วหยิบทิชชูมาเก็บซากไปทิ้งถังขยะ

 

“เท่ เท่มากเลย!” เหวินจิ้งตะลึง

 

“ถ้าให้จับไปทิ้ง ฉันขอเหยียบให้ตายดีกว่า” เธอตอบเสียงเรียบ

 

เช่นเดียวกับเฉียวอิ้งฉิงที่ไม่คิดจะปล่อยเธอไปง่ายๆ ที่ผ่านมากู้เซียงสนใจแค่งาน ไม่เน้นเรื่องส่วนตัว แต่กลับถูกฝ่ายนั้นหาเรื่องบ่อยครั้ง

 

ตั้งแต่ชาติที่แล้วจนถึงชาตินี้ กู้เซียงรู้ความลับของเฉียวอิ้งฉิงไม่น้อย แถมเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องแต่งเสียด้วย โลกใบนี้ไม่ได้มีสื่อแค่สำนักเดียวและไม่ได้มีปาปารัสซี่เพียงคนเดียว

 

หลังทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง กู้เซียงก็กดโทรศัพท์หาใครบางคน

 

 

 

ณ สำนักงานข่าวบันเทิงรายวัน

 

เด็กหนุ่มผมหยิกเลื่อนอ่านข่าวเกี่ยวกับไอดอลสาวในเวยป๋อ ด้วยกลัวว่าจะถูกรุ่นพี่เอาเธอไปเขียนข่าวในทางเสียๆ หายๆ สำหรับเขามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่ากู้เซียงไม่ได้มีเจตนาร้ายแอบแฝง

 

แต่เมื่ออ่านเจอข่าวที่จ่านหยางกำลังจีบเธออยู่ ก็รู้สึกปวดใจเบาๆ

 

ขณะกำลังทำใจ ข้อความจากเพื่อนคนหนึ่งก็เด้งเข้าโทรศัพท์ เขาคนนี้คือปาปารัสซี่ในตำนาน ที่กุมชะตาของดาราหลายๆ คนเอาไว้

 

“มีข่าวดัง เจอกันหน่อยไหม?”

 

“ได้สิ ขอบคุณขอรับนายท่าน” เด็กหนุ่มผมหยิกตอบกลับข้อความ แล้วคว้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว

 

“จะไปไหนน่ะ?” รุ่นพี่คนสนิทถาม

 

“กินข้าวครับ”

 

เด็กหนุ่มแอบเบ้ปาก รุ่นพี่ที่โกหกและใส่ร้ายไอดอลสาวของเขา จะไม่มีวันได้รู้ความจริงแน่นอน

 

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้น กู้เซียงไปที่บ้านของกู้ฉางชุน

 

เขาไม่อยู่ กู้หนานในชุดนอนรูปปิกาจูจึงเดินขยี้ตาออกมาเปิดประตูให้

 

“มาไงเนี่ย?”

 

“ก็นายบอกให้มา!” กู้เซียงตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

 

“ก็แค่ระบายอารมณ์ ไม่คิดว่าจะมาจริงๆ” กู้หนานเกาศีรษะ “อาหยีออกไปซื้อกับข้าว ส่วนพ่อไปบริษัทแล้ว” พูดจบก็รินน้ำให้พี่สาว “เมื่อวานพ่อโมโหจนโรคหัวใจกำเริบ บอกว่าจะไปเอาเรื่องจ่านหยางกับบริษัทต้นสังกัดของพี่ อาหยีปลอบอยู่นานกว่าจะใจเย็นลง”

 

“ไม่มีอะไรหรอกน่ะ” กู้เซียงส่ายหน้าด้วยความระอา “เขาจีบฉัน แล้วบังเอิญถูกจับได้ก็แค่นั้น”

 

“ตาถึงมาก!” กู้หนานตบโต๊ะ

 

“เมื่อคืนไม่เห็นพูดแบบนี้” เธอกลอกตามองบน

 

“แล้วจะเอาไงต่อ?”

 

“เขาทั้งหล่อทั้งดี ใครจะปล่อยไปง่ายๆ” กู้เซียงยักคิ้ว

 

กว่าครึ่งชั่วโมงที่กู้หนานพร่ำสอนกู้เซียงเรื่องการวางตัว ไม่ให้หน้ามืดตามัวไปกับรูปลักษณ์ภายนอกของผู้ชาย เพราะมีแค่กู้ฉางชุนกับตัวเขาที่รักเธอจริงๆ

 

กระทั่งกู้หนานเดินไปเข้าห้องน้ำ เธอจึงเดินชมตู้โชว์ในห้องรับแขก ในนั้นมีผ้าปักลายแสนงดงามขนาดใหญ่ หลังหยิบขึ้นดู กระดาษแผ่นหนึ่งก็ร่วงลงมา

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท