ตอนที่ 10 ประสงค์แห่งสิบสำนัก จงรับกระบี่ของข้า! (รีไรท์)
“อัคคีสีชาด ชายผู้นั้นฝึกฝนทักษะลับแห่งสำนักอัคคีสีชาด!”
เวลานี้หลัวชิงเซียนตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
“ฮ่าฮ่า! ถูกต้องแล้ว! เซียวเยี่ยนมีร่างปฐมวิญญาณแห่งเพลิงสีชาด เขาถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับความสามารถควบคุมเพลิง ซึ่งมันเหมาะกับสำนักอัคคีสีชาดของข้ายิ่ง!”
เจ้าสำนักอัคคีสีชาดระเบิดเสียงหัวเราะบ้าคลั่ง เดิมทีการปรับแต่งร่างกายของเซียวเยี่ยนนั้นเป็นความลับในสำนักของพวกเขา ทั้งหมดคิดไว้ว่าหลังจากเซียวเยี่ยนเติบโตขึ้นจนเข้าสู่ขั้นเจ้ายุทธ์ค่อยเปิดเผยความสามารถนี้ให้โลกทั้งใบตกตะลึง แต่สำหรับงานประลองแดนศักดิ์สิทธิ์รวมยุทธ์ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดเผยไพ่ตายใบนี้
เพราะพวกเขาทราบดีว่ามีจิตวิญญาณของเพลิงปฐมภูมิอยู่ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นามว่า ดอกบัวแผ่นดินใจกลางอัคคี ซึ่งเปลวไฟนี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าอัคคีสีชาดของสำนักอัคคีสีชาดเลย หากเซียวเยี่ยนได้รับอนุญาตให้ดูดซับดอกบัวแผ่นดินใจกลางอัคคี อนาคตของเขาย่อมมากด้วยพรสวรรค์ไร้ขีดจำกัด!
“รอบที่สอง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเราก็ยังพ่ายแพ้!”
แม้จะเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง แต่พ่ายแพ้ก็คือพ่ายแพ้ หลัวชิงเซียนไม่คิดปฏิเสธ แต่ผู้คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่คิดเฉยเมยอย่างในคราวแรกอีกต่อไป
แม้แต่ใบหน้าของเหล่าศิษย์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มารับชมการต่อสู้ก็ยังรุนแรงมากขึ้น
ต่อไป งานประลองยังคงดำเนินต่อไป!
อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันรอบต่อไป ผู้เข้าประลองจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง!
คนแรกจากสำนักจันทร์กระจ่าง ศิษย์ที่เข้าร่วมการต่อสู้เป็นสตรีงดงามแห่งสวรรค์ การจับจ้องนางไม่ต่างอะไรจากมองจันทราสว่างไสวบนท้องฟ้า ดูเหมือนว่านางผู้นี้คือเทพธิดาแห่งจันทราอย่างแท้จริงแล้ว
ทันทีที่นางปรากฏตัวปรากฏ นางสามารถเอาชนะศิษย์ของสวรรค์ทะนงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์!
หลังจากนั้นเป็นสำนักดาราเมฆา สำนักศึกสงคราม สำนักวายุอัสนี สำนักฝ่ายธรรมอื่น ๆ ที่เข้าร่วมในการต่อสู้นั้นมากด้วยพรสวรรค์ หรือมีร่างกายที่พิเศษ แม้แต่ศิษย์จากสำนักเจ้าโอสถที่ได้รับขนานนามว่าอ่อนแอที่สุดในสิบสำนักก็ยังมีอัจฉริยะปรากฏตัว เขาคือนักเล่นแร่แปรธาตุที่หาพบได้ยาก และด้วยการกลั่นยาอายุวัฒนะที่มีประโยชน์ในการต่อสู้ เขาทำให้เฟิงหลิ่งเหยาต้องพ่ายแพ้!
ท้ายที่สุด แม้แต่ลู่เสวียนจือแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอยู่ในขอบเขตราชันยุทธ์ขั้นสุด ก็ยังต้องแบกรับความพ่ายแพ้จากสำนักหมื่นกระบี่!
เพียงแค่ครึ่งวัน!
สิบสำนักเข้าร่วมประลองวิทยายุทธ์!
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์พ่ายแพ้จนสิ้น!
จากอาวุโสเบื้องบนจวบจนเหล่าศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดล้วนอยู่ในสภาวะมืดมน
แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้
เดิมที ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องการแสดงพลังของพวกเขาต่อหน้าสิบสำนักในงานประลองรวมยุทธ์นี้ แต่ตอนนี้พวกเขากลายเป็นเรื่องขบขันของสำนักทั้งสิบเสียแล้ว!
“ฮ่าฮ่า! ขอบคุณดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ของขวัญเหล่านี้ยอดเยี่ยมยิ่ง พวกเรารู้สึกยินดีนัก!”
ท้ายที่สุด ภายใต้ใบหน้าอับอายของอาวุโสระดับสูงในนามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สำนักทั้งสิบอันดับแรกเลือกสมบัติจากคลังสมบัติของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทีละชิ้น!
กระดิ่งภูผาศักดิ์สิทธิ์!
ดอกบัวแผ่นดินใจกลางอัคคี!
เคล็ดสวรรค์เก้ามังกรศึก!
สายเลือดศักดิ์สิทธิ์แห่งสัตว์วิญญาณและอื่น ๆ!
ซึ่งแต่ละชิ้นนับว่าเป็นขุมทรัพย์ที่แท้จริง ซ้ำทุกสิ่งยังมิอาจประเมินมูลค่าได้!
ทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แทบจะหลั่งเลือด แม้แต่หลัวชิงเซียนที่เย็นชาเสมอมายังเผยสีหน้าน่าเกลียดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
นางไม่ทราบด้วยซ้ำว่านางกล้าหาญกล่าวเรื่องกำจัดปีศาจได้อย่างไร
ท้ายที่สุดแล้ว ศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่แม้แต่จะเอาชนะศิษย์จากสำนักอื่น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีคุณสมบัติใดที่จะโน้มน้าวให้ผู้อื่นเข้ามาร่วมมือกำจัดปีศาจ!
แน่นอน เกี่ยวกับเรื่องกำจัดปีศาจ ทั้งสิบสำนักต่างกล่าวว่าพวกเขาไร้ความสามารถ ทุกคนล้วนแต่กล่าวว่าต้องกลับไปขอคำแนะนำจากบรรพบุรุษ
“เจ้านิกายหลัว เช่นนั้นพวกข้าขอตัวลา แล้วเราจะพิจารณาเรื่องการจัดการกับปีศาจอย่างจริงจัง”
ในที่สุด สำนักสิบอันดับแรกก็ยังคงความสุภาพ หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดเคลื่อนย้ายออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนดั่งเช่นตอนที่มาเยือน!
สิบสำนักแรกกลับไปแล้ว!
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเงียบสงัด มีเพียงความมืดและความเงียบปกคลุม!
ศิษย์ของสำนักเล็กที่พวกเขาเหยียดหยามมาตลอดตบหน้าพวกเขาอย่างรุนแรงในวันนี้ เรื่องทั้งหมดที่เกิดทำให้พวกเขาทำใจยอมรับได้ยาก
“ดูเหมือนว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจะสุขสบายเกินไป ข้าไม่เคยคิดเลยว่าแม้แต่ศิษย์จากสิบสำนักลอบแซงหน้าพวกเราไปแล้ว!”
ในเวลานี้ หลัวชิงเซียนที่ยืนตระหง่านอยู่บนท้องฟ้าถอนหายใจอย่างหนัก
อาวุโสระดับสูงเงียบงัน!
แม้ความแข็งแกร่งโดยรวมของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังเพียงพอที่จะบดขยี้สำนักเหล่านั้นได้ แต่ในระยะยาวแล้วนี่ย่อมไม่ใช่สัญญาณที่ดีแน่นอน
อัจฉริยะที่ไม่เฉลียว ย่อมไม่อาจสร้างประโยชน์
ทั้งหมดนี้จะทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยิ่งอ่อนแอลง!
ยิ่งไปกว่านั้น คราวนี้สิบสำนักอันดับแรกยังเลือกสมบัติที่เป็นมากกว่าขุมทรัพย์กลับออกไป!
“ต้องระวังตัวให้มาก อย่างไรแล้วงานประลองแดนศักดิ์สิทธิ์รวมยุทธ์นั้นก็ไม่ได้แย่ไปเสียหมด อย่างน้อยศิษย์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรายังได้ทราบข้อเสียของตนเอง อย่างไรแล้วเหนือฟ้าย่อมมีฟ้า การต่อสู้ครั้งนี้จะทำให้พวกเราก้าวต่อไป ศักดิ์ศรีแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังแขวนคอพวกเราอยู่!”
เวลานี้ อาวุโสสูงสุดลี่ฉิงเทียนกล่าวปลอบโยน
“เป็นเช่นนั้น!”
หลัวชิงเซียนพยักหน้า “เสียดายที่งานประลองดินแดนศักดิ์สิทธิ์รวมยุทธ์ในคราวนี้ จะทำให้การผนึกกำลังกับสิบสำนักอันดับแรกในการกำจัดปีศาจยิ่งยากขึ้นไปอีกขั้น!”
ทุกคนเงียบลง
ศักดิ์ศรีสุดท้ายของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เลือนหายไปโดยสมบูรณ์จากการประลองคราวนี้
“เอาล่ะ! แยกย้ายกันได้แล้ว!”
หลัวชิงเซียนไม่ตำหนิผู้ใด นางถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันหลังแล้วเลือนหายไปในอากาศ
ผู้คนในลานกว้างค่อย ๆ แยกย้ายกันไปด้วยบรรยากาศหดหู่
ภายในฝูงชน
เมื่อเห็นว่าหลัวชิงเซียนต้องหนักใจเพียงใด หนิงฝานที่ปะปนอยู่ในฝูงชนถึงกับขมวดคิ้ว
“ดูเหมือนว่างานประลองดินแดนศักดิ์สิทธิ์รวมยุทธ์จะมีความสำคัญต่อเจ้ายิ่ง!”
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะช่วยเหลือเจ้าในฐานะสามี!”
หนิงฝานถอนหายใจเบาก่อนจะเดินออกจากประตูเทือกเขาไป
…
ด้านนอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ผู้คนจากสิบสำนักกำลังเดินทาง ทุกคนเชิดใบหน้าและยืดอกอย่างเต็มภาคภูมิราวกับแม่ทัพที่ได้รับชัยชนะจากสงครามกลับบ้าน
“ฮ่า! ฮ่า ๆๆๆ! วันนี้มีความสุขเป็นบ้า!”
“ประเสริฐแล้ว! ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งสำนักของเราจะสามารถบดขยี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้!”
“ฮ่าฮ่า หากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนต้องการตำหนิผู้ใด คงทำได้เพียงกล่าวโทษตนเอง ศิษย์ไร้ความสามารถไม่อาจเทียบเท่าคนรุ่นก่อน เจ้าโง่พวกนั้นไม่มีอะไรดีนอกจากอวดอ้างว่าตนเป็นศิษย์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน”
“ต่อจากนี้ไป มารับชมกันเถิดว่าพวกมันจะเผยใบหน้าแบบใดเวลาต้องกล่าวกับสิบสำนักอันดับแรกเช่นพวกเรา”
“…”
เจ้าสำนักทั้งสิบมองหน้ากันพร้อมเผยรอยยิ้มยินดี
การประลองแดนศักดิ์สิทธิ์รวมยุทธ์คราวนี้ สิบสำนักอันดับแรกไม่เพียงแต่เอาชนะดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างย่อยยับ แต่ยังได้รับสมบัติล้ำค่าอีกด้วย
ด้วยสมบัติเหล่านั้น ทั้งรากฐานและความแข็งแกร่งของสำนักทั้งสิบจะถูกยกระดับขึ้น
“ทุกคน พวกเราร่วมมือร่วมใจกันได้อย่างยอดเยี่ยม นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีเหลือเกิน เอาล่ะ ถึงเวลาที่พวกเราต้องบอกลาแล้ว”
ในที่สุดสำนักทั้งสิบกล่าวอำลากันก่อนจะแยกย้ายกลับสู่สำนักของตน
อย่างไรก็ตาม เมื่อสิบสำนักกำลังจะจากไป
“เดี๋ยว!”
ทันใดนั้นพลันมีเสียงแผ่วเบาดังขึ้นมาในสายลม
มีชายหนุ่มวัยยี่สิบปีผู้หนึ่งเดินมาอย่างเชื่องช้าจากทิศทางของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาสวมเสื้อคลุมสีเทาธรรมดา และไม่มีออร่าพลังแข็งแกร่งเล็ดลอดออกจากร่างกายแม้แต่น้อย
ทันทีที่หนิงฝานมาถึง เขาก็มองผู้คนจากสิบสำนักอันดับแรก เผยรอยยิ้มแล้วกล่าวคำ “ทุกท่านอย่าเพิ่งรีบร้อนนัก ข้าเพียงมีเรื่องอยากจะพูดกล่าวด้วย!”
“เจ้าเป็นใคร?”
เมื่อเห็นว่าหนิงฝานเดินเข้ามาใกล้ สมาชิกทั้งสิบสำนักขมวดคิ้วแน่น
“ฮ่า ๆ ข้าก็แค่ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์… ช่างซ่อมบำรุง ข้าเพิ่งได้รับชมการประลองดินแดนศักดิ์สิทธิ์รวมยุทธ์เมื่อครู่ และข้าก็คันไม้คันมือเหลือเกิน จึงอยากจะมาขอคำแนะนำจากพวกท่านทุกคน!”
หนิงฝานยกยิ้มก่อนจะกล่าวอีกครั้ง “หวังว่ามันคงไม่มากเกินไป หากจะขอให้พวกท่านรับกระบี่ของข้า!”